หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2556

การซื้อเสียงเป็นเพียงข้ออ้างไร้สาระที่อันตราย

การซื้อเสียงเป็นเพียงข้ออ้างไร้สาระที่อันตราย



ผาสุก พงษ์ไพจิตร และ Christ Baker เขียน
ธรรมชาติ กรีอักษร แปล
ภาคิน นิมมานนรวงศ์ ตรวจแก้


การอ้างว่ารัฐบาลปัจจุบันไม่มีความชอบธรรมเพราะชัยชนะจากการเลือกตั้งของ พวกเขามาจากการซื้อเสียงนั้นถูกกู่ร้องก้องตะโกนมาจากเวทีประท้วงซ้ำแล้วซ้ำ เล่า ข้ออ้างเช่นนี้ถูกกล่าวซ้ำในบทความหลายชิ้นในบางกอกโพสต์ก่อนหน้านี้ และปรากฏเป็นความเห็นทั่ว ๆ ไปของผู้เขียนจดหมายถึงหนังสือพิมพ์ฉบับนี้

และมันเป็นเรื่องไร้สาระ ไร้สาระและอันตราย

ในช่วงแรกของประวัติศาสตร์การเลือกตั้งไทย ผู้สมัครรับเลือกตั้งจะยัดเงินให้กับผู้มีสิทธิเลือกตั้งเพื่อสร้างข้อผูก มัด ครั้นเมื่อผู้เลือกตั้งรับน้ำใจจากผู้สมัครแล้ว คงดูเป็นการเสียมารยาทหากไม่ทดแทนน้ำใจงาม ๆ ด้วยการลงคะแนนให้ แต่การแลกเปลี่ยนที่ไร้เดียงสาเช่นนี้ไม่ได้มีอายุยืนยาวนัก หลังจากนั้นไม่นาน ประชาชนย่อมเรียนรู้ว่าพวกเขาสามารถรับเงินจากผู้สมัครทุกคน และยังคงกาบัตรเลือกตั้งของตัวเองได้ตามแต่ใจนึก

อย่างไรก็ดี จนกระทั่งถึง ต้นทศวรรษ 2540 ประชาชนทั่วไปยังไม่ได้สนใจการเลือกตั้งมากนัก ในช่วงเวลานั้น พวกเขาเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกสามถึงสี่ปี โดยเลือกจากรายชื่อบรรดานักธุรกิจร่ำรวยที่ไม่ได้ทำอะไรให้พวกเขามากเท่า ไหร่ พวกเขาเห็นค่าคะแนนเสียงของตัวเองเพียงน้อยนิด จึงขายมันเพื่อแลกกับเงิน หรือสาธารณูปการบางอย่าง อาทิ น้ำประปาหรือการตัดถนน การเมืองของการเลือกตั้งไม่ได้เป็นเรื่องตื่นระทึกจนหายใจรดต้นคอหรือทำให้ หัวใจตกไปอยู่ใต้ตาตุ่ม ทุก ๆ ครั้งที่มีการเลือกตั้งทั่วไป กระทรวงมหาดไทยต้องออกมารณรงค์โน้มน้าวให้คนไปใช้สิทธิ์ใช้เสียงของตัวเอง

สถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างน่าประทับใจเมื่อช่วงเปลี่ยนสหัสวรรษ ด้วยหลักปฏิบัติใหม่ ๆในรัฐธรรมนูญฉบับ 2540 โดยเฉพาะการเกิดขึ้นของกลไกการกระจายอำนาจให้กับรัฐบาลท้องถิ่นที่มาจากการ เลือกตั้ง ผู้คนเริ่มไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งมากขึ้นและไม่ได้เลือกตั้งเพียง ส.ส. อย่างเดียวทุก ๆ สองสามปี พวกเขาไปใช้สิทธิ์กันถึงปีละสองสามครั้งเพื่อเลือก ส.ว. ผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภาจังหวัด สมาชิกสภาตำบล และกำนัน ในการเลือกตั้งส่วนท้องถิ่นเหล่านี้ ประชาชนมักจะเลือกผู้สมัครที่ตัวเองรู้จัก และสามารถเห็นผลของการเลือกของพวกเขาได้อย่างชัดเจน การให้การศึกษาถึงเรื่องคุณค่าและอำนาจของคะแนนเสียงด้วยวิธีเช่นนี้มีความ รวดเร็วและหยั่งลึก และทักษิณก็แสดงให้ประชาชนเห็นว่าการเลือกตั้งนั้นส่งผลในระดับชาติได้เช่น กัน


กระทรวงมหาดไทยไม่ต้องรณรงค์ให้คนออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งอีกต่อไป เนื่องจากคนที่ออกมาใช้สิทธิ์เมื่อสองสามครั้งที่ผ่านมามีจำนวนมากกว่าร้อย ละเจ็ดสิบ ถือว่าสูงกว่าประเทศที่ประชาธิปไตยพัฒนาแล้วเสียอีก ระหว่างการประท้วงของคนเสื้อแดงเมื่อปี 2553 ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวกับผู้วิจัยถึงสาเหตุในการเรียกร้องให้มีการเลือกตั้ง ใหม่ว่า “คนกรุงเทพมีชีวิตความเป็นอยู่ดีแล้ว พวกเขาจึงไม่ต้องการการเลือกตั้งเพื่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลง แต่เราต้องการ”

การซื้อเสียงอาจยังไม่ได้หายไปไหน เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ผู้สมัครบางท่านอาจยังต้องให้เงิน เนื่องจากกลัวจะถูกมองว่าเป็นคน “ขี้งก” หรือ “ไม่มีน้ำใจ” แต่อย่างไรก็ตาม ประเด็นคือเงินนั้นไม่ได้เป็นสิ่งที่ชี้ขาดผลการเลือกตั้งอีกต่อไปแล้ว
  
ในการเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อเดือนกรกฎาคม ปี 2554 แบบแผนของการเลือกตั้งมีความแตกต่างอย่างชัดเจน ในพื้นที่ขนาดใหญ่แต่ละส่วนของประเทศ  เขตการเลือกตั้งที่ติดกัน ส.ส. ที่มาจากพรรคเดียวกันมักชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของภาคอีสาน ผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทยชนะขาดด้วยเสียงสนับสนุนมากกว่าร้อยละหกสิบ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์มีคะแนนน้อยกว่าร้อยละสิบ ในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน พรรคเพื่อไทยชนะด้วยคะแนนมากกว่าร้อยละห้าสิบ ในขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ได้ประมาณร้อยละยี่สิบเท่านั้น

ในภาคใต้ (ยกเว้นบริเวณใต้สุดที่มีชาวมุสลิมเป็นส่วนใหญ่) พรรคประชาธิปัตย์ชนะด้วยคะแนนมากกว่าร้อยละหกสิบ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยชนะด้วยคะแนนต่ำกว่าร้อยละสิบ

แบบแผนเช่นนี้จะไม่เกิดขึ้น ถ้าคุณคิดว่าการซื้อเสียงเป็นตัวชี้ขาดผลการเลือกตั้ง ประเด็นคือ พรรคการเมืองจะซื้อเสียงเกินจำนวนคะแนนที่จำเป็นต้องใช้เพื่อชนะการเลือก ตั้งขนาดนั้นไปทำไม สมัยที่การซื้อเสียงส่งผลจริง ๆ เมื่อ 30 ปีก่อน แบบแผนของผลการเลือกตั้งนั้นผิดแผกแตกต่างออกไปอย่างมาก สิ่งที่เราเห็นจากแบบแผนของปี 2554 คือผลการเลือกตั้งที่มีฐานมาจากสำนึกร่วมกันของคนจำนวนมาก

ข้ออ้างผิด ๆ เกี่ยวกับการซื้อเสียงในปัจจุบันเป็นส่วนสำคัญของการรณรงค์เพื่อทำให้ ประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้งอ่อนแอลง ปัญหาที่แท้จริงคือประชาชนที่เข้าใจคุณค่าของคะแนนเสียงกำลังเพิ่มจำนวนขึ้น เรื่อย ๆ และกำลังใช้มันเพื่อผลประโยชน์ของพวกเขาเอง  

หมายเหตุ: แปลมาจาก Vote-buying claims nothing but dangerous nonsense”  

(ทีมา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/12/50334 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น