หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2557

เราลบผลพวงรัฐประหารด้วยการนำรัฐธรรมนูญปี๔๐กลับมาใช้ไม่ได้

เราลบผลพวงรัฐประหารด้วยการนำรัฐธรรมนูญปี๔๐กลับมาใช้ไม่ได้

 
โดย  ใจ อึ๊งภากรณ์


การทำรัฐประหารรอบสองโดยประยุทธ์มือเปื้อนเลือด และการ “ปฏิกูล” การเมืองโดยศัตรูของประชาธิปไตยที่คลานเข้าไปรับใช้เผด็จการ เป็นการทำลายประชาธิปไตยไทยครั้งยิ่งใหญ่ มันแก้ไขไม่ได้โดยการ “รอโอกาสในอนาคตให้ทุกอย่างกลับคืนสู่สภาพเดิม” อย่างที่เสื้อแดงหลายคนและ “เสรีไทย” เสนอ

แนวร่วมระหว่าง ทหารเผด็จการ องค์มนตรี ข้าราชการชั้นสูง และนายทุนใหญ่บางส่วน ที่เกาะอาศัยสถาบันกษัตริย์เพื่อเป็นเครื่องมือ ถือว่าเป็น “แนวร่วมนรก” ที่กำลังวางแผนจะคุมระบบการเมืองไทยไปอีกนานภายใต้ระบบกึ่งประชาธิปไตยกึ่ง เผด็จการ ถ้าเราจะมีเสรีภาพเราต้องโค่นแนวร่วมเผด็จการนี้แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งแปลว่าต้องกำจัดอำนาจทหารและยกเลิกสถาบันกษัตริย์ที่พร้อมจะถูกใช้เพื่อ ประโยชน์เผด็จการมาตลอด

ถ้าเราไม่โค่นแนวร่วมนรก ที่ทำลายประชาธิปไตยและสิทธิเสรีภาพของพลเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง เราจะไม่แก้ปัญหา และที่สำคัญคือการแก้ปัญหาไม่ได้อยู่ที่รัฐธรรมนูญ มันอยู่ที่พลังมวลชน

วิกฤตการเมืองประชาธิปไตยครั้งนี้ เป็นการทดสอบนักการเมืองฝ่าย “ทักษิณ-เพื่อไทย” ครั้งยิ่งใหญ่อีกด้วย ทดสอบแล้วก็สอบตก เพราะไม่ยอมนำการต่อสู้ คอยแต่จะประนีประนอมกับทหารภายใต้ข้ออ้างต่างๆ นาๆ แต่สาเหตุจริงที่พวกทักษิณและนปช.ไม่ยอมต่อสู้ ไม่ใช่เพราะกลัวสงครามกลางเมืองและการนองเลือด หรือเพราะ “สู้ไม่ได้” แต่เป็นเพราะเขาไม่ต้องการล้มอำมาตย์แบบถอนรากถอนโคนต่างหาก มันอธิบายได้ง่ายเพราะทักษิณและพรรคพวกก็เคยเป็นส่วนหนึ่งของอำมาตย์ด้วย เพียงแต่ว่าเขาทะเลาะกัน เสื้อแดงที่รักประชาธิปไตยและอยากมีศักดิ์ศรีและเสรีภาพควรเข้าใจตรงนี้


พวกเราชาว “สังคมนิยมปฏิวัติ” ไม่ต้องการสงครามนองเลือดหรอก เราไม่เห็นด้วยกับคนที่พูดด้วยความง่ายดายว่าควร “จับอาวุธสู้” เพราะการต่อสู้แบบนั้นมันไม่มีวันชนะ สงครามกลางเมืองอันโหดร้ายในซิเรียเป็นคำเตือนที่ดี เราส่งเสริมการเคลื่อนไหวของมวลชนแทน แต่ต้องฉลาดในการเคลื่อนไหว ต้องรู้ว่าพลังของคนชั้นล่างอยู่ที่ไหน ไม่ใช่ไปนั่งแช่กลางถนนจนฝ่ายตรงข้ามปราบปราม บทเรียนจากทั่วโลกในยุคต่างๆ สอนให้เรารู้ว่า “คนทำงาน” มีพลังอันยิ่งใหญ่ถ้ารวมตัวกันได้ การนัดหยุดงานเป็นอาวุธสำคัญของมวลชน แต่ก่อนที่เราจะใช้ได้ต้องมีการจัดตั้งทางการเมือง ซึ่งใช้เวลา

คนจำนวนมากในยุคนี้กำลังมองขึ้นข้างบน มองหาฟ้า เพื่อหา “ผู้ใหญ่” ที่จะมาปลดแอกเรา ไม่ว่าจะเป็น ทักษิณ เพื่อไทย เจ้าฟ้าชาย สหประชาชาติ หรือแม้แต่การตายของนายภูมิพล แต่คนที่มองขึ้นฟ้าตลอด จะมองไม่เห็นทาง และจะเหยียบขี้บนทางเดินเท้าท่ามกลางการฝันถึงอัศวินม้าขาว

“เลี้ยวซ้ายปฏิวัติ” จะไม่เสนอตัวเป็น “อัศวินม้าขาว” ตัวใหม่เด็ดขาด เราจะไม่โกหกปกปิดถึงความยากลำบากในการต่อสู้ แต่เราจะพยายามเสนอแนวทางการต่อสู้ที่เป็นรูปธรรมซึ่งจะต้องอาศัยความกระตือ รือร้น การจัดตั้งทางการเมือง การศึกษาการเมือง และการทำงานลับใต้ดิน เราเป็นเพียงโคมไฟเล็กๆ ที่จุดประกาย มันจะกลายเป็นกองไฟใหญ่ที่ลุกฮือทั่วประเทศได้ก็ต่อเมื่อพลเมืองจำนวนมาก ค่อยๆ นำไปปฏิบัติ นำไปถกเถียง และนำไปปรับใช้ให้สอดคล้องกับสถานการณ์จริง ทางลัดสู่เสรีภาพไม่เคยมี

อย่าโกหกตนเองอีกต่อไปเลย เสรีภาพของเราจะไม่มาจากการกระทำจากข้างบน มันจะไม่มาโดยอัตโนมัติถ้าเราแค่ใจเย็นรอ มันต้องมาจากการขยันทำงานทางการเมือง และการจัดตั้งของเราเองในชุมชนต่างๆ ของประเทศไทย

“การปฏิวัติ” เป็นกระบวนการ สังคมที่เท่าเทียมหรือ “สังคมนิยม” ที่เต็มไปด้วยประชาธิปไตย เป็นเป้าหมาย และเราต้องพร้อมจะจับมือและร่วมมือกับคนที่อยากได้ประชาธิปไตยทุกคน ไม่ว่าเขาจะมีมุมมองทางการเมืองอย่างไร แต่เราไม่จำเป็นต้องลดหรือ “เบาลง” แนวการเมืองของเราเพื่อความสามัคคีจอมปลอม

ในเดือนต่อๆ ไป จะมีการพยายามเสนอรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ เพื่อให้เพื่อนมิตรสหายนำไปคิด ภายใต้ความหวังว่าวันหนึ่งเราจะปฏิวัติสังคมได้ นี่คือสิ่งที่นักต่อสู้ในต่างประเทศขอมอบให้ท่านในปีใหม่นี้ เราทำแทนท่านไม่ได้ เราต้องสู้ร่วมกัน

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/12/30/

1 ความคิดเห็น: