มิติทางศาสนาของคนรักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียง
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
@PravitR
ในสังคมที่ผู้คนจำนวนมิน้อยเชื่อว่านักการเมืองส่วนใหญ่นั้นโกงกิน เลวและเห็นแต่ประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง (ซึ่งเป็นผลพวงของสังคมที่สามารถตรวจสอบวิพากษ์นักการเมืองได้มากขึ้นเป็น ลำดับ) ผู้คนจำนวนไม่น้อยถวิลหาความดีและคนดีแบบมิต้องสงสัยหรือถ้าสงสัยก็ต้องถูก ห้ามมิให้วิพากษ์หรือแสดงข้อกังขาสงสัยในที่สาธารณะ การยึดมั่นยกย่องให้สถาบันกษัตริย์และในหลวงเป็นสถาบันและบุคคลที่ดีเหนือ ความสงสัยและวิพากษ์วิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้นจึงมีมิติทางศาสนาเหมือนผู้เคร่งครัดหรือยึดติดกับศาสนา (religious extremism and fundamentalism) ที่จะยอมให้ศาสนาและพระเจ้าของพวกเขาถูกผู้ใดหมิ่นหรือวิพากษ์วิจารณ์มิได้ เพราะความ ‘ศักดิ์สิทธิ์’ จะลดลงหรืออาจหมดไปหากปล่อยให้ความเชื่อของพวกเขาและสถาบันฯ รวมถึงผู้ที่พวกเขายึดมั่นถูกตั้งคำถามหรือวิพากษ์ได้
หากการบูชาสถาบันกษัตริย์เป็นศาสนาและกษัตริย์เป็นดุจพระเจ้าในสายตาผู้ ที่รักเจ้าอย่างไม่รู้จักพอเพียง คำสอนของในหลวง หรือพระราชดำริที่รวมเป็นเล่มๆ และมีขายตามร้านหนังสือทั่วไปย่อมไม่ต่างจากพระคัมภีร์ที่สื่อกระแสหลักไม่ ว่าทีวี วิทยุหรือหนังสือพิมพ์มักนำมาผลิตซ้ำๆ ซ้ำๆ ซ้ำๆ และถี่ๆ อย่างไม่มีวันพอเพียง
ในศาสนาที่มีพระผู้เป็นเจ้าแต่พระองค์เดียว ย่อมต้องมีซาตาน
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/42074
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น