หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ก้าวต่อไป ให้ถึงประชาธิปไตยสมบูรณ์

ก้าวต่อไป ให้ถึงประชาธิปไตยสมบูรณ์ 

 

 


สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คิดว่าหนทางสู่ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เพื่อก้าวสู่ประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้น ประเทศของเราจำเป็นต้องเป็น “รัฐสวัสดิการ” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทุกด้านเช่น การกระจายรายได้ การศึกษาของประชาชน สิ่งนี้ เป็นก้าวแรก(การเสนอสิ่งนี้ นายปรีดี เสนอในเค้าโครงการเศรษฐกิจ หรือสมุดปกเหลือง)

โดย Netiwit Ntw Junrasal 

การเปลี่ยนแปลงการปกครองบัดนี้ได้ล่วงมาสู่วาระแห่งการครบรอบ ๘๐ ปีแล้ว แต่ภาครัฐดูจะไม่ไยไพ ถ้าเป็นงานเกี่ยวกับเจ้าแล้วไซร้ มักจะประกาศล่วงหน้า และเตรียมการ จัดงานอย่างอลังการ ส่วนที่ไปข้องเกี่ยวกับราษฎร วันแห่งความเสมอภาคเจ้า-ไพร่ ดูจะหมดความสำคัญไปเลย หากไม่มีวันนี้ พวกลูกไพร่ จะได้เอาดีไปเรียนถึงเมืองนอกเมืองนาเลยหรือ ก็หากปราศจากวันนี้ ผู้หญิงจะสามารถดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีได้ละหรือ

วันที่ ๒๔ มิถุนายน ไม่ใช่เป็นเพียงการที่เจ้ากับไพร่เสมอกันเท่านั้น แต่ยังต้องการให้สังคมสยาม ก้าวเดินต่อไปให้ถึงสังคมพระศรีอาริย์ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือการสร้าง “ประชาธิปไตยสมบูรณ์” ดังได้ประกาศอย่างชัดเจน อย่างรอบด้าน ในหลัก ๖ ประการ และนายปรีดี พนมยงค์ ก็พยายามจะทำให้เกิดเป็นรูปธรรม

ประชาธิปไตยของนายปรีดี นั่นหาใช่เพียงเป็น ประชาธิปไตยทางการเมือง เท่านั้น หากรวม “ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ” ไปด้วย ดังที่ท่านพยายามคิดทำมรรควิธีนั้น นั่นคือร่างเค้าโครงการเศรษฐกิจ แต่มันก็ไม่สำเร็จเพราะฝ่ายอำนาจเก่า ใช้เล่ห์กล จนทำให้นายปรีดีต้องเดินทางออกนอกประเทศไป แม้ในปัจจุบันก็ตาม ฝ่ายอำนาจทั้งใหม่-เก่า ก็ยังจองล้างผลาญไม่ยอมให้อำนาจเป็นของราษฎรอย่างแท้จริง แสดงว่า เราประชาชนไม่ควรที่จะฝากความหวังไว้กับกลุ่มทุน พวกเราควรรวมพลังกัน กระตุ้นซึ่งกันและกัน เดินทางไปด้วยกัน ไปให้ถึง ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ดังนายปรีดี พนมยงค์ เคยได้ทำมาแล้ว

ก่อนอื่นใดขอให้พวกเรากลับมาหา ว่า สยามประเทศ เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ใช่ ถ้าเป็นประชาธิปไตยทั้งทางการเมืองและเศรษฐกิจแล้ว ใยจึงมีการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างพร่ำเพรื่อ ใยมีการโกงกินคอรัปชั่นอย่างมากมาย และถ้าเป็นประชาธิปไตยจริง ทำไมคนบางคนที่เป็นคนเหมือนกัน กับได้อภิสิทธิ์มากกว่าคนอื่นๆ ในประเทศมหาศาล โดยเงินเหล่านั้นเป็นเงินภาษีของประชาชนแทบทั้งสิ้น ทำไมช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนในสังคมถึงห่างกันอย่างเหวลึกกับฟ้า สิ่งที่ยกมานี้จะพอสรุปได้ไหมว่า ประชาธิปไตยสยาม เป็นประชาธิปไตยเพียงรูปแบบ แต่เนื้อหาสาระหาเป็นดังนั้นไม่

วาทกรรม “ประชาธิปไตย” ถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ เพื่อผลประโยชน์ของพวกพ้อง ประชาชนก็ได้เพียงเศษส่วน ความจริงในข้อนี้ไม่ได้เป็นแค่ในสังคมสยามปัจจุบัน แต่รวมถึงประเทศต่างๆ ในโลกอีกมากคณานับ ไม่ต้องเอ่ยถึงคำอื่นๆ ด้วยก็ยังได้ ดังชื่อพรรคของเหล่านักการเมืองนั้น เนื้อหาสาระกับชื่อก็ต่างกันเลย ดังพรรคที่อ้างว่าตนเป็นพรรคเลเบอร์ พรรคเดโมแครต เป็นต้นนั้น เนื้อหาสาระตรงกับชื่อที่ตนนำมาใช้หรือเปล่า หรือเป็นการโกหกหลอกลวงประชาชน ไม่เท่านี้พรรคการเมืองต่างๆ ของโลกที่อ้างว่าเป็นประชาธิปไตย อย่างสหรัฐอเมริกา เป็นต้น บรรษัทข้ามชาติยังได้เข้าไปมีส่วนควบคุมไปแล้วด้วย มิไยต้องกล่าวถึงสยามประเทศ

อนาคตดูจะรุ่งริ่ง กระนั้นก็ตามมนุษยชาติควรมีความหวัง ความหวังที่ว่าสักวันเราจะชนะ ก็เราจะชนะพวกนี้ได้อย่างไร ถ้าเราไม่สามารถที่จะชนะตัวเองเสียก่อน ชนะจากการเอาเปรียบเพื่อนมนุษย์ เมื่อปัจเจกชนตื่นขึ้นมาจากความลวงอันแสนสกปรก มุ่งหาความจริงที่เสมอภาคยุติธรรม เมื่อนั้นก็จะเกิดการเปลี่ยนแปลงกับตัวเอง ระบบวิธีคิด แสวงหาทางเลือกจากสังคมอันเลวร้าย การรวมกลุ่มกันเป็นขบวนการเพื่อเปลี่ยนแปลงสังคม มันไม่ใช่ความฝัน หรืออุดมคติจนไม่อาจเป็นไปได้ ขบวนการทั่วโลกเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย ความยุติธรรมและระบบนิเวศน์ เกิดขึ้นทั่วโลก (หารายละเอียดอ่านเกี่ยวกับขบวนการเหล่านี้ได้จากหนังสือของ Paul Hawken) ในขณะนี้ที่เด่นชัดคือ Occupy Movement ในสยามขณะนี้ก็เกิดขึ้นอย่างมากมาย ขบวนการทางการเมืองเพื่อความเสมอภาคและความยุติธรรม ขบวนการท้องถิ่น ขบวนการสิ่งแวดล้อม การอภิปราย การถกเถียงอย่างจริงจังเพื่ออนาคตของสังคมสยาม มีตลอดทุกเดือนทั้งปี

นิสิต นักศึกษาจากหลากมหาวิทยาลัย หลากหลายกลุ่ม ก็ได้ทำและกำลังทำกิจกรรมปลุกจิตสำนึกมโนธรรมของเหล่านิสิตนักศึกษาให้หันไป สนใจสังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม สิ่งต่างๆ เหล่านี้ทั้งในสังคมสยาม และสังคมโลกเอง เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเหตุบังเอิญแต่อย่างใด หากมีปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม เป็นสิ่งก่อให้เกิด โดยในขณะนี้แม้กลุ่มต่างๆ จะเล่นประเด็นเดียวบ้าง แต่การตั้งกลุ่มศึกษา รับฟัง เปิดกว้าง สนทนากันอย่างจริงจัง ก็ทำให้หลากหลายกลุ่มเริ่มสนใจถึงกระบวนทัศน์ “ความเป็นองค์รวม” ความสัมพันธ์กันของสรรพสิ่ง แสวงหาวิธีการนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนและยุติธรรม ร่วมกัน

เวลานี้ ประชาชนกำลังก้าวเดินไปข้างหน้า ขณะที่นักการเมืองและกลุ่มทุนก็เริ่มตระหนักถึงพลังดังกล่าว ซ้ำสื่อสังคม ก็เป็นสิ่งที่ประชาชนสามารถรวมกลุ่มกันใช้ประโยชน์ในการตรวจสอบกลุ่มเหล่า นี้ กลุ่มทุนจึงพยายามขัดขวางความงอกเงยด้วยการโฆษณาชวนเชื่อ และการร่วมมือกับนักการเมือง สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ในตอนนี้คือการนำเรื่องเหล่านี้มาคิดร่วมกันอย่าง จริงจัง นำประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจให้เกิดขึ้น

สำหรับข้าพเจ้าแล้ว คิดว่าหนทางสู่ประชาธิปไตยทางเศรษฐกิจ เพื่อก้าวสู่ประชาธิปไตยสมบูรณ์นั้น ประเทศของเราจำเป็นต้องเป็น “รัฐสวัสดิการ” เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตทุกด้านเช่น การกระจายรายได้ การศึกษาของประชาชน สิ่งนี้ เป็นก้าวแรก(การเสนอสิ่งนี้ นายปรีดี เสนอในเค้าโครงการเศรษฐกิจ หรือสมุดปกเหลือง) และต้องควบคู่ไปกับการพัฒนาจิตวิญญาณ ความอ่อนโยน ความเคารพในสิ่งแวดล้อม การพัฒนาที่ยั่งยืน และยึดหลัก “ปลอดภัยไว้ก่อน” ถ้าพวกเราร่วมมือกันศึกษา ถกเถียง อภิปราย และแสวงหาหนทางการลงมือทำให้เกิดขึ้น ข้าพเจ้ามีความเห็นว่า ประชาธิปไตยสมบูรณ์ ก็ใกล้ความเป็นจริงขึ้นมา แล้วเหล่าผู้ก่อการเปลี่ยนแปลงการปกครองคณะราษฎร “ผู้ทำทาง” เมื่อ ๘๐ปีที่แล้ว คงอนุโมทนากับการกระทำของพวกเรา

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/07/blog-post_31.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น