หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

คลื่นใต้น้ำ (ท่วม)
โดย กาหลิบ


กระแส ความรู้สึกขณะนี้คือ เห็นใจพี่น้องประชาชนในพื้นที่น้ำท่วมถึงเป็นอย่างยิ่ง เพราะน้ำท่วมคราวนี้ออกจะหนักและเกินขีดขั้นในอดีตอยู่ในหลายเขต จนผู้เฒ่าผู้แก่บางท่านออกปากว่าไม่เคยพบเคยเห็น เด็กรุ่นหลังหน่อยก็ใช้คำว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์ จิตใจของมหาชนไทยจึงมุ่งตรงไปยังเรื่องน้ำท่วมตามแบบคนดีมีคุณธรรม จนเผลอคิดไปว่าสงครามการเมืองอันรุนแรงในขณะนี้คงจะ พักรบกัน ได้บ้าง ใครพูดเรื่องการเมืองจึงออกจะเบื่อๆ ฟัง เพราะนึกด้วยจิตใจบริสุทธิ์ว่า ฝ่ายตรงข้ามคงไม่เล่นเกมการเมืองบนความทุกข์ยากของมหาชน

แต่ ความจริงงานนี้เป็นประจักษ์พยานทีเดียวว่า ยิ่งมหาชนทุกข์ยากเท่าใด เขายิ่งเล่นการเมืองหนักหนาสาหัสขึ้นเท่านั้น โดยตั้งเป้าหมายที่ใหญ่โตลึกซึ้งอย่างที่มหาชนเองอาจคิดไม่ถึง

เรื่อง แบบนี้ต้องช่วยตีแผ่ให้เห็นกันอย่างกว้างขวาง มหาชนผู้ตาสว่างขึ้นแล้วในบางเรื่องจะได้เพิ่มอัตราตาสว่างในแง่วิธีการที่ เขาใช้ในการครอบงำประเทศและทำให้ประชาธิปไตยเกิดไม่ได้
 
ระหว่าง ตีแผ่กันนี้ รัฐบาลของประชาชนก็ต้องเร่งช่วยเหลือเยียวยาพี่น้องประชาชนไปพร้อมกัน ไม่ต้องหยุดจัดการเรื่องการเมืองก่อน เพราะพี่น้องกำลังเดือดร้อนจริงๆ เพียงอย่าเผลอลืมว่าใครเขาวางยาตัวเองไว้ตรงไหนและอย่างไรบ้างเท่านั้น จะได้ไม่กลายเป็นคนโง่แล้วขยัน

ฝ่ายตรงข้ามเขาวางเกมน้ำท่วมของเขาไว้อย่างน้อย ๔ ขั้นตอน ได้แก่
ขั้น แรก ใช้กลไกสื่อของตนเองชี้นิ้วเอะอะให้รัฐบาลไปแก้ไขปัญหาในพื้นที่นั้นพื้นที่ นี้ ทั้งที่ความจริงรัฐบาลต้องรวบรวมข้อมูลและตัดสินใจอย่างเงียบๆ มีสติในศูนย์บัญชาการสถานการณ์ ภาพรวมของทั้งประเทศ และใช้กลไกสื่อของรัฐบาลเองในการชี้แจงวิธีแก้ไขปัญหาอย่างมียุทธศาสตร์ วิธีชี้นิ้วอย่างเอะอะโครมครามคือกลเกมเก่าๆ ทำให้รัฐบาลหัวหมุน วิ่งตามนิ้วที่ชี้ไปอย่างเลิ่กลั่ก จนสุดท้ายตนเองก็ต้องมารับผิดชอบกับการแก้ไขปัญหาแบบกระจัดพรัดพราย
 
ผู้ ที่ถูกประชาชนวิพากษ์วิจารณ์คือรัฐบาล เช่นที่ปรากฏในการสำรวจความคิดเห็นประชาชนในช่วงนี้ ส่วนพวกเจ้ากี้เจ้าการหายหัวไปไหนแล้วก็ไม่รู้ นี่คือวิธีการเก่าๆ เพื่อให้รัฐบาลเสื่อมความนิยม
 
ขั้น ที่สอง เสี้ยมให้รัฐบาลกับฝ่ายค้านหรือว่ากันตรงๆ ก็คือเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ชนกัน โดยสื่อมวลชนในเครือข่ายอำนาจเก่าที่รับสัมปทานจากรัฐเป็นผู้ลงมือทำ สังเกตได้จากการเสนอข่าวถ่วงกันระหว่างรัฐบาลกับฝ่ายค้านอย่างจงใจเจตนา ทั้งๆ ที่ไม่เคยทำมาก่อนเลยในช่วงที่ซีกไทยรักไทย-พลังประชาชน-เพื่อไทยเป็นฝ่าย ค้าน
 
เป้า หมายคือด่ากราดลงมาจากเบื้องบนว่า ไม่ว่าพรรคการเมืองใด ซีกไหน มีปัญหาทั้งสิ้น โดยหวังสร้างภาพหลอกประชาชนผู้ไม่รู้การเมืองลึกซึ้งให้เกิดความชิงชังระบอบ ประชาธิปไตย สุุดท้ายก็ออกลายชัดเจนว่าต้องการสิ่งใด
 
นั่นคือรัฐบาลแห่งชาติที่ระบอบโบราณเป็นผู้กุมอำนาจจริงอยู่เบื้องหลัง ล้มเลิกการเลือกตั้ง ปิดประเทศ
ขั้น ที่สาม เอาเครือข่ายศักดินา-อำมาตย์ที่เป็นสมุนบริวารของตัวเองเข้าไปแทนที่ฝ่ายการ เมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นสถานีโทรทัศน์สัมปทานรัฐ กองทัพแห่งชาติ และอื่นๆ แล้วเร่งสร้างภาพให้ประชาชนเข้าให้ว่าบ้านเมืองไม่จำเป็นต้องมีรัฐบาลจากการ เลือกตั้ง หลอกให้หลงว่าระบอบที่ครองอำนาจมายืดเยื้อยาวนานบวกกับกลไกของระบบราชการที่ เป็นลูกน้องโดยตรงของเขาสามารถปกครองบริหารประเทศไทยได้โดยไม่ต้องมีใครอื่น
 
ครอบครัวข่าวที่นั่นที่นี่ โครงการทหารที่นี่ที่นั่น คือส่วนหนึ่งของแผนการใหญ่ย้อนสังคมไทยคืนกลับสู่วงจรอุบาทว์ทั้งสิ้น
 
ขั้นที่สี่ เขากด ดันให้รัฐบาลเลือกตั้งกระทำในสิ่งที่สวนทางกับแนวทางของโลกในการอนุรักษ์ รักษาสิ่งแวดล้อม นั่นคือการสร้างเขื่อนสนองความต้องการ ระยะนี้เอ่ยปากตรงๆ และอ้อมๆ มากขึ้นเพื่อให้รัฐบาลรู้ว่าอยากให้สร้างเขื่อนแก่งเสือเต้นและเขื่อนอื่นๆ เพราะ เขารู้ดีว่า การสร้างเขื่อนจะเอื้อผลประโยชน์อย่างกว้างขวางให้กับระบอบเก่า ไม่ว่าในขั้นของการก่อสร้าง การเข้าครองพื้นที่น้ำท่วมถึงและพื้นที่ใกล้เคียง การจัดรูปแบบการปกครองท้องถิ่นใหม่ตามพื้นที่ที่จะเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพน้ำ ท่วมถึง และทำให้หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ หรือแม้กระทั่งจังหวัดใหม่ๆ ที่จะเกิดตามมารักใคร่ผูกพันกับ เขาโดยไม่ไปผูกพันกับรัฐบาลของประชาชน
 
ขั้น สุดท้าย ทำให้รัฐบาลหมกมุ่นกับปัญหาเรื่องนี้จนไม่ว่างพอจะเดินเกมแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือหาความเป็นธรรมให้กับวีรชนประชาธิปไตยตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๔๙ เป็นต้นมา จนมวลชนประชาธิปไตยก็อาจเกิดความขัดแย้งไม่พอใจและแตกคอกับรัฐบาลที่ตนเอง เป็นเจ้าของ
 
น้ำ ท่วมเที่ยวนี้มากมายเนืองนองกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เราทุกๆ คนต้องเข้าช่วยเหลือมหาชนให้มากและรวดเร็วที่สุดเท่าที่สติปัญญาความสามารถ จะอำนวย แต่เราอย่าลืมความจริงข้อหนึ่งว่า ท่วมข้างบนยังไม่เสียหายหนักเท่ากับฐานด้านล่างที่กำลังถูกกัดเซาะไปเรื่อยๆ ด้วยคลื่นใต้น้ำ ซึ่งเป็นวิสัยสันดานของคนบางคนที่เห็นแก่ชาติน้อยกว่าตนเองเสมอมา.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น