ตอแหลแลนค์ ในคลิป พวกทะเหี้ยไม่ได้หลบกระสุนเลยนะโว้ย
ศาลอาญากรุงเทพใต้ เบิกตัว ทหารรบพิเศษ 3
ที่ประจำการบนรางรถไฟฟ้าสยามสแควร์ 3 นาย ขึ้นไต่สวนการตาย 6 ศพ
ที่วัดปทุมวนาราม ช่วง ศอฉ.กระชับพื้นที่ปี 2553 รับยิงปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ
2 ใช้กระสุนจริงเข้าไปในวัด เพื่อสกัดชายชุดดำที่มีอาวุธ
แม้จะรู้ว่ามีผู้ชุมนุมอยู่ในนั้น
คำเบิกความของพันโทนิมิตร วีระพงศ์ อดีตหัวหน้าชุดทหารรบพิเศษ ที่ปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้าสถานีสยาม ระหว่างวันที่ 18 และ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงปฏิบัติการกระชับพื้นที่ผู้ชุมนุมของ ศอฉ. ซึ่งเขายอมรับว่า ทหารบนรางรถไฟฟ้ายิงปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 ใช้กระสุน เอ็ม 855 หรือขนาด 5.56 เข้าไปในวัดปทุมวนาราม เพื่อสกัดชายชุดดำที่มีอาวุธแฝงตัวอยู่ในนั้น และเป็นการคุ้มกันทหารจากกองพันทหาราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ บนถนนพระรามที่ 1 ใต้รางรถไฟฟ้า แม้จะรู้ดีว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ภายในวัด
การยอมรับว่า ใช้กระสุนปืนจริงและยิงเข้าไปในวัด ของหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ในการไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา , นายอัฐชัย ชุมจันทร์ , นายมงคล เข็มทอง , นายรพ สุขสถิต , นางสาวกมนเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้ว ผู้เสียชีวิตที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ของศอฉ. ที่วันนี้ (14 ก.พ.56) อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เบิกตัว พันโทนิมิตร , จ่าสิบเอกสมยศ ร่มจำปา และสิบเอกเดชาธร มาขุนทด ทหารจากกองพันชุดจู่โจม รบพิเศษ 3 ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี ซึ่งวันเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่บนรางไฟฟ้าฟ้าและมีภาพปรากฏในคลิปหลักฐาน
พันโทนิมิตร ยืนยันว่า ทหารรบพิเศษ 3 ชุดที่ประจำบนรางรถไฟฟ้า ล้วนมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงครามและรบในเมือง ก่อนเข้าร่วมปฏิบัติการกับ ศอฉ. ได้ผ่านการฝึกควบคุมฝูงชน และได้ปฏิบัติการตามกฎการใช้กำลังจากเบาไปหาหนัก
โดยหลังเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนซึ่งมีทหารเสียชีวิตที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว ทำให้ ศอฉ. อนุญาตให้ทหารใช้กระสุนจริงโต้ตอบกลุ่มติดอาวุธที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่
สอดคล้องกับคำให้การของจ่าสิบเอกสมยศ ซึ่งวันนั้นเขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้า คุมกำลัง 5 นาย รับว่า เขาและลูกน้องยิงตอบโต้ชายชุดดำ ผ่านช่องว่างที่กำบังรางรถไฟฟ้าลงไปที่บริเวณกำแพงวัด หลังรับแจ้งผ่านวิทยุว่า มีชายชุดดำ 4 คนยิงปืนใส่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณนั้นแล้วหลบเข้าไปภายในวัด
คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนทุกวันพฤหัสบดีไปจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม และจะมีคำสั่งในคดีต่อไป
(ที่มา) คำเบิกความของพันโทนิมิตร วีระพงศ์ อดีตหัวหน้าชุดทหารรบพิเศษ ที่ปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้าสถานีสยาม ระหว่างวันที่ 18 และ 19 พฤษภาคม 2553 ช่วงปฏิบัติการกระชับพื้นที่ผู้ชุมนุมของ ศอฉ. ซึ่งเขายอมรับว่า ทหารบนรางรถไฟฟ้ายิงปืนเอ็ม 16 รุ่น เอ 2 ใช้กระสุน เอ็ม 855 หรือขนาด 5.56 เข้าไปในวัดปทุมวนาราม เพื่อสกัดชายชุดดำที่มีอาวุธแฝงตัวอยู่ในนั้น และเป็นการคุ้มกันทหารจากกองพันทหาราบที่ 31 รักษาพระองค์ ที่ปฏิบัติการเคลียร์พื้นที่ บนถนนพระรามที่ 1 ใต้รางรถไฟฟ้า แม้จะรู้ดีว่ามีกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่ภายในวัด
การยอมรับว่า ใช้กระสุนปืนจริงและยิงเข้าไปในวัด ของหัวหน้าชุดปฏิบัติการ ในการไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิตของ นายสุวัน ศรีรักษา , นายอัฐชัย ชุมจันทร์ , นายมงคล เข็มทอง , นายรพ สุขสถิต , นางสาวกมนเกด อัคฮาด และนายอัครเดช ขันแก้ว ผู้เสียชีวิตที่ 6 ทั้งหมดถูกยิงเสียชีวิตในวัดปทุมวนาราม ในเหตุการณ์กระชับพื้นที่ของศอฉ. ที่วันนี้ (14 ก.พ.56) อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 เบิกตัว พันโทนิมิตร , จ่าสิบเอกสมยศ ร่มจำปา และสิบเอกเดชาธร มาขุนทด ทหารจากกองพันชุดจู่โจม รบพิเศษ 3 ค่ายเอราวัณ จังหวัดลพบุรี ซึ่งวันเกิดเหตุปฏิบัติหน้าที่บนรางไฟฟ้าฟ้าและมีภาพปรากฏในคลิปหลักฐาน
พันโทนิมิตร ยืนยันว่า ทหารรบพิเศษ 3 ชุดที่ประจำบนรางรถไฟฟ้า ล้วนมีความเชี่ยวชาญการใช้อาวุธสงครามและรบในเมือง ก่อนเข้าร่วมปฏิบัติการกับ ศอฉ. ได้ผ่านการฝึกควบคุมฝูงชน และได้ปฏิบัติการตามกฎการใช้กำลังจากเบาไปหาหนัก
โดยหลังเหตุการณ์วันที่ 10 เมษายนซึ่งมีทหารเสียชีวิตที่บริเวณ 4 แยกคอกวัว ทำให้ ศอฉ. อนุญาตให้ทหารใช้กระสุนจริงโต้ตอบกลุ่มติดอาวุธที่ทำร้ายเจ้าหน้าที่
สอดคล้องกับคำให้การของจ่าสิบเอกสมยศ ซึ่งวันนั้นเขารับหน้าที่เป็นหัวหน้าชุดปฏิบัติการบนรางรถไฟฟ้า คุมกำลัง 5 นาย รับว่า เขาและลูกน้องยิงตอบโต้ชายชุดดำ ผ่านช่องว่างที่กำบังรางรถไฟฟ้าลงไปที่บริเวณกำแพงวัด หลังรับแจ้งผ่านวิทยุว่า มีชายชุดดำ 4 คนยิงปืนใส่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณนั้นแล้วหลบเข้าไปภายในวัด
คดีนี้ศาลอาญากรุงเทพใต้นัดไต่สวนทุกวันพฤหัสบดีไปจนถึงวันที่ 18 กรกฎาคม และจะมีคำสั่งในคดีต่อไป
http://news.voicetv.co.th/thailand/63181.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น