หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ครอบครัวตัวดี

ครอบครัวตัวดี


 
โดย จักรภพ เพ็ญแข
 
เราควรพอใจที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เกิดความเหิมใจอย่างหนัก เมื่อรู้ผลคำพิพากษาของศาลแพ่งที่เล่นบทศรีธนญชัย นั่นคือไม่ยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินที่รัฐบาลประกาศ แต่ห้ามรัฐบาลดำเนินการแทบทุกชนิดตามคำประกาศนั้น เขาก็ประกาศก้องบนเวทีประท้วงว่า ประเทศไทยไม่ใช่สมบัติของตระกูลชินวัตร และส่งสาวกทั้งหัวล้านและมีผมไปก่อกวนรังควาญสถานประกอบการทางธุรกิจต่างๆ ที่เชื่อว่าเป็นของครอบครัวชินวัตรหรือมีความเกี่ยวข้อง ทั้งที่ผู้คนเหล่านั้นเป็นสุจริตชนที่ทำมาหากินของตนเองโดยไม่ได้มีบทบาทใดๆ ในทางการเมืองเลยแม้แต่น้อย 

เหตุที่เราควรรู้สึกพอใจ ก็เพราะว่า ในการฉายสปอตไลต์ใส่ครอบครัวชินวัตรเช่นนี้ ฝ่ายต่อต้านระบอบประชาธิปไตยกำลังเปิดทางให้เราร่วมส่องไฟใส่หน้าตระกูลใหญ่ๆ ในเมืองไทยอีกหลายตระกูล เพื่อให้รู้กันทั่วโลกว่าตระกูลไหนคือตัวทากที่คอยเกาะกินดูดเลือดประเทศไทยตัวจริง โดยเฉพาะตระกูลใหญ่ที่เป็นเจ้าของที่ดินผืนใหญ่ที่สุดในแผ่นดินไทย บีบบังคับเอาส่วนแบ่งในเรื่องต่างๆ จากรัฐบาลทุกยุคมากที่สุด เผาผลาญทรัพยากรของแผ่นดินมากที่สุด เสนอผ่านโครงการอันหลากหลายซึ่งมักมาพร้อมกับงบประมาณประชาสัมพันธ์สร้างภาพก้อนมหึมา และชี้นำทำลายระบอบประชาธิปไตยมาตลอดชีวิต เพราะมั่นใจว่าเป็นระบอบคู่แข่งกับอำนาจตน ความจริงแทบทุกตระกูลธุรกิจในเมืองไทยประมาณ ๒๐ ตระกูลก็มิใช่ตระกูลใสซื่อใสเหมือนน้ำกลั่นอะไรนัก ส่วนมากก็เป็นบรรษัทธุรกิจที่ได้รับประโยชน์จากความเป็นสีเทาของเศรษฐกิจและสังคมไทยมาตลอด และอยู่ภายใต้ระบบอุปถัมภ์ของสมภารผู้เป็นเจ้าวัดใหญ่อีกชั้นหนึ่ง จนต้องแย่งจองกฐินและผ้าป่าเพื่อสงเคราะห์วัดและเอาใจหลวงพ่ออยู่ ความแตกแนวหรือแตกแถวครั้งสำคัญเกิดจากความตั้งใจของอดีตนายกรัฐมนตรี ดร.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นตัวแทนของตระกูลหนึ่งในกลุ่มเดียวกันนี้ ที่จะเลื่อนชั้นเมืองไทย จากระบบทุนนิยมศักดินาล้าหลัง สู่ภาวะทุนนิยมก้าวหน้า ความตั้งใจนี่เอง ที่นำมาสู่การประหัตประหารตัวอดีตนายกรัฐมนตรีและครอบครัวชินวัตร เพราะกลายเป็นหลักฐานที่ชี้จนชัดเจนว่า โครงการ ๑๘ มงกุฎของระบบเศรษฐกิจทุนนิยมศักดินาล้าหลังทั้งหลายที่เขายัดเยียดให้ฟังจนอาเจียนนั้น ไม่ได้มีส่วนช่วยพัฒนาอะไรเลย ยกเว้นพัฒนาภาพลักษณ์ของเทวดาที่เกี่ยวข้อง และได้รับประโยชน์ส่วนตัว คุยโม้กันแทบตายว่า เมืองไทยที่ผ่านมาวิเศษวิโสเพราะโครงการเหล่านี้ ท้ายที่สุดแล้วก็ยากจนค่นแค้นเท่ากับประเทศที่เขาไม่มีระบอบแบบนี้นั่นเอง การฉีกหน้ากากดับคำโกหกมดเท็จทำให้สภาพเดิมของสังคมไทยตั้งอยู่ต่อไปไม่ได้ และกำลังเข้าสู่ความเป็นอนิจจังอย่างที่เราท่านกำลังเผชิญกันอยู่


ขอเชิญพวกเราชาวประชาธิปไตยมาร่วมใช้บรรยากาศนี้เปิดหน้ากากครอบครัวผู้มีอำนาจ อิทธิพล และทรัพย์สินอย่างล้นเหลือในสังคมไทยกันเถิด เปิดแล้วจะได้รู้ว่า ตระกูลที่ใช้เวลาทำมาหากินมากกว่าการสอพลอเอาใจเจ้าของประเทศและคอยเข้าแถวจ่ายค่าคุ้มครอง อย่างตัวอย่างของครอบครัวชินวัตร เอาเข้าจริงก็แค่ระดับอนุบาล เมื่อเทียบกับตระกูลดูดเลือดประเทศไทยที่มีทักษะเอาเปรียบประเทศในระดับดุษฎีบัณฑิต ตระกูลธุรกิจที่ออกมารวมตัวกันต่อต้านคอร์รัปชั่นกันอยู่นี้หลังฉากก็เน่าหนอนขึ้นกันทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่กล่าวโทษคนอื่นด้วยเสียงอันดัง ก็เพื่อให้เสียงนั้นกลบเสียงฉ้อโกงของตนเองเท่านั้นเอง  

นายสุเทพฯ ช่วยแฉต่อไปอีกหน่อย อย่าเพิ่งรีบเลิก แล้วจะรู้ว่า คนในบ้านทรายทองกับยายหุ่นคนบ้าที่เขาขังไว้ในเรือนเล็กหลังบ้านนั้น เอาเข้าจริงแล้วมันคนเดียวกันแท้ๆ

เมืองไทยเรานี้ อยากรู้ว่าใครร่วมมือกับใครมานานกว่า ต้องเอาแผนที่ในอดีตของกรุงเทพฯ มากางดูให้ชัดเจน หลังพระบรมมหาราชวังเป็นถิ่นที่อยู่ที่เขาให้ชาวจีนรุ่นแรกๆ เข้าไปอาศัย ชื่อสถานที่ก็ยังฟ้องว่าใครเป็นใคร เช่น เยาวราช ซึ่งแปลว่า กษัตริย์เด็ก อันเป็นชื่อตั้งขึ้น เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จฯ เยี่ยมคนจีนในย่านสำเพ็ง ราชวงศ์ ซึ่งแปลว่า ตระกูลพระราชาหรือผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ในแผ่นดิน เป็นต้น แต่บัดนี้ เมื่อความเป็นจีนกับไทยกลมกลืนกันจนไม่มีรอยตะเข็บแล้ว เศรษฐกิจไทยปัจจุบันจึงแบ่งออกเป็นทุนเก่า ที่ยังต้องเน้นความเป็นเยาวราชและราชวงศ์ต่อไป ถึงเวลาแสดงบทบาทดราม่า ก็ทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายนกหวีดทองคำกันกลางไชน่าทาวน์เสียอย่างนั้น กับทุนใหม่ที่มองโลกกว้างขึ้นและเป็นสากลขึ้น ยอมรับว่าประชาชนตาดำๆ ที่เคยเอาเปรียบเขามาตลอดนั้น เขาคือเพื่อนร่วมชาติและร่วมระบบเศรษฐกิจกับตนด้วย จึงต้องแสวงหาระบบการเมืองและเศรษฐกิจอันสนองตอบต่อคนทุกชนชั้นเศรษฐกิจได้อย่างทั่วถ้วน นั่นคือ ระบบสังคมนิยมประชาธิปไตย  

(ที่มา)
FBจักรภพ เพ็ญแข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น