หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เพื่อไทยฟอกพวกมือเปื้อนเลือดทุกคน

เพื่อไทยฟอกพวกมือเปื้อนเลือดทุกคน





ตามคาดหมาย....เพื่อไทยฟอกพวกมือเปื้อนเลือดทุกคน เพื่อให้ทักษิณได้กลับไทย ส่วนนักโทษทางความคิดอย่างสมยศหรือดา กลับบ้านไม่ได้ เพราะไม่ยอมแตะ112

As I have long predicted.....Pua Thai proposes amnesty for all those with blood on their hands, including the military... all so that Taksin can return. But this amnesty does not cover lese majeste and so Somyot and Da stay in prison.

 
สงครามคู่ขนาน: ประชาชนหรือนายทุน? เสื้อแดงหรือทักษิณ? เบื้องหลังการหักหลังวีรชนและนักโทษการเมืองโดยการนิรโทษกรรมของเพื่อไทย 



 
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์


รัฐบาลเพื่อไทยหักหลังวีรชนเสื้อแดง นิรโทษกรรมทหารและนักการเมืองมือเปื้อนเลือด หวังทักษิณได้กลับไทย ทิ้งนักโทษทางความคิด 112 ให้ตายในคุก นี่คือผลพวงของการจับมือกันระหว่างชนชั้นปกครองซีกทักษิณและทหาร เป็นสิ่งที่ผมและเลี้ยวซ้ายคาดว่าจะเกิดนานแล้ว เราเถียงกับพวกเสื้อแดงที่เชียร์ยิ่งลักษณ์จนหน้าดำหน้าแดง ... ข้อสรุปที่เราต้องยืนยันอีกครั้งคือ คนเสื้อแดงก้าวหน้าต้องจัดตั้งกลุ่มหรือพรรคการเมืองอิสระจาก นปช. และเพื่อไทย และต้องไม่พึงพอใจกับการจัดตั้งกระจัดกระจายที่ต่างคนต่างเคลื่อนไหว ถ้าทักษิณจับมือกับทหารซีกรัฐประหารได้ คนก้าวหน้าน่าจะจับมือกันได้

ใน “สงคราม” ของเสื้อแดงกับอำมาตย์หลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา มีสองสงครามคู่ขนานคือ....... 
   
หนึ่ง ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่พร้อมจะเคลื่อนไหวทางการเมือง ได้ร่วมกันสร้างขบวนการเสื้อแดงและออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่ไม่มีการ แทรกแซงโดยอำมาตย์ ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือผู้มีอำนาจอื่นๆ และท่ามกลางการต่อสู้มีการตื่นตัวมากขึ้นจนคนเสื้อแดงส่วนใหญ่เริ่มมองสังคม ไทยจากมุมมองชนชั้น อย่างน้อยก็มองว่ามีสองฝ่ายหลักคือ “เรา” ที่เป็น “ไพร่” กับ “เขา” ที่เป็น “อำมาตย์” และเสื้อแดงเหล่านี้ต้องการให้มีการเปลี่ยนสังคมไทย ต้องการให้ยกเลิกกฏหมายเผด็จการอย่าง 112 ต้องการให้ปฏิรูปกองทัพไม่ให้แทรกแซงการเมือง ต้องการให้ปฏิรูปขบวนการยุติธรรมด้วย และเขาเสียสละเลือดเนื้อเพื่อสิ่งเหล่านี้

สอง ฝ่ายทักษิณกับพรรคพวกไม่ได้สู้เพื่อให้มีการเปลี่ยนสังคมไทยให้เท่าเทียมแต่อย่างใด เขาไม่ต้องการให้ยกเลิกกฏหมายเผด็จการอย่าง 112 ไม่ต้องการให้ปฏิรูปกองทัพไม่ให้แทรกแซงการเมือง และไม่ต้องการให้ปฏิรูปขบวนการยุติธรรม เป้าหมายของเขาคือการกลับมาปรองดองกับคู่ขัดแย้ง และเพื่อให้สังคมไทยกลับคืนสู่สภาพ “ปกติ” ท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและการขูดรีด อย่างที่เป็นก่อน ๑๙ กันยายน

ทักษิณพูดเองเมื่อต้นปี ๒๕๕๕ ว่าเขามองว่าวิกฤตไทยมาจากการทะเลาะกันระหว่างนักการเมืองพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพวก กับทักษิณและพรรคพวกของเขา และแน่นอนคำพูดนี้เป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์อย่างถึงที่สุด เพราะตัดบทบาทของทหารที่ทำรัฐประหารและฆ่าประชาชนออกไปหมด และลบทิ้ง “สงคราม” ของประชาชนเสื้อแดง เพื่อให้มีแค่การต่อสู้เพื่อตัวทักษิณเอง สรุปแล้วในความฝันของทักษิณ คนเสื้อแดงคือแค่ไพร่รับใช้ทักษิณและพรรคเพื่อไทยเท่านั้น


เป้าหมายของทักษิณและพรรคพวก โดยเฉพาะนักการเมืองเพื่อไทยในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คือแค่การปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและอภิสิทธิ์ชนซีกทักษิณ นั้นคือสาเหตุที่รัฐบาลปัจจุบันเต็มไปด้วยรัฐมนตรีที่ไม่เคยสู้เพื่อประชาธิปไตย และหลายคนก็มีประวัติการเป็นโจรอีกด้วย และเป้าหมายของทักษิณกับยิ่งลักษณ์หมายความว่าจะไม่กล่าวถึงอาชญากรรมของทหาร เพราะจับมือจูบปากทหารแล้ว จะไม่ลบล้างผลพวงของรัฐประหารตามข้อเสนอคณะนิติราษฏร์ และจะไม่ป้องกันไม่ให้ทหารแทรกแซงการเมืองอีก

ข้อเสนอให้ฟอกตัวพวกมือเปื้อนเลือดของทักษิณกับเพื่อไทย เป็นการ “ถุยน้ำลายใส่” วีรชนเสื้อแดงที่เสียสละในการต่อสู้ และทำการปรองดองบนซากศพเขา ไม่มีการนำทหารกับนักการเมืองประชาธิปัตย์มาขึ้นศาล และมีการปล่อยให้นักโทษการเมือง 112 ติดคุกต่อไป คนเหล่านี้ติดคุกเพราะกล้าคิดต่าง เช่นสมยศกับดา

ถ้ามีการนำทหารและนักการเมืองอย่างอภิสิทธิ์มาขึ้นศาลในคดี “อาชญากรรมของรัฐต่อประชาชน” ในอนาคตอาจต้องนำทักษิณมาขึ้นศาลได้ในคดีอาชญากรรมของรัฐต่อประชาชนที่ตากใบ และในเรื่องการฆ่าวิสามัญยาเสพติด ดังนั้นคำวัญสำคัญของชนชั้นปกครองไทยคือ “เรารู้จักปกป้องผลประโยชน์ของพวกเราเสมอ” และกฏหมายเผด็จการอย่าง 112 คือกฏหมายที่ปกป้องผลประโยชน์ของทหาร นายทุน และข้าราชการชั้นสูง

ผู้เขียนเคยอธิบายมานานแล้วว่ามีการจับมือกันระหว่างทหารกับเพื่อไทย และแม้แต่ อภิสิทธิ์ หรือสุเทพ จะไม่ถูกนำมาลงโทษ แต่บ่อยครั้งเสื้อแดงที่เป็นกองเชียร์ของรัฐบาลจะหาข้ออ้างต่างๆ นาๆ มาเถียง และกล่าวหาว่าผมรีบสรุปเกินไป ตอนนี้เราเห็นชัดว่าอะไรเกิดขึ้นแล้ว

สำหรับแกนนำ นปช. พวกนี้มองว่าภาระหลักของ นปช. คือการเป็นกองเชียร์ให้พรรคเพื่อไทยและทักษิณ และการสนับสนุนเป้าหมายของทักษิณและยิ่งลักษณ์ในการนำสังคมไทย “กลับคืนสู่สภาพปกติท่ามกลางความเหลื่อมล้ำและการขูดรีด” ดังนั้นทั้งๆ ที่มีการใช้วาจาสร้างภาพว่าจะไม่ “ทอดทิ้งกัน” แกนนำ นปช. ก็ค่อยๆ สลายขบวนการเสื้อแดง และหันหลังให้กับนักโทษการเมือง โดยเฉพาะนักโทษ 112 ไม่มีการรณรงค์อย่างเต็มที่ให้ลบผลพวงของรัฐประหาร ให้มีการยกเลิก 112 และให้มีการนำทหารและนักการเมืองประชาธิปัตย์มาขึ้นศาลแต่อย่างใด และเวลาก็ผ่านไปนานแล้วหลังชัยชนะของพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั่ง

การที่แกนนำ นปช. สามารถทำลายความฝันของเสื้อแดงในการปฏิรูปสังคมไทยและสามารถหักหลังวีรชนได้ ไม่น่าจะทำให้เราแปลกใจมากเกินไปถ้าเราเข้าใจว่าเสื้อแดงก้าวหน้าบกพร่องในการสร้างองค์กรทางการเมืองที่อิสระจาก นปช.

แต่อย่าเข้าใจผิดว่าการออกมาต่อสู้ของประชาชนเสื้อแดงเป็นเรื่องสูญปล่าว อย่าเข้าใจผิดว่าการออกมาต่อสู้ของประชาชนไม่เคยได้อะไร อย่าเข้าใจผิดว่าเราต้องถูกแกนนำหลอกเสมอ

ถ้าเสื้อแดงไม่ได้ออกมาสู้ เราจะไม่มีกระแสสำคัญๆ ในสังคมไทยที่อยากปฏิรูปการเมืองจริงๆ เช่นการรณรงค์ของนิติราษฎร์หรือผู้ที่ต้องการจัดการกับกฏหมาย 112 และถ้าพวกเราไม่ได้ออกมาสู้อำมาตย์ก็จะมั่นใจยิ่งกว่านี้ว่าทำอะไรกับเราก็ได

การต่อสู้ของมวลชน... ชัยชนะหรือความพ่ายแพ้... การเสียเลือดเนื้อของประชาชน... การเลือกตั้ง... การปรองดองของชนชั้นปกครองบนซากศพวีรชน... ฆาตกรลอยนวล... อำนาจอำมาตย์ถูกปกป้อง... พรรคการเมืองทำลายความฝันของประชาชน:  นั้นคืออ่างน้ำเน่าของการเมืองไทยในรอบห้าสิบกว่าปีที่ผ่านมา ถ้าเราอยากให้เรื่องแบบนี้จบสักที คนก้าวหน้าต้องรู้จักรวมตัวกันทางการเมืองในลักษณะที่อิสระจากพวก “ผู้ใหญ่” เราต้องมาร่วมกันสร้าง “พรรคสังคมนิยม”

พรรคสังคมนิยมมีหน้าที่สร้างผู้ปฏิบัติการจากคนที่เข้าใจประเด็นการเมืองทางชนชั้น เพื่อให้ผู้ปฏิบัติการขยายความคิดนี้ไปสู่คนส่วนใหญ่ที่มีความคิดกลางๆ ระหว่างความก้าวหน้ากับความล้าหลัง หรือระหว่างความเป็นซ้ายกับความเป็นขวา พรรคไม่ได้ตั้งเป้าหมายหลักในการทำงานกับคนที่ล้าหลังที่สุด ถูกกดขี่มากที่สุด หรือเข้าใจการเมืองน้อยที่สุดเพราะคนกลุ่มนี้ยังไม่พร้อมจะเปลี่ยนความคิดง่ายๆ นั้นคือสาเหตุที่พรรคฝ่ายซ้ายควรทำงานกับคนเสื้อแดงก้าวหน้า คนหนุ่มสาว และนักสหภาพแรงงาน

แต่ถึงกระนั้น ถ้าจะมีการเปลี่ยนสังคมอย่างถอนรากถอนโคน ซึ่งจะนำไปสู่เสรีภาพแท้ได้ การเปลี่ยนสังคมดังกล่าวต้องเป็นการกระทำของมวลชนส่วนใหญ่เอง จากล่างสู่บน ไม่ใช่การกระทำของกลุ่มเล็กๆ หรือ "กองหน้า" หรือการกระทำของพรรค “เพื่อปลดแอกคนส่วนใหญ่”
เราไม่ควรไปเสียเวลากับคนชั้นกลางเท่าไร เพราะในวิกฤตปัจจุบัน และในยุค ๖ ตุลา คนชั้นกลางส่วนใหญ่ในไทยเลือกข้างของความป่าเถื่อน และทั่วโลกมักเป็นพลังสำคัญของกระแสฟสซิสต์

พรรคสังคมนิยมต้องยึดถือผลประโยชน์ชนชั้นกรรมาชีพและคนจนเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกรรมาชีพภาคบริการ ภาคอุตสาหกรรม หรือพนักงานปกคอขาว และไม่ว่าจะเป็นคนจนที่เป็นชาวนา ลูกจ้างภาคเกษตร ชนกลุ่มน้อย หรือคนจนในเมือง พรรคต้องเป็นปากเสียงของผู้ถูกกดขี่ทุกคนโดยไม่คำนึงถึงเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และวิถีชีวิต


พูดง่ายๆ พรรคหรือกลุ่มสังคมนิยมควรรับภาระในการต่อสู้ต่อไปของคนชั้นล่างท่ามกลางการหักหลังทรยศของพรรคเพื่อไทยและ นปช.

(ที่มา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น