หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 1)

ปัญหาเรื่อง เพศ ความรัก วัฒนธรรม และ ข้อเสนอของฝ่ายซ้าย (ตอนที่ 1)



 
ปัญหาหญิงขายบริการอาจจะกระทบ แต่กลุ่มผู้หญิง บริการ มันไม่ได้มีผลกระทบเกี่ยวพันกับทัศนะคติทางเพศของคนส่วนใหญ่ในสังคมแต่อย่างใด ซึ่งมันไม่จริงการที่มีหญิงบริการทางเพศอยู่ มันเป็นแหล่งเพาะเชื้อของทัศนะคติที่เหยียดหยามทางเพศ พยุงและอนุรักษ์ทัศนะที่ส่งเสริมเรื่องทางเพศให้กลายเป็นเรื่องซื้อขาย 

โดย สมุดบันทึกสีแดง 

ผู้เขียนจะแบ่งบทความนี้ออกเป็น 3 ตอน คำเตือน คนที่มีภูมิต้านทานต่ำต่อคำถามที่มีความท้าทาย ขี้เกียจอ่านหนังสือและขี้เกลียดคิด กรุณาอย่าอ่านเพราะจะเสียเวลาเปล่า  

บทความยาวนี้จะลงรายละเอียดเกี่ยวกับข้อถกเถียงหลักๆในปัจจุบัน เกี่ยวกับปัญหาความไม่เสมอภาคทางเพศ ปัญหาหญิงบริการทางเพศ ความสัมพันธ์หญิงชายแน่นอนรวมถึงคนรักเพศเดียวกันด้วย ความรักที่เต็มไปด้วยความเสมอภาคระหว่างหญิงชายทำไมเกิดขึ้นลำบากเหลือเกิน และวัฒนธรรมทางเพศแบบไหนที่เราควรจะส่งเสริม ซึ่งเนื้อหาดังกล่าวจะคลอบคลุม จากเดือนมกราคม – มีนาคม 2556

สังคมไทยเป็นสังคมที่อนุรักษ์นิยมอย่างสุดขั้วในหลายด้าน เรามีกระทรวงมือถือสากปากถือศีล(กระทรวงวัฒนธรรม) ที่คอยทำตัวเป็นตำรวจออกตรวจตราพฤติกรรมของพลเมือง ภายใต้คอนเซปที่ว่า “ปกป้องศีลธรรมอันดีงามของไทย” ที่ออกมาเห่าประณามผู้หญิงอยู่เป็นระยะๆ ตั้งแต่เรื่องไร้สาระอย่างเช่น เนื้อหาเพลงสองแง่สามง่าม การเซนเซอร์ภาพเปลือยของผู้หญิงในละครหรือภาพยนต์ การล่วงละเมิดและลงทันฑ์เด็กผู้หญิงที่เต้นโป๊เปลือยในเทศกาลสงกรานต์ หรือ ที่ปัญญาอ่อนมากที่สุดคือ การทำภาพเบลอๆ เกี่ยวกับการสูบบุหรี่ หรือ ดื่มสุรา

ในกรณีการดื่มสุรา องค์กร สสส.ก็งี่เง่าได้โลห์ เพราะออกมาเสนอว่า การดื่มสุราทำให้คนลดคุณค่าไปเป็นสัตว์ในขณะที่พวกที่เป็นสัตว์เดรฉานจริงๆ นั่งหน้าสลอนในรัฐสภาหรือในองค์กรอื่นๆบังคับให้คนกราบไหว้ สังคมไทยเป็นสังคมที่ใช้ศีลธรรมสิ้นเปลืองมากที่สุดอย่างน่าทุเรจ แต่ขณะเดียวกันเป็นสังคมที่เต็มไปด้วยความป่าเถื่อนสามานย์ เหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติอย่างเป็นระบบอย่างไม่น่าให้อภัย

เราแอบคาดหวังว่าเมื่อประเทศไทยมีนายกเป็นผู้หญิง ประเด็นปัญหาเกี่ยวกับผู้หญิงจะถูกหยิบยกขึ้นมาถกเถียงกัน และได้รับการแก้ไขกันอย่างเป็นเรื่องเป็นราวเสียที เช่น เรื่องสิทธิทำแท้ง เรื่องปัญหาหญิงขายบริการทางเพศ การถูกลวนลามในที่ทำงาน สิทธิการแต่งกายของสตรี สิทธิความเท่าเทียมกันของคนหลายเพศ และอีกหลายๆประเด็น

แต่นายกสตรีคนปัจจุบันของไทยกลับกลายเป็นตัวหลักที่เชิดชูความไม่เสมอภาค ทั้งหมอบทั้งกราบทั้งเลียต่ออำนาจเผด็จการและอำนาจนอกระบบ เรามีหญิงบริการทางเพศที่ประสบความสำเร็จในระดับชาติ มีหน้ามีตา มีตำแหน่งสูง แต่สิทธิของหญิงบริการทางเพศของไทยยังด้อยพัฒนานัก เหมือนดั่งที่ชาวมาร์คซิสต์ได้เสนอไว้ว่า “การต่อสู้เพื่อสิทธิสตรีสร้างแนวร่วมผ่านเฉพาะเพศหญิงอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองผ่านชนชั้นอย่างเดียว พวกเราไม่มีทางสร้างแนวร่วมเพื่อปลดปล่อยสตรีกับสตรีชั้นสูงได้ เพราะผลประโยชน์ระหว่างชนชั้นมันเข้ากันไม่ได้” 

บนเวทีปราศรัยทางการเมืองทั้งเสื้อเหลือง และเสื้อแดง เต็มไปด้วยการเหยียดเพศและเหยียดเชื้อชาติ ซึ่งขบวนการคนเสื้อแดงเป็นขบวนการที่เรียกร้องประชาธิบไตย โดยหลักการแล้วควรจะมีความอ่อนไหวต่อความไม่เป็นธรรมชนิดอื่น เช่น เรื่องเพศ แต่เราก็ยังเห็นถ้อยคำการปราศรัยที่เต็มไปด้วยการเหยียดเพศ เหยียดเชื้อชาติ ถูกพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก

อย่างไรก็ตาม เรื่องแบบนี้เราจะนั่งรอให้คนที่มีบทบาทเป็นแกนนำมานำเพียงอย่างเดียวคงไม่ ได้ เพราะแกนนำเองก็ไม่ได้ก้าวหน้าในทุกประเด็นบางประเด็นล้าหลังเสียด้วยซ้ำ ซึ่งเสื้อแดงรากหญ้าต้องเข้ามามีบทบาทในผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลง เราในฐานะที่เป็นคนก้าวหน้าและอยากเห็นสังคมที่มีความเสมอภาค เสรีภาพ เกิดขึ้นในประเทศไทยเราควรจะเริ่มสร้างวัฒนธรรมใหม่และรื้อฟื้นวัฒนธรรมอัน ดีงามของฝ่ายซ้ายขึ้นมากันเสียที 

ประเด็นสำคัญๆ ที่พวกเราควรจะให้ความสนใจเป็นอันดับต้นๆ ถ้าจะถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นทางเพศคือ เรื่องการซื้อขายบริการทางเพศ ซึ่งถือได้ว่าครอบคลุมไปเกือบทุกส่วนของสังคม ไม่ว่าจะผ่านสถาบันการแต่งงาน หรือ ซ่องต่างๆ 

แน่นอนฝ่ายซ้ายไม่ได้ประณามการแต่งงานทุกชนิด  แต่เลือกจะประณามชนิดที่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องในลักษณะที่เกี่ยว ข้องกับการซื้อขาย สินสอด ซึ่งการขายแบบนี้จะถูกรองรับให้ถูกกฎหมายพร้อมกับสถาปนาให้เป็นวัฒนธรรม



อย่างไรก็ตามเรามองว่าทั้งคนซื้อบริการซึ่งมีหลายประเภท บางคนเป็นพวกที่งี่เง่าจริงๆ ที่ชอบซื้อบริการ อาจจะจัดประเภทได้เป็นพวกที่มีความแปลกแยกกับสังคมอย่างถึงที่สุด ชอบดูถูกกดขี่คนที่ต่ำกว่า บางทีอาจจะเป็นพวกที่ไร้อำนาจจริงในสังคม ถึงพยายามแสวงหาศักดิ์ศรีผ่านการซื้อบริการเพศ บางกลุ่มเป็นคนน่าสงสารบวกน่าสมเพชที่ไม่สามารถสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ ได้ ภายใต้เงื่อนไขสภาวะสังคม ถึงจำต้องเลือกที่จะซื้อบริการ

ซึ่งแน่นอนความสัมพันธ์แบบนี้มันจะมีความเท่าเทียมและให้ความเคารพซึ่งกัน ไม่ได้  เราไม่มองว่าคนซื้อบริการและคนขายบริการเป็นคนผิด แต่เราต้องตั้งคำถามว่าสังคมชนิดไหนที่สร้างความสัมพันธ์ในรูปแบบนี้ขึ้น ฝ่ายซ้ายมีจุดยืนชัดเจนว่าเราไม่ต้องการให้มีอาชีพนี้เลย ไม่ควรมีผู้หญิงคนไหนที่จะต้องทำอาชีพขายบริการทางเพศ

ปัญหาหญิงบริการทางเพศเป็นประเด็นที่มีถกเถียงกันอย่างหนักมาอย่างยาวนาน โดยฝ่ายหนึ่งคือฝ่ายอนุรักษ์นิยมพวกมือถือสากปากถือศีล ข้อกล่าวหาของพวกนี้ไม่มีอะไรมากนอกจากประณามผู้หญิงที่เลือกเดินเข้าในเส้น ทางขายบริการเพศ ซึ่งเหตุผลส่วนใหญ่จะผูกพันธ์กับเรื่องทางเศรษฐกิจ ฐานะยากจน ขาดทักษะ หรือ ถูกบีบคั้นด้วยเหตุผลต่างๆ นาๆ ว่าเป็นพวกที่ทำลายวัฒนธรรมอันดีงาม ทำลายศักดิ์ศรีของผู้หญิง

ในขณะที่พวกนี้ก็ไม่ได้มีข้อเสนอที่เพิ่มศักดิ์ศรีให้ผู้หญิงอย่างเป็น รูปธรรมเลย นอกจากแต่ชักจูงให้ผู้หญิงเดินเข้าไปอยู่อีกโซ่ตรวนหนึ่ง โดยการยอมจำนนก้มหัวให้กับผู้มีอำนาจ และสถาบันศาสนา โดยเฉพาะในเรื่องการทำแท้ง รวมถึงการสร้างเงื่อนไขชนิดต่างๆ ที่เปิดทางและเกื้อหนุนให้การกดขี่ทางเพศดำรงอยู่ต่อไปอย่างมั่นคง ถ้าพูดกันอย่างตรงไปตรงมา พระโดยส่วนใหญ่ในประเทศไทยไม่ต้องมีความรู้มากนักไม่ว่าจะเป็นเรื่องสุขภาวะ อนามัยพื้นฐานหรือประเด็นพื้นฐานทางสังคมต่างๆ โดยเฉพาะสังคมสมัยใหม่ที่ยืนอยู่บนพื้นฐานความเท่าเทียมกันของมนุษย์ เป็นวิทยาศาสตร์และไร้ความงมงาย

พระก็แค่ผู้ชายที่โกนหัวและห่มผ้าเหลืองก็เท่านั้น ไม่น่าแปลกใจที่พระปฏิกิริยาในประเทศไทยทำได้เพียงแค่เป็นพนักงานส่งข้อความ เคลือบยาพิษเข้าข้างผู้มีอำนาจเพื่อมอมเมาทั้งหญิงและชายให้ยอมรับการถูกเอา รัดเอาเปรียบ บ่อยครั้งออกมาส่งเสริมให้มีการเข่นฆ่าคนที่กล้าท้าทายอำนาจรัฐ  แทนที่จะหนุนเสริมตั้งคำถามว่าตัวหลักๆ ที่มันสร้างปัญหาให้คนส่วนใหญ่อยู่ไหน และทำไมเราถึงไม่มีสิทธิที่จะกำหนดอนาคตของตัวเอง หรือว่าศีลธรรมของศาสนามันเป็นเพียงแค่ศีลธรรมจอมปลอมเท่านั้นที่เน้นควบคุม แทนที่จะปลดปล่อยมนุษย์

อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่เคียงข้างหญิงบริการ ที่พยายามสู้และยกระดับการขายบริการทางเพศให้เป็น “งานแท้จริง” เหมือนงานชนิดอื่นๆ ส่วนใหญ่จะเป็นข้อเสนอระยะสั้นๆ เช่น หญิงบริการจะต้องมีสิทธิสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตัวเอง มีสิทธิจัดตั้งสหภาพแรงงาน แน่นอนเราสนับสนุน แต่มันมีคำถามที่สำคัญอันหนึ่งตั้งตระหง่านท้าท้ายพวกเราอยู่คือ “การขายบริการทางเพศ” โดยลักษณะของมัน มันเป็นงานที่มีปัญหาและเป็นอาการของสังคมที่ไร้ความเท่าเทียม เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเราจะส่งเสริมให้งานแบบนี้ดำรงอยู่ต่อไป

หลายครั้งเราอาจจะมองแบบแยกส่วน ปัญหาหญิงขายบริการอาจจะกระทบแค่กลุ่มผู้หญิงบริการ มันไม่ได้มีผลกระทบเกี่ยวพันกับทัศนะคติทางเพศของคนส่วนใหญ่ในสังคมแต่อย่าง ใด ซึ่งมันไม่จริงการที่มีหญิงบริการทางเพศอยู่ มันเป็นแหล่งเพาะเชื้อของทัศนะคติที่เหยียดหยามทางเพศ พยุงและอนุรักษ์ทัศนะที่ส่งเสริมเรื่องทางเพศให้กลายเป็นเรื่องซื้อขาย ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อหญิงชายที่จะรักกันโดยไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้อง ชีวิตของปัจเจกก็จะถูกล่ามอยู่ในวัฒนธรรมชนิดนี้

ตัวอย่างที่น่าสนใจ เช่น เด็กในวัยเรียนบางส่วน หรือ พริตตี้ เลือกที่จะขายบริการทางเพศ คนเหล่านี้อาจจะไม่เดือดร้อนเรื่องเงินมากนัก แต่มองว่าเรื่องเพศสัมพันธ์เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ “ขาดทุน ได้กำไร” หรือ ฝ่ายชายจ่ายอะไรไปแล้วก็ต้องเอาคืน ซึ่งลักษณะความสัมพันธ์แบบนี้มันเป็นอุปสรรคต่อการเคารพซึ่งกันและกัน ทัศนะคติแบบนี้เป็นเงาสะท้อนลักษณะการแต่งงานในสังคมไทยที่ผู้ชายต้องให้สิน สอดแก่ผู้หญิง บ้านไหนขายลูกได้ราคาแพงก็เป็นที่นับหน้าถือตากันไป

โปรดติดตามตอนที่ 2


(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/02/1_15.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น