หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2555

ลัทธิตุลาการนิยม

ลัทธิตุลาการนิยม

 

โดยใบตองแห้ง





ปฏิกิริยา สะท้อนกลับไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ต่อการรับคำร้องให้วินิจฉัยการแก้ไขรัฐธรรมนูญของคณะรัฐมนตรี รัฐสภา พรรคเพื่อไทย พรรคชาติไทยพัฒนา ว่าเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็น ประมุข ตามมาตรา 68 หรือไม่ พร้อมทั้งยังสั่งระงับการลงมติรับร่างแก้ไขมาตรา 291 วาระที่ 3 นั้น
 
กล่าวได้ว่า เป็นไปอย่างรวดเร็วและร้อนแรงยิ่ง อย่างไม่เคยมีมาก่อน เปรียบเหมือนโดนสวนหมัดเข้าฉับพลัน เช่นเฟซบุคของ อ.พนัส ทัศนียานนท์ ที่ชี้ว่าศาลรัฐธรรมนูญละเมิดรัฐธรรมนูญ และเรียกร้องให้เข้าชื่อกันถอดถอน ขณะที่เฟซบุคของวีรพัฒน์ ปริยวงศ์ นักกฎหมายฮาวาร์ด ก็ชี้ว่ารัฐสภาสามารถลงมติวาระ 3 ได้เพราะศาลรัฐธรรมนูญสั่งในสิ่งที่ตัวเองไม่มีอำนาจ
 
ขณะที่ฝ่าย การเมือง อย่างจตุพร พรหมพันธุ์ ก็ขานรับด้วยการประกาศล่าชื่อมวลชนเสื้อแดงถอดถอน 8 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทันที และประธานรัฐสภาก็กำลังปรึกษาหารือฝ่ายกฎหมาย เพื่อจะไม่ทำตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ (ที่มีไปถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ไม่ยักกล้าส่งไปให้ประธานรัฐสภาโดยตรง)
 
ศาลทับซ้อน
 
แน่นอนความ รวดเร็วของเทคโนโลยีเป็นสาเหตุหนึ่ง แต่คำวินิจฉัยที่ขัดตรรกะของกฎหมายอย่างเห็นได้ชัดเจน ด้วยสามัญสำนึกของคนธรรมดา ที่ไม่ต้องเป็นนักกฎหมาย ก็เป็นสาเหตุสำคัญ
 
รัฐสภากำลัง จะแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ด้วยการมี สสร.จากเลือกตั้ง แก้ไขเสร็จยังจะให้ประชาชนลงมติ มีตรงไหนที่ไม่เป็นไปตามระบอบประชาธิปไตย และจะล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ศาลรัฐธรรมนูญมาแส่อะไรกับกระบวนการเหล่านี้
 
ยิ่งถ้ามองที่มาที่ไป รัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งกำลังจะแก้ไขรัฐธรรมนูญที่เป็นมรดกรัฐประหาร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญชุดนี้ได้รับตำแหน่งจากกลไกที่รัฐประหารวางไว้ กระโดดเข้ามาขัดขวาง พวกท่านมีความชอบธรรมหรือไม่
 
บางคน เช่นจรัญ ภักดีธนากุล เป็นทั้งรองประธานกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2550 แล้วมาเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เท่ากับทับซ้อน 2 เด้ง ท่านย่อมไม่ต้องการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญอยู่แล้ว เพราะการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนและที่มาของตุลาการศาล รัฐธรรมนูญ โดยประเพณีปฏิบัติก็ต้องให้ตุลาการเดิมพ้นตำแหน่งแล้วสรรหาใหม่
 
ฉะนั้น ท่านทำเช่นนี้ก็เลี่ยงไม่พ้นที่จะถูกวิจารณ์ว่า ปกป้องพื้นที่อาหาร อย่างน้อยตำแหน่งนี้ก็เงินเดือนเป็นแสน ตั้งใครก็ได้มาเป็นที่ปรึกษา เลขา คนขับรถ
 
แน่นอน ถ้าการวินิจฉัยของพวกท่านมีหลักทางกฎหมายมั่นคง ชัดเจน ใครก็กล่าวหาไม่ได้ แต่นี่ พอพูดกันแง่กฎหมาย ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้สูงส่ง กลับตีความอย่างที่แม้แต่นักศึกษานิติศาสตร์ปี 1 ยังจับได้ เพราะแม้แต่เด็กปี 1 ก็ยังเข้าใจว่า คำว่า “และ” “หรือ” ในตัวบทกฎหมายนั้นหมายความอย่างไร
 
“ในกรณีที่บุคคลหรือพรรคการเมืองใดกระทำการตามวรรคหนึ่ง ผู้ทราบการกระทำดังกล่าวย่อมมีสิทธิเสนอเรื่องให้อัยการสูงสุดตรวจสอบข้อเท็จจริงและยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ยกเลิกการกระทำดังกล่าว.....” (มาตรา 68 วรรคสอง)
 
พวกท่านกลับตีความได้หน้าตาเฉยว่าให้มีสิทธิ 2 ประการ คือ

 

(อ่านต่อ) 

http://www.voicetv.co.th/blog/1037.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น