เลยไม่ได้ไปอวกาศ เฝ้าดูมดเดินย้ายไข่กันต่อไป
ด้วยความคิดเห็นอันเป็นวิทยาศาสตร์ ของเหล่านักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการจำนวนมาก ทำให้การม้วนเสื่อกลับบ้านของโครงการนาซา ส่งผลสะเทือนในด้านลบต่อฝ่ายต่อต้านอย่างมาก จนต้องปฏิเสธกันพัลวัน
เพราะปฏิกิริยาจากประชาชนส่วนใหญ่ หลังได้รับฟังข้อมูลอันเป็นวิทยาศาสตร์แล้วพบว่า นี่คือการนำเอาโครงการดินฟ้าอากาศที่ประเทศไทยและในภูมิภาคนี้จะได้รับประโยชน์ มาเป็นเกมการเมือง จนสุดท้ายก็พังพินาศ
พังกันต่อหน้าต่อตา แล้วก็มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ก่อนชี้นิ้วโทษใส่กัน
อันที่จริงพรรคการเมือง กลุ่ม ส.ว.เครือข่าย กลุ่มเคลื่อน ไหวการเมืองที่อยู่เบื้องหลังม็อบต่อต้านทักษิณทั้งหลาย
มักจับมือกันเล่นงานรัฐบาลยิ่งลักษณ์ในทุกๆ กรณีด้วยสูตรเดียวกันนี้
เริ่มจากจับโยงผลประโยชน์ทักษิณ ตั้งข้อสงสัยด้วย ?ความรู้สึกไม่สบายใจ? ต่างๆ นานา
แล้วก็ลงเอยเป็นการยื่นตีความ ยื่นเอาผิด ยื่นถอดถอน ผ่านองค์กรอิสระต่างๆ
แม้รัฐบาลนี้จะมาจากการเลือกตั้งแท้ๆ มาจากมือของ
คนกว่า 15 ล้าน ได้ชัยชนะอย่างท่วมท้น
แต่สุดท้ายก็พบว่า ปัญหาเดิมๆ ยังไม่จบ
ยุคหนึ่งเรามีรัฐบาลเส้นใหญ่ ทำอะไรก็ชนะทางเทคนิคไปหมด
วันนี้เรามีรัฐบาลที่มาจากเสียงประชาชนส่วนใหญ่ แต่ไม่มีเส้น
อาการสะดุดของร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งนำมาสู่การถกเถียงอย่างเปิดเผยและเปิดหน้าของนักวิชาการนักนิติศาสตร์ ได้ทำให้คนส่วนใหญ่ได้เข้าใจถึงความจริงอย่างจะแจ้ง
จนเข้าใจอีกด้วยว่า ทำไมรัฐบาลและพรรคเพื่อไทยต้องยอมถอย
ทั้งที่นักกฎหมายจำนวนมากหนุนหลัง กระแสเสียงสังคมเอื้ออำนวย
เหมือนกับกรณีนาซา ที่เหล่านักวิทยาศาสตร์ล้วนเอาด้วยกับรัฐบาล ประชาชนได้ฟังข้อมูลข่าวสารก็เข้าใจถึงโครงการสำรวจเมฆและฝน รู้เท่าทันขบวนการยกเมฆ
แต่ลงเอยรัฐบาลก็ต้องถอย
นั่นเพราะรัฐบาลชุดนี้ ไม่มั่นใจในหลายๆ กลไกที่อยู่นอกเหนือการเมืองปกติ กลัวเดินไปสู่หลุมดำ
มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ตามมา หลังจากโครงการนาซาต้องยุติลง ว่านี่เป็นเครื่องยืนยันถึงความจำเป็นต้องเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550
เพราะวันนี้สังคมไทยอยู่ในจุดเผชิญหน้า
ฝ่ายหนึ่งไม่เชื่อระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน มองว่าการเลือกตั้งเป็นเครื่องมือให้นักซื้อเสียงเข้ามายึดกุมอำนาจรัฐ
ฝ่ายนี้เชื่อในกลไกอำนาจอื่นๆ ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนมากกว่า ยังเชื่อว่ากองทัพต้องมีบทบาท ต้องมีหลายๆ กลไก เข้ามาหยุดนักการเมืองโกงชาติ เลยมีรัฐธรรมนูญที่เต็มไปด้วยกับดัก
กับอีกฝ่ายที่เห็นว่า ระบบรัฐสภาที่มาจากการเลือกตั้ง คือระบบที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด อำนาจอื่นๆ ที่ประชาชนไม่มีส่วนร่วม ควรยุติบทบาทไปเสียที
เท่ากับสู้กันระหว่างฝ่ายอนุรักษนิยม ไม่เชื่อมั่นเลือกตั้ง กับฝ่ายต้องการประชาธิปไตย เสรีภาพของประชาชน
เมื่อยังไม่ไปไหน เราก็เลยไม่ได้ไปอวกาศ
ต้องมานั่งเฝ้าดูมดเดินย้ายไข่กันต่อไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น