เปิดรายงาน “โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม”
โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ยื่นคำร้องผ่านอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ยกประเด็นขอบเขตอำนาจทางพื้นที่ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีสัญชาติอังกฤษโดยกำเนิด
อาจารย์ปิยบุตร แสงกนกกุล นักวิชาการจากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์อธิบายระบบศาลอาญาระหว่างประเทศ หรือ ICC ว่า เป็นศาลที่ผู้รับผิดทางอาญาเป็นบุคคลธรรมดา เป็นศาลเสริม เข้าไปไต่สวนในกรณีที่กระบวนการยุติธรรมในประเทศภาคีสมาชิกไม่สามารถดำเนิน การได้ ขณะนี้มีประเทศภาคีสมาชิกที่ให้สัตยาบรรณแล้ว 114 ประเทศ มี 54 ประเทศที่ลงนามในสนธิสัญญากรุงโรม แต่ยังไม่ได้ให้สัตยาบรรณ รวมทั้งประเทศไทย
ขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ เขตอำนาจทางเวลา เขตอำนาจทางเนื้อหา และเขตอำนาจทางพื้นที่หรือบุคคล ศาลอาญาระหว่างประเทศ ดำเนินคดี 4 ฐานความผิด คือ การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ อาชญากรรมต่อมวลมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และการรุกราน
การยื่นฟ้องต่อศาลอาญาระหว่างประเทศกระทำได้ผ่าน 2 องค์กร คือ รัฐภาคี และคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แต่นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ยื่นคำร้องผ่านอัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้เปิดการไต่สวนด้วยตนเอง โดยยกประเด็นขอบเขตอำนาจทางพื้นที่ เนื่องจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มีสัญชาติอังกฤษโดยกำเนิด เนื่องจากอังกฤษเป็นรัฐภาคีของศาลอาญาระหว่างประเทศ
อาจารย์ปิยบุตร สำรวจสถิติคำร้องที่องค์กรต่าง ๆ ยื่นต่อ อัยการศาลอาญาระหว่างประเทศ ในรอบ 8 ปี นับแต่การก่อตั้งศาลอาญาระหว่างประเทศเมื่อปี 2002 พบว่า มีการยื่นคำร้องถึง 3,000 กว่าคำร้อง แต่ที่มีการเปิดการไต่สวนมีเพียง 20 % เท่านั้น
อาจารย์ปิยบุตร แบ่งเนื้อหารายงาน 250 หน้า ของโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ทนายความของกลุ่มคนเสื้อแดง ที่ยื่นต่ออัยการศาลอาญาระหว่างประเทศเป็น 3 ส่วน คือ ความเป็นมาของคนเสื้อแดง การรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับการสังหารหมู่ และขอบเขตอำนาจของศาลอาญาระหว่างประเทศ
(คลิกฟัง)
http://shows.voicetv.co.th/intelligence/3881.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น