สื่ออังกฤษตีแผ่ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ใช้องค์กรการกุศลบังหน้า หวังแทรกแซงทางการเมือง
Tue, 2011-08-30 12:52
เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ เดอะ การ์เดียนของอังกฤษเปิดเผยว่า องค์กรการกุศลในราชูปถัมป์ของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ มีส่วนเกี่ยวข้องในการล็อบบี้รัฐมนตรี และเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง ให้เปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเมืองที่อ่อนไหวในหลายด้าน เช่น การเปลี่ยนอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งการ์เดียนชี้ว่า การกระทำดังกล่าว จะทำให้ข้อถกเถียงเรื่องบทบาททางการเมืองของราชวงศ์ กลายประเด็นอีกครั้งหนึ่ง
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ได้เปิดเผยจดหมายโต้ตอบระหว่างมูลนิธิในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เช่น มูลนิธิธุรกิจในชุมชน (Business in the Community), มูลนิธิในราชูปถัมป์เพื่อสิ่งปลูกสร้าง (the Prince’s Foundation for the Built Environment) กับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความพยายามขององค์กรในราชูปถัมป์ต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ เช่น เรื่องการออกแบบผังเมือง การลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการบูรณะสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ เป็นต้น
จดหมายดังกล่าว ซึ่งนสพ. เดอะ การ์เดียน ได้มาจากการร้องขอผ่านพ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร เปิดเผยว่า Ros Kerslake ประธานกรรมการบริหารกองทุนบูรณะในราชูปถัมป์ (Prince’s Regeneration Trust) ได้เข้าพบ Grant Shapps รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะ เพื่อกดดันกรมคลังให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการฟื้นฟูบูรณะสิ่งก่อสร้าง นสพ.การ์เดียน ยังเปิดเผยว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีดังกล่าวในการดำเนิน โครงการอสังหาริมทรัพย์ของพระองค์ด้วย
การกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดข้อกังวลว่า การใช้อำนาจทางการเมืองของฟ้าชายชาร์ลส์อาจก่อให้เกิดปัญหาทางรัฐธรรมนูญ
ศาสตราจารย์อดัม ทอมกินส์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ กล่าวว่า เนื่องจากมูลนิธิดังกล่าวก่อตั้งโดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งอาจแฝงวาระทางการเมืองไว้ ทำให้อาจมองได้ว่า การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นการแทรกแซงทางการเมือง และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันซึ่งควรอยู่เหนือการเมือง
นอกจากนี้ มูลนิธิของเจ้าชายชาร์ลส์ ยังถูกมองว่า ใช้อภิสิทธิ์ในการเข้าถึงการพิจารณางบประมาณได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าองค์กร การกุศลอื่นๆ ทั่วไป
พอล ริชาร์ด รัฐมนตรีกระทรวงชุมชนและสุขภาพมองว่า ในความรู้สึกของตน มูลนิธิดังกล่าวได้รับสถานะพิเศษ และได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะภายใต้รัฐบาลใดๆ
“เมื่อมีจดหมายจากฟ้าชายชาร์ลส์เข้ามา [ในรัฐสภา] จะมีความรู้สึกของการวิ่งเต้นเป็นพิเศษ และช่องทางในการเข้าถึงสำหรับตำแหน่งและมูลนิธิของพระองค์ ก็ดูเหมือนจะง่ายมาก อย่างที่องค์กรอื่นๆ เทียบไม่ได้” ริชาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เป็นประธานมูลนิธิการกุศลทั้งหมด 20 แห่ง ในจำนวนทั้งหมด พระองค์เป็นผู้ก่อตั้ง 18 แห่ง และถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นความพยายามของพระองค์ ในการขยายอิทธิพลทางด้านนโยบายสังคมและสิ่งแวดล้อมในสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม โฆษกของสำนักพระราชวังของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กล่าวว่า มูลนิธิดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระที่มีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลกำกับ และมีการสื่อสารกับรัฐบาลอยู่แล้วเป็นเรื่องปรกติ
ก่อนหน้านี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องความพยายามใช้อิทธิพลส่วนตนต่อนโยบายสาธารณะ โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่า พระองค์โปรดให้รัฐมนตรีจากหลายกระทรวงเข้าพบเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพัฒนานานาชาติ แต่การพูดคุยดังกล่าว ถือว่าเป็นความลับ เนื่องจากเป็นข้อยกเว้นในพ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร จึงไม่อาจเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้นของพ.ร.บ. ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับองค์กรการกุศล
ศาสตราจารย์อดัม ทอมกินส์ ตั้งคำถามว่า การตั้งองค์กรเครือข่ายเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง เช่น มูลนิธิในราชูปถัมป์ดังกล่าว สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐธรรมนูญระบุไว้หรือไม่
“แผนการดำเนินการดังกล่าวนี้ ทำให้เราตั้งคำถามว่า การทำงานรณรงค์เพื่อสาเหตุที่ดี [ขององค์กรการกุศล] แต่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองแฝงอยู่ด้วยเช่นนี้ จะทำลายการดำรงตนที่เหมาะสมของสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะการอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางหรือไม่” ศาสตราจารย์ม.กลาสโกว์ กล่าว
อนึ่ง ในปี 2552 มูลนิธิในราชูปถัมป์เพื่อสิ่งปลูกสร้าง (the Prince’s Foundation for the Built Environment) ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการการกุศล (Charity Commission) หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า มูลนิธิดังกล่าว ใช้อิทธิพลส่วนพระองค์แทรกแซงการออกแบบสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งในลอนดอน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ คณะกรรมการฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีการกระทำใดๆ ของมูลนิธิที่อยู่นอกเหนือจุดมุ่งหมายทางการกุศล
หนังสือพิมพ์เดอะ การ์เดียน ได้เปิดเผยจดหมายโต้ตอบระหว่างมูลนิธิในเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เช่น มูลนิธิธุรกิจในชุมชน (Business in the Community), มูลนิธิในราชูปถัมป์เพื่อสิ่งปลูกสร้าง (the Prince’s Foundation for the Built Environment) กับรัฐมนตรีและเจ้าหน้าที่รัฐในกระทรวงต่างๆ ซึ่งแสดงถึงความพยายามขององค์กรในราชูปถัมป์ต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายรัฐ เช่น เรื่องการออกแบบผังเมือง การลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการบูรณะสิ่งก่อสร้างที่เก่าแก่ เป็นต้น
จดหมายดังกล่าว ซึ่งนสพ. เดอะ การ์เดียน ได้มาจากการร้องขอผ่านพ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร เปิดเผยว่า Ros Kerslake ประธานกรรมการบริหารกองทุนบูรณะในราชูปถัมป์ (Prince’s Regeneration Trust) ได้เข้าพบ Grant Shapps รัฐมนตรีกระทรวงการเคหะ เพื่อกดดันกรมคลังให้ลดภาษีมูลค่าเพิ่มในการฟื้นฟูบูรณะสิ่งก่อสร้าง นสพ.การ์เดียน ยังเปิดเผยว่า เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์จะได้ประโยชน์จากการลดอัตราภาษีดังกล่าวในการดำเนิน โครงการอสังหาริมทรัพย์ของพระองค์ด้วย
การกระทำดังกล่าว ทำให้เกิดข้อกังวลว่า การใช้อำนาจทางการเมืองของฟ้าชายชาร์ลส์อาจก่อให้เกิดปัญหาทางรัฐธรรมนูญ
ศาสตราจารย์อดัม ทอมกินส์ ผู้เชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายรัฐธรรมนูญ มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ กล่าวว่า เนื่องจากมูลนิธิดังกล่าวก่อตั้งโดยเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ซึ่งอาจแฝงวาระทางการเมืองไว้ ทำให้อาจมองได้ว่า การใช้อำนาจดังกล่าวเป็นการแทรกแซงทางการเมือง และบั่นทอนความน่าเชื่อถือของสถาบันซึ่งควรอยู่เหนือการเมือง
นอกจากนี้ มูลนิธิของเจ้าชายชาร์ลส์ ยังถูกมองว่า ใช้อภิสิทธิ์ในการเข้าถึงการพิจารณางบประมาณได้ง่ายและรวดเร็วมากกว่าองค์กร การกุศลอื่นๆ ทั่วไป
พอล ริชาร์ด รัฐมนตรีกระทรวงชุมชนและสุขภาพมองว่า ในความรู้สึกของตน มูลนิธิดังกล่าวได้รับสถานะพิเศษ และได้รับอภิสิทธิ์มากกว่าที่ควรจะเป็น ไม่ว่าจะภายใต้รัฐบาลใดๆ
“เมื่อมีจดหมายจากฟ้าชายชาร์ลส์เข้ามา [ในรัฐสภา] จะมีความรู้สึกของการวิ่งเต้นเป็นพิเศษ และช่องทางในการเข้าถึงสำหรับตำแหน่งและมูลนิธิของพระองค์ ก็ดูเหมือนจะง่ายมาก อย่างที่องค์กรอื่นๆ เทียบไม่ได้” ริชาร์ดกล่าว
ทั้งนี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เป็นประธานมูลนิธิการกุศลทั้งหมด 20 แห่ง ในจำนวนทั้งหมด พระองค์เป็นผู้ก่อตั้ง 18 แห่ง และถูกมองอย่างกว้างขวางว่า เป็นความพยายามของพระองค์ ในการขยายอิทธิพลทางด้านนโยบายสังคมและสิ่งแวดล้อมในสหราชอาณาจักร
อย่างไรก็ตาม โฆษกของสำนักพระราชวังของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ กล่าวว่า มูลนิธิดังกล่าวเป็นองค์กรอิสระที่มีคณะกรรมการเป็นผู้ดูแลกำกับ และมีการสื่อสารกับรัฐบาลอยู่แล้วเป็นเรื่องปรกติ
ก่อนหน้านี้ เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ ในเรื่องความพยายามใช้อิทธิพลส่วนตนต่อนโยบายสาธารณะ โดยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาพบว่า พระองค์โปรดให้รัฐมนตรีจากหลายกระทรวงเข้าพบเป็นการส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงสิ่งแวดล้อม และกระทรวงพัฒนานานาชาติ แต่การพูดคุยดังกล่าว ถือว่าเป็นความลับ เนื่องจากเป็นข้อยกเว้นในพ.ร.บ. ข้อมูลข่าวสาร จึงไม่อาจเปิดเผยได้ อย่างไรก็ตาม ข้อยกเว้นของพ.ร.บ. ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับองค์กรการกุศล
ศาสตราจารย์อดัม ทอมกินส์ ตั้งคำถามว่า การตั้งองค์กรเครือข่ายเพื่อจุดประสงค์ทางการเมือง เช่น มูลนิธิในราชูปถัมป์ดังกล่าว สอดคล้องกับสิ่งที่รัฐธรรมนูญระบุไว้หรือไม่
“แผนการดำเนินการดังกล่าวนี้ ทำให้เราตั้งคำถามว่า การทำงานรณรงค์เพื่อสาเหตุที่ดี [ขององค์กรการกุศล] แต่มีจุดมุ่งหมายทางการเมืองแฝงอยู่ด้วยเช่นนี้ จะทำลายการดำรงตนที่เหมาะสมของสถาบันกษัตริย์ โดยเฉพาะการอยู่เหนือการเมือง และความเป็นกลางหรือไม่” ศาสตราจารย์ม.กลาสโกว์ กล่าว
อนึ่ง ในปี 2552 มูลนิธิในราชูปถัมป์เพื่อสิ่งปลูกสร้าง (the Prince’s Foundation for the Built Environment) ได้รับการตรวจสอบจากคณะกรรมการการกุศล (Charity Commission) หลังจากได้รับการร้องเรียนว่า มูลนิธิดังกล่าว ใช้อิทธิพลส่วนพระองค์แทรกแซงการออกแบบสิ่งปลูกสร้างแห่งหนึ่งในลอนดอน อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบ คณะกรรมการฯ ได้ชี้แจงว่า ไม่มีการกระทำใดๆ ของมูลนิธิที่อยู่นอกเหนือจุดมุ่งหมายทางการกุศล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น