หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วันสัติภาพไทย

วันสัติภาพไทย


 















๑๖ สิงหาคม “วันสันติภาพไทย” ได้เวียนมาครบบรรจบ ๖๗ ปีในปีนี้ เป็นมหามงคลยิ่งที่ทางเราทั้งหลายควรน้อมระลึกถึงวันนั้น วันที่เราประกาศสันติภาพ อันสันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่เรียนรู้อดีตที่ผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข

 
วัน ที่ ๑๖ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๕๕ ที่ใกล้จะถึงนี้เป็นวันหนึ่งในประวัติศาสตร์ที่สำคัญยิ่ง คือวันที่ นายปรีดี พนมยงค์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในพระปรมาภิไธยพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล(ร.๘) ประกาศสันติภาพ เป็นผลให้การที่รัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม ได้ประกาศเป็นศัตรูกับฝ่ายสัมพันธมิตร โดยอยู่ข้างฝ่ายอักษะ และท้ายที่สุดฝ่ายอักษะได้พ่ายแพ้ ซึ่งจะมีผลให้ไทยเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม ตกเป็นประเทศผู้แพ้สงคราม แต่การประกาศสันติภาพในครั้งนั้นมีผลทำให้ไทยไม่เป็นผู้แพ้สงครามในสงคราม โลกครั้งที่๒ ไม่ต้องวางอาวุธ ไม่ต้องยอมจำนน
เหตุการณ์นี้เป็น เหตุการณ์สำคัญอย่างยิ่งในประวัติศาสตร์ สามารถเทียบกับการกู้ชาติไทยได้ทีเดียว (แต่ อ.ปรีดี ไม่เสนอให้เรียกอย่างนี้ ท่านถือว่ารับใช้ชาติ แต่จะกล่าวดังนั้นแล้วนับว่าสมควรโดยแท้) อันบุคคลที่ทำให้ประเทศไทยมิพ่ายแพ้นั้น ก็คือ “ขบวนการเสรีไทย” ซึ่ง ได้อุทิศชีวิตของตนเพื่อปกป้องเอกราชของประเทศไทย มิยอมจำนนต่อประเทศผู้รุกราน หากมิมีขบวนการนี้ ประเทศไทยย่อมสูญสิ้นเอกราชแต่นั้นมา เหล่าขบวนการเสรีไทยได้เสียสละชีวิตของตนเพื่องานในครั้งนั้น เช่น นายจำกัด พลางกูร เป็นต้น รวมถึงเป็นวันแห่งความ “ปรองดอง” “สมานฉันท์” โดยแท้จริง คือ ขบวนการเสรีไทยนี้ มีทั้งฝ่ายคณะราษฎร์ และฝ่ายคณะเจ้า เข้าร่วมกัน เพื่อปกป้องเอกราชอธิปไตยไว้มิให้ถูกย่ำยี
 
วันนี้ จึงสมควรยิ่งที่จะมีการรำลึกขึ้น ถึงสมาชิกขบวนการเสรีไทย ผู้ได้ทำคุณานุประโยชน์ต่อประเทศไทย และทำให้เราตระหนักถึงโทษภัยของสงคราม โดยตระหนักไว้ว่า โทษทัณฑ์ของสงครามนั้นเลวร้ายยิ่ง ทำลายล้างผลาญเพื่อนมนุษย์ ในเรื่องนี้ก็อาจจะสามารถช่วยเตือนสติเพื่อนมนุษย์จำนวนหนึ่งที่โดน อุดมการณ์ชาตินิยม “คลั่งชาติ” ที่สนับสนุนทำสงครามกับประเทศเพื่อนบ้านให้มีสติได้ และจำเป็นต้องตราพุทธศาสนสุภาษิตไว้คือ “ไม่มีสุขใดเสมอด้วยความสงบสันติ –นตถิ สนติปร สุข”
  
๑๖ สิงหาคม “วันสันติภาพไทย” ได้ เวียนมาครบบรรจบ ๖๗ ปีในปีนี้ เป็นมหามงคลยิ่งที่ทางเราทั้งหลายควรน้อมระลึกถึงวันนั้น วันที่เราประกาศสันติภาพ อันสันติภาพจะเกิดขึ้นไม่ได้เลย ถ้าไม่เรียนรู้อดีตที่ผิดพลาดและปรับปรุงแก้ไข (ประเทศไทยไม่เคยรำลึกถึงเรื่องนี้เลย แม้ในตำราเรียนก็แทบมิเอ่ยถึง)
 
ข้าพเจ้าขออ้างคำของ รศ.ดร.วราภรณ์ สามโกเศศ ปิดท้ายท่านกล่าวไว้อย่างน่าสำเหนียกว่า

“เป็น โอกาสดีที่คนไทยรุ่นปัจจุบัน จะได้ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญในอดีต(วันสันติภาพไทย) ที่คนรุ่นก่อนได้ใช้สติปัญญา ความสุขุมรอบคอบในการแก้ไขปัญหาของชาติ และจะได้รำลึกถึงความเสียสละของกลุ่มเสรีไทย ที่ได้ใช้ความสามัคคี ความร่วมมือกันมุ่งมั่นรักษาผลประโยชน์ของชาติและประชาชนในยามคับขัน อย่างกล้าหาญ ประวัติศาสตร์ย่อมซ้ำรอยเสมอ ถ้าเราไม่มีความสำนึกในประวัติศาสตร์แล้ว ถือได้ว่าเรากำลังใช้ชีวิตอยู่บนความประมาทอย่างยิ่ง”

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/08/blog-post_24.html 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น