หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2555

เจาะใจ"จตุพร" เสียผมไปคนหนึ่งเพื่อให้เกิดพลังมวลชนเป็นล้านๆ ขึ้นมาต่อสู้

เจาะใจ"จตุพร" เสียผมไปคนหนึ่งเพื่อให้เกิดพลังมวลชนเป็นล้านๆ ขึ้นมาต่อสู้ 

 

 

หากเทียบกับแกนนำเสื้อแดงคนอื่นๆ ต้องถือว่าเส้นทางของ นายจตุพร พรหมพันธุ์ เต็มไปด้วยอุปสรรค ขวากหนาม


วันนี้แกนนำนปช.หลายคนมีตำแหน่งหน้าที่ในรัฐบาล เพื่อนสนิทอย่าง นาย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ขึ้นชั้นเป็นเสนาบดีในตำแหน่ง รมช.เกษตรฯ

ขณะที่นายจตุพรมีชื่อติดโผรัฐมนตรีครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ยังไม่เป็นจริงเลย สักครั้ง

ระหว่างลุ้นเสียบ ครม.′ปู 3′ ศาลรัฐ ธรรมนูญก็มีมติให้สิ้นสมาชิกภาพ ส.ส.

ล่าสุด สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยังยื่นถอนประกันนายจตุพรต่อศาลอาญาอีก

นายจตุพรจะยืนหยัดต่อสู้กับมรสุมที่กระหน่ำซัดอย่างไร ?

จากสถานการณ์ตอนนี้เจอมรสุมรอบด้าน


หลังจากสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอนประกันผมในคดีก่อการร้าย ทำให้รู้ว่าตัวเองกลายเป็นเป้าสำคัญที่ต้องถูกกำจัด

ย้อนไปตั้งแต่ถูกคุมขังในเรือนจำ ตามมาด้วยกรณีตุลาการศาลรัฐธรรมนูญมีมติให้พ้นสภาพการเป็นส.ส.ตามคำร้องที่กกต.ส่งเรื่องให้ศาลฯ วินิจฉัย เนื่องจากผมไม่ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. 2554

จนมาถึงวันที่สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญยื่นถอนประกันทำให้รู้ว่าชีวิตของผมถูกล็อกเป้ามาโดยตลอด

ที่ทำให้แปลกใจคือผมเพิ่งรู้ว่าตุลาการศาลรัฐธรรมนูญทั้ง 9 คน แจ้งความดำเนินคดีกับผมในข้อหาหมิ่นประมาท ผมไม่เคยรู้มาก่อน เพราะหากรู้เรื่องนี้มาก่อนคงจะยื่นคัดค้านตั้งแต่เป็นองค์คณะชี้ขาดคุณสมบัติของผมไปนานแล้ว

อีกทั้งเนื้อหาเวลาที่ผมปราศรัยนั้นเป็น การพูดถึงการทำหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นการติชมตามกรอบของรัฐธรรมนูญ คนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญก็มีจำนวนมากมาย


สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้ว่าการดำรงอยู่ในประเทศนี้ช่างเป็นเรื่องที่ยากเย็น เหลือเกิน เพราะนับตั้งแต่ที่ผมลงสมัคร รับเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อก็ถูกคุมขัง หลังจากพ้นสภาพความเป็นส.ส.ก็ถูกยื่นถอนประกัน

เรื่องที่เกิดขึ้นทำให้รู้ว่าเพียงแค่เราคิดต่าง หรือไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่เขาทำจะส่งผลกับเราถึงเพียงนี้ ทั้งๆ ที่เราไม่เคยคิดที่จะทำร้ายเขา เพียงแค่เราแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างก็เท่านั้น

การต่อสู้ในหลายปีที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่าความอยุติธรรมมีมากเหลือเกินในประเทศนี้ มีขบวนการที่จ้องจะเอาอิสรภาพไปจากผมอย่างต่อเนื่อง

การประกาศอดข้าวจะถูกมองเป็นการกดดันศาล


หากศาลอาญามีคำสั่งถอนประกันผมจริงๆ จะเดินเท้าไปเข้าเรือนจำ เชื่อว่าจะมีพี่น้องเสื้อแดงจำนวนมากที่พร้อมจะเดินไปกับผม และเมื่อถูกขังอยู่ในเรือนจำก็จะอดอาหารไปเรื่อยๆ ไม่มีวันสิ้นสุด เป็นการต่อสู้ตามหลักสันติ อหิงสา
ที่ผมปฏิบัติเช่นนี้ก็เพื่อสนองความต้องการของผู้ที่ต้องการเสรีภาพและชีวิตของผม ซึ่งผมจะมอบให้

สิ่งที่ผมจะทำอาจจะดูเสมือนว่ากดดันศาล แต่ที่จริงแล้วเป็นการกดดันตัวเองมากกว่า เพราะหากไม่ทำเช่นนี้พี่น้องกลุ่มคนเสื้อแดงที่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกันจำนวนมากก็คงจะไม่รอดและจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกัน

สิ่งที่ผมทำมาตลอดคือการเรียกร้องความเป็นประชาธิปไตยให้กลับสู่บ้านเมืองนี้โดยเร็วที่สุด

อาจเป็นเงื่อนให้กลุ่มคนเสื้อแดงออกมาชุมนุมอีกครั้ง


เรื่องนี้ต้องไปถามศาลรัฐธรรมนูญ ศาลฯ ต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ว่าการที่ตุลาการฯ เป็นคู่กรณีฟ้องร้องกับผม ทำให้การขอเพิกถอนการประกันตัวในครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

และสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจจะยื่นถอนประกันผมได้หรือไม่ เพราะตาม พ.ร.บ.สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2542 ระบุว่าต้องยื่นผ่านอัยการสูงสุดเท่านั้น ดังนั้นสิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นการจัดการนอกศาลหรือไม่

นอกจากนี้ มีถ้อยคำใดที่ผมไปข่มขู่จนถึงขั้นต้องยื่นถอนประกัน ที่ตุลาการฯ ระบุคนขับรถถูกข่มขู่ มีการไปแจ้งความเพื่อดำเนินคดีแล้วหรือไม่ เพราะไม่อยากให้สังคมตั้งคำถามหรือตั้งข้อสงสัยว่าถูกข่มขู่จริงหรือไม่

อีกทั้งการ แสดงความคิดเห็นผ่านสื่อมวลชนเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าหมิ่นเหม่และเข้า ข่ายล้มล้างการปกครองถือว่าเป็นการพูดชี้นำหรือไม่ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญที่จะต้องเป็นผู้เขียนคำวินิจฉัยแต่กลับออกมาให้ สัมภาษณ์ชี้นำเช่นนี้ เหมาะสมหรือสมควรแล้วหรือ

ผมไม่เคยเห็นศาลใดในโลกนี้กระทำการลักษณะเช่นนี้ ดังนั้น ผมจะรอคำชี้แจงจากศาลรัฐธรรมนูญแบบวิญญูชน ขณะเดียวกันผมจะได้หารือ กับฝ่ายกฎหมายว่าจะดำเนินการเอาผิดศาลรัฐธรรมนูญตามกฎหมายอย่างได้บ้าง

แนวทางการต่อสู้เป็นอย่างไร


ในเบื้องต้นผมเตรียมจะยื่นเรื่องเพื่อขอความเป็นธรรมจากอธิบดีศาลอาญา ในฐานะที่รับผิดชอบเรื่องนี้โดยตรง รวมทั้งจะยื่นเรื่องต่อประธานศาลฎีกา ในฐานะที่เป็นประมุขของฝ่ายตุลาการในสัปดาห์หน้า เพราะ ผมถือว่าการกระทำของศาลรัฐธรรมนูญเป็นไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย รวมทั้งผิดจริยธรรม

ไม่อยากคิดว่าจะมีเรื่องใบสั่งให้จัดการผม แต่กระบวนการทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผมจนถึงขณะนี้ทำให้เห็นแล้วว่าประเทศนี้เป็นอย่างไร

ตลอดระยะเวลาการต่อสู้มาจนถึงขณะนี้เหนื่อยไม่รู้จะเหนื่อยอย่างไรแล้วกับประเทศนี้ ดังนั้น หากถูกถอนประกันก็จะเดินเข้าคุก เมื่อเข้าคุกก็จะอดอาหาร หากอดจนไม่ไหวก็หามผมเข้าโรงพยาบาล หากตายก็เอาผมใส่โลงออกมา
สิ่งที่ผมจะทำไม่ใช่เรื่องของการจำนนหรือจำยอมต่อสถานการณ์ แต่เป็นการต่อสู้อีกรูปแบบหนึ่งเพื่อจะปลุกพลังประชาชนที่เห็นถึงความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับประเทศนี้ให้ลุกขึ้นมาต่อสู้ โดยเอาชีวิตและอิสรภาพของผมเป็นเดิมพัน ไม่อย่างนั้นความ อยุติธรรมก็จะยังคงอยู่เป็นวังวนแบบนี้

ผมพร้อมจะเอาอิสรภาพและชีวิตเข้าแลก เสียผมไปคนหนึ่งเพื่อให้เกิดพลังมวลชนเป็นล้านๆ ขึ้นมาต่อสู้ ตอนนี้ถึงจุดอิ่มตัวแล้วเมื่อฝ่ายตรงข้ามเห็นเราเป็นปัญหาก็ต้องลุกขึ้นมาต่อสู้

  

(อ่านต่อ)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1340942306&grpid=&catid=03&subcatid=0305

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น