ประสิทธิ์ ปิวาวัฒนพานิช* : ประเทศไทยกับศาลอาญาระหว่างประเทศ
บทนำ
อนุสนธิจากการที่
สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากพรรคเพื่อไทยแถลงข่าวเกี่ยวกับการยื่นฟ้องต่อศาล
อาญาระหว่างประเทศกรณี 91 ศพ
โดยในเนื้อข่าวได้ปรากฏมีเนื้อหาว่าจากประเทศไทยได้ให้สัตยาบันธรรมนูญกรุง
โรม พ.ศ.2543 โดยคณะรัฐมนตรี เมื่อปี พ.ศ.2552
เรียบร้อยแล้วมีผลทำให้ประเทศไทยเป็นภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศเรียบร้อย
แล้ว
เนื่องจากเรื่องการฟ้องคดีต่อศาลอาญาระหว่างประเทศนั้นเป็นเรื่องสำคัญและ
เกี่ยวข้องกับประเด็นข้อกฎหมายระหว่างประเทศโดยตรงจึงสมควรอธิบายทั้ง
"ข้อเท็จจริง" และ "ข้อกฎหมาย"
เพื่อมิให้สาธารณชนเข้าใจคลาดเคลื่อนดังต่อไปนี้
ประการแรก
ประเทศไทยยังมิได้เป็นภาคีธรรมนูญก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศหรือที่เรียก
ว่าธรรมนูญกรุงโรมว่าด้วยศาลอาญาระหว่างประเทศ (The Rome Statute of the
International Criminal Court:ICC) แต่อย่างใด ประเทศไทยได้ "ลงนาม" (Sign)
อนุสัญญากรุงโรมเท่านั้นแต่ยังมิได้ให้ "สัตยาบัน" (Ratification)
หรือให้ความยอมรับ หรือให้ความเห็นชอบแต่ประการใด
ตามข้อบทของอนุสัญญากรุงโรมข้อที่ 126 ระบุว่า
การมีผลบังคับใช้ของอนุสัญญาแก่รัฐนั้น
รัฐสามารถแสดงเจตนาเข้าผูกพันพันธกรณีของอนุสัญญาได้ด้วยการให้สัตยาบัน
หรือให้ความยอมรับ หรือให้ความเห็นชอบหรือภาคยานุวัติ ดังนั้น
ลำพังการลงนามเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ประเทศไทยเป็นภาคี
อนุสัญญานี้แต่อย่างใด
ข้อเท็จจริงในเรื่องการเป็นภาคีของประเทศไทยนั้นเป็นข้อเท็จจริงที่พิสูจน์
หรือค้นหาไม่ยากเพราะสามารถตรวจสอบได้จากเจ้าหน้าที่ของกระทรวงการต่าง
ประเทศหรือข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต
(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1330954177&grpid=03&catid=&subcatid=
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น