หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2555

นิธิ เอียวศรีวงศ์ : รัฐธรรมนูญ-จินตนาการใหม่

นิธิ เอียวศรีวงศ์ : รัฐธรรมนูญ-จินตนาการใหม่



บัดนี้ ก็ชัดอยู่แล้วว่า หากไม่มีการรัฐประหาร อย่างไรเสียก็ต้องแก้รัฐธรรมนูญตามหลักการที่สภาได้เห็นชอบในการแก้ไข ม.291 สิ่งที่ควรทำก็คือ ช่วยกันติดตามและจับตามองทั้งกระบวนการร่างและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ช่วยกันอภิปรายถกเถียงเรื่องเหล่านี้กันอย่างกว้างขวาง ดังนั้น นับตั้งแต่บัดนี้ ผมจะขอเสนอความเห็นเกี่ยวกับการร่างและเนื้อหาของรัฐธรรมนูญเป็นระยะๆ จนกว่าการลงประชามติจะได้ผ่านไปแล้ว

ทำไมจึงควรมีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

ไม่ ว่านักรัฐศาสตร์และนักกฎหมายจะอธิบายว่ารัฐธรรมนูญคืออะไรก็ตาม แต่ว่ากันถึงที่สุดแล้ว ผมคิดว่ารัฐธรรมนูญคือข้อตกลงแบ่งสรรอำนาจระหว่างกันของกลุ่มคนที่มีกำลังพอ จะถือส่วนแบ่งของอำนาจในสังคมนั้นๆ (หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า ชนชั้นนำและเครือข่าย)

แน่นอนว่าไม่มีรัฐธรรมนูญของประเทศใด ที่มีรูปลักษณ์หยาบคายได้ถึงขนาดนั้น การแบ่งสรรอำนาจกระทำในหลักการที่เชื่อกันว่ามีคุณค่าเป็นสากล เช่น หลักความเสมอภาค โดยไม่ต้องระบุลงไปว่า คนผิวสี, ผู้หญิง, ชาวพื้นเมือง ฯลฯ ไม่เกี่ยว เพียงแต่ข้อบัญญัติอื่นๆ ทั้งในกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายระดับรองลงมา รวมทั้งวิถีปฏิบัติที่สังคมยอมรับ อาจไม่สอดคล้องกับหลักความเสมอภาคเลยก็ได้

ในสังคม "ทันสมัย" นับตั้งแต่ได้ก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ เป็นต้นมา ชนชั้นนำและเครือข่ายปรับเปลี่ยนสัดส่วนของกำลังตนเองอยู่ตลอดเวลา ทำให้การแบ่งสรรอำนาจไม่อาจดำรงอยู่ตายตัวเป็นเวลานานๆ เหมือนดังสมัยโบราณ (เช่นสี่ร้อยกว่าปีในราชอาณาจักรอยุธยา เราใช้ "รัฐธรรมนูญ" ที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรอยู่ฉบับเดียว แม้มีการแย่งชิงราชสมบัติกันอยู่เป็นประจำ) ด้วยเหตุดังนั้น รัฐธรรมนูญที่ก้าวหน้าจึงเป็นรัฐธรรมนูญที่เปิดให้กลุ่มชนชั้นนำและเครือ ข่าย สามารถใช้เป็นฐานในการปรับเปลี่ยนดุลแห่งอำนาจระหว่างกันได้ รวมทั้งเปิดให้กลุ่มใหม่ๆ ซึ่งมีกำลัง พอจะผลักดันตัวเองเข้าไปอยู่ในกลุ่มชนชั้นนำและ/หรือเครือข่ายได้ เข้ามาแบ่งส่วนของอำนาจไปถือไว้บ้างด้วย จึงไม่จำเป็นต้องร่างรัฐธรรมนูญกันใหม่ทุกๆ 10 ปี

การปรับดุลแห่งอำนาจไปอยู่ที่กฎหมายรองและแบบปฏิบัติอื่นๆ ไม่ใช่ที่การแก้รัฐธรรมนูญเพียงอย่างเดียว

แต่ รัฐธรรมนูญไทยไม่ใช่อย่างนั้น โดยเฉพาะรัฐธรรมนูญ 2550 เนื้อหาที่เป็นแก่นกลางของรัฐธรรมนูญฉบับนี้คือ ความพยายามจะจับให้การแบ่งสรรอำนาจในกลุ่มชนชั้นนำและเครือข่ายหยุดนิ่งกับ ที่ ซ้ำยังเป็นการแบ่งสรรอำนาจที่ขาดความสมดุลในหลายด้าน โดยยังไม่ต้องพูดถึงการเกิดขึ้นใหม่ของกลุ่มที่มีกำลังเพิ่มขึ้นในสังคมพอจะ เรียกร้องส่วนแบ่งของอำนาจเพิ่มขึ้น แม้แต่ในหมู่ชนชั้นนำและเครือข่ายที่มีอยู่เดิม ก็ไม่อาจยอมรับการแบ่งสรรอำนาจที่ขาดความสมดุลได้ขนาดนั้น อย่างไรเสีย รัฐธรรมนูญฉบับนี้ก็ดำรงอยู่ไม่ได้ในระยะยาวอยู่แล้ว
  

 

(อ่านต่อ)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1331985117&grpid=03&catid=&subcatid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น