หน้าเว็บ

วันพุธที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

‘อากง’ ชั่วร้ายกว่าเป๊าะ วัฒนา และ...ทักษิณ?

‘อากง’ ชั่วร้ายกว่าเป๊าะ วัฒนา และ...ทักษิณ?

 

โดยใบตองแห้ง

 

“..... สำหรับบุคคลที่เจนโลก โชกโชน สันดานเป็นโจรผู้ร้าย มีเจตนาทำร้ายสังคมสถาบันหลักของประเทศชาติและองค์พระประมุข อันเป็นที่เคารพสักการะของคนในชาติให้เกิดความหลงผิดก่อให้เกิดความเสีย หายอย่างใหญ่หลวง  ผู้เขียนเชื่อว่า ไม่มีใครอยากให้คนเช่นนี้ลอยนวลอยู่ในสังคมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเนื่อง หรือแก่ผู้อื่นอีก เพราะสักวันคนใกล้ตัวของคนเหล่านี้อาจตกเป็นเหยื่อด้วยก็ได้ มาตรการที่เหมาะสมจึงควรตัดโอกาสในการกระทำผิด ลงโทษให้หลาบจำสาสมไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างแก่ผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากผู้ที่กระทำความผิดคิดวางแผนไตร่ตรองในการกระทำความผิด อย่างแยบยลแนบเนียนด้วยแล้ว ก็ยิ่งสมควรใช้วิธีการที่เหมาะสมในการคุ้มครองรักษาความสงบสุขของประเทศชาติ และประชาชนด้วย จึงไม่แน่แท้เสมอไปว่าชราชน ที่กระทำความผิดจะต้องได้รับการลดโทษ ลงโทษน้อย หรือปล่อยตัวไปเสมอไป....”

บทความ "อากงปลงไม่ตก"
โดยโฆษกศาลยุติธรรม
14 ธ.ค.2554


อากงจบชีวิตลงแล้ว ระหว่างอยู่ในเงื้อมมือของกระบวนการยุติธรรม โดยสังคมยังไม่สิ้นสงสัยว่า อากงทำความผิดจริงหรือไม่ เป็นความผิดที่สมควรลงโทษจำคุก 20 ปี รุนแรงยิ่งกว่าคนร้ายฆ่าคนตายขนาดนั้นหรือไม่ เพราะอากงไม่มีโอกาสยื่นอุทธรณ์ ฎีกา

ก่อนจบชีวิต อากงตัดสินใจไม่ยื่นอุทธรณ์ เช่นเดียวกับจำเลยคดี 112 คนอื่นๆ เพราะหากยื่นอุทธรณ์ ฎีกา ก็อาจต้องถูกจองจำอีกยาวนาน กว่าจะมีคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐานว่าผิด หรือไม่ผิด หนทางเดียวที่จะได้อิสระ คือยอมรับสารภาพ หรือยอมให้คดีสิ้นสุด เพื่อขอพระราชทานอภัยโทษ
นี่คือความโหดร้ายของมาตรา 112 ที่ทำให้จำเลยต้องพึ่งพระมหากรุณาธิคุณทางเดียวเท่านั้น หลายสิบปีที่ผ่านมา จึงไม่เคยมีคดีใดขึ้นถึงฎีกา จนมีคำพิพากษาที่เป็นบรรทัดฐาน

แน่ละ บางคนอาจเถียงได้ว่า สุขภาพของอากงย่ำแย่มานาน ถ้าได้รับการประกันตัวตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ อากงก็อาจเสียชีวิตที่บ้าน หรือต่อให้ไม่ถูกดำเนินคดีอะไรเลย อากงก็คงเสียชีวิตด้วยโรคร้ายอยู่ดี แต่ป่วยการที่จะโต้แย้ง เพราะความตายของอากงครั้งนี้อยู่ในความรับผิดชอบของกระบวนการยุติธรรมเต็มๆ ไม่ใช่เรื่องอ้าง “ถ้า” (เพราะเราก็อ้างได้ว่าถ้าอากงได้อยู่บ้านกับลูกหลาน มีกำลังใจมีความสุขตามอัตภาพ ก็อาจสู้โรคร้ายได้อีกหลายปี)

ทำไมอากงจึงไม่ได้ประกันตัวระหว่างสู้คดี ขณะที่ผู้ต้องหาหรือจำเลยในคดีฆ่าคน ทุจริต ฉ้อฉล ยังได้ประกันตัวกันเกร่อ

ยกตัวอย่างผู้กว้างขวางระดับชาติ “กำนันเป๊าะ” สมชาย คุณปลื้ม ต้องคดีจ้างวานฆ่า “กำนันยูร” นายประยูร สิทธิโชติ ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 25 ปี พร้อม สท.เหี่ยว เมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2547 ให้จำคุก 25 ปี โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2547 ศาลอุทธรณ์ก็พิพากษายืนคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะเขาไม้แก้ว จำคุก 5 ปี 4 เดือน ศาลให้นับโทษต่อกันเป็นจำคุก 30 ปี 4 เดือน แต่ก็ยังให้ประกันตัวในวงเงิน 10 ล้านบาท

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยเป็นบุคคลมีชื่อเสียง ไม่มีเจตนาหลบหนี ทั้งยังไม่มีพฤติการณ์ที่จะไปยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน

วันที่ 12 ตุลาคม 2548 ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนคดีฆ่ากำนันยูร วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2549 ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาคดีทุจริตที่ดินทิ้งขยะ กำนันเป๊าะอ้างว่าป่วย ขอเลื่อน เลื่อนไปเรื่อยๆ จนหนีไปในที่สุด เมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2549 ศาลฎีกาจึงอ่านคำพิพากษาลับหลัง ว่ากำนันเป๊าะผิดจริง แต่ให้ลดโทษเป็น 3 ปี 5 เดือน

ส่วนคดีฆ่ากำนันยูร ศาลฎีกานัดอ่านคำพิพากษาเมื่อ 29 พ.ย.2554 แต่อย่างที่รู้กัน กำนันเป๊าะหายแซบหายสอยไปแล้ว ศาลจึงสั่งปรับนายประกันคือลูกสาว 15 ล้านบาท ส่วน สท.เหี่ยวมีหนังสือขอเลื่อน อ้างว่าติดภารกิจช่วยเหลือน้ำท่วมที่ปทุมธานี (?) ศาลมาอ่านคำพิพากษาเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2555 นี่เอง ให้จำคุกทั้งคู่ 25 ปี โดยจำเลยหนีไปเรียบร้อย

วัฒนา อัศวเหม “เจ้าพ่อปากน้ำ” ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตัดสินจำคุก 10 ปี ตามมาตรา 148 ฐานเป็นเจ้าพนักงานใช้อำนาจในตำแหน่งโดยมิชอบ ข่มขืนใจ หรือ จูงใจ ให้บุคคลอื่นมอบให้ซึ่งทรัพย์สินเพื่อประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น คือใช้อำนาจข่มขู่หรือจูงใจ ให้เจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และกรมที่ดิน ร่วมกันออกโฉนดที่ดิน ต.คลองด่าน อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1,900 ไร่ ซึ่งทับที่คลองสาธารณประโยชน์ และที่เทขยะมูลฝอย ซึ่งเป็นที่สงวนหวงห้าม ต่อมาได้มีการนำที่ดินแปลงดังกล่าวไปสร้างสนามกอล์ฟ และนำไปขายให้กับกรมควบคุมมลพิษ เพื่อใช้ก่อสร้างโครงการบ่อบำบัดน้ำเสีย ต.คลองด่าน จ.สมุทรปราการ

คดีนี้ ปปช.ชี้มูลความผิดตั้งแต่วันที่ 14 มิ.ย.2550 และมาตัดสินในวันที่ 18 สิงหาคม 2551 โดยศาลนัดอ่านคำพิพากษาครั้งแรกวันที่ 9 กรกฎาคม 2551 แต่นายวัฒนาหลบหนี ศาลสั่งปรับนายประกัน 2.2 ล้านบาทตามที่จำเลยยื่นบัญชีเงินฝากเป็นหลักทรัพย์ประกันตัว (ศูนย์ข่าวอิศราเคยประเมินทรัพย์สินวัฒนาว่า มีสินทรัพย์ 9,760 ล้านบาท กำนันเป๊าะ 1,254 ล้านบาท)

“เจ้าพ่อปากน้ำ” ไปเบิกความที่ศาลครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม ยืนยันความบริสุทธิ์ของตน ถ้าทำผิดจริงให้ลงโทษประหารชีวิต และยังให้สัมภาษณ์ยืนยันว่าจะไม่หนีไปไหน จะไปฟังคำพิพากษาแน่นอน แต่ถึงวันที่ 18 สิงหาคม วัฒนาก็ไม่ไป โดยก่อนหน้านั้น 3 วันยังคุยโทรศัพท์กับทนายว่า จะไปฟังคำพิพากษา แต่ไม่ทราบว่ารู้อะไรมาจึงเปลี่ยนใจ


(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40426

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น