หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2555

ผู้ต้องหาคดีประวัติศาสตร์

ผู้ต้องหาคดีประวัติศาสตร์


โดย สุริวงค์ เอื้อปฏิภาน



นาย อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลายเป็นนายกฯระดับประวัติศาสตร์ไปแล้ว เพราะเป็นคนแรกที่ได้รับการแจ้งข้อหาร้ายแรงว่าร่วมก่อให้เกิดการฆาตกรรม ในคดีที่ประชาชนล้มตายกลางเมืองนับร้อย เนื่องจากการปราบปรามการชุมนุมของรัฐ

เป็นผู้นำทางการเมืองคนแรกที่ต้องเดินเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ตกเป็นผู้ต้องหา จากความตายของประชาชนที่ร่วมประท้วงทางการเมือง

ตาม บทสรุปของที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย อัยการ ตำรวจ ดีเอสไอ มีมติให้ตั้งข้อหาต่อนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกฯ ขณะนั้น ฐานร่วมกันก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผล ต้องระวางโทษประหารชีวิต จำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 15 ปีถึง 20 ปี

หนักหนาสาหัสทีเดียว

จึงต้องนับเป็นนายกฯระดับประวัติศาสตร์ แต่เป็นประวัติศาสตร์เลือด

ประเทศไทยเราผ่านการปราบปรามผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยมาแล้วหลายครั้ง

นับจาก 14 ตุลาคม 2516 ซึ่งรัฐบาลถนอม-ประภาส ต้องรับผิดชอบต่อประชาชนที่ตายกว่า 70 ศพ ด้วยการหลบหนีออกไปต่างประเทศ

มาถึง 6 ตุลาคม 2519 ซึ่งผ่านการวางแผน สร้างเรื่อง แล้วล้อมฆ่า มีคนตายราวครึ่งร้อย ไม่มีการสอบสวนและไม่มีใครรับผิดชอบ

จาก นั้นเป็นกรณี 17 พฤษภาคม 2535 ยุครัฐบาลทหาร รสช. ลงเอยนายกฯขณะนั้น ต้องรับผิดชอบด้วยการลาออก และวางมือหายไปจากวงการอย่างสิ้นเชิง

สุดท้ายจึงเป็นเหตุการณ์ 10 เมษายน-19 พฤษภาคม 2553



อัน รุนแรงยาวนานมากที่สุด เพราะเป็นการปราบปรามโดยมีใบอนุญาตให้เจ้าหน้าที่รัฐใช้อาวุธจริงได้ แม้จะอ้างว่าเพื่อป้องกันตัวเองและปราบปรามผู้ก่อการร้าย แต่นั่นคือการยินยอมให้คนถือปืนเข้าไปเผชิญหน้ากับม็อบ

ใช้เวลายืด เยื้อที่สุดคือ เมื่อเริ่มตายตั้งแต่คืนวันที่ 10 เมษายน กลับยังกระชับพื้นที่ต่อไปอีกกว่า 1 เดือน ขณะที่ 2-3 เหตุการณ์ที่ผ่านมา อย่างมากก็แค่ 2-3 วัน

ใช้อาวุธรุนแรงมากที่สุด ถึงขั้นใช้หน่วยแม่นปืนซุ่มยิงบนยอดตึกต่างๆ ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อนในประวัติศาสตร์การปราบปรามม็อบ

มีคนตายมากที่สุดคือ 99 ศพ และบางข้อมูลชี้ว่า 100 ศพแล้ว เนื่องจากมีผู้ได้รับผลกระทบเสียชีวิตในภายหลังอีก

ที่สำคัญผู้รับผิดชอบทางการเมือง ไม่ยอมรับผิดชอบมากที่สุด ยืนกรานมาตลอดเรื่องมีผู้ก่อการร้าย มีชายชุดดำ

แต่ ผลการไต่สวนในชั้นศาล จนบัดนี้ยังไม่มีพยานหลักฐานเรื่องชายชุดดำเลย และคนตายร่วมร้อยนั้น ทั้งหมดไม่มีคนไหนที่ถูกยิงตายขณะถืออาวุธร้ายแรงในมือเลย นอกจากหนังสติ๊ก บั้งไฟ ขวดน้ำมัน

แม้จะอ้างว่ามีผู้ก่อการร้าย มีคลิปที่เห็นไม่กี่วินาที แต่ถ้าคนตายไม่ใช่เลยแม้แต่คนเดียว แล้วความรับผิดชอบก็ยังไม่มีอีก

เมื่อนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ไม่เคยยอมรับความผิดพลาด ไม่แสดงความรับผิดชอบใดๆ

ย่อมต้องไปพิสูจน์ตัวเองในชั้นศาล ในฐานะผู้ต้องหาที่ร่วมกันทำให้เกิดการฆ่าประชาชนผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย

จึงเป็นนายกฯและรองนายกฯที่ต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์เลือดรายแรก


(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1354883410&grpid=&catid=02&subcatid=0207

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น