กไก่ “กองกำลังติดอาวุธ”
โดย ลั่นทมขาว
กองกำลังติดอาวุธคือองค์ประกอบสำคัญของรัฐ เพราะเลนินเคยอธิบายในหนังสือ “รัฐกับการปฏิวัติ” ว่ารัฐไม่เคยเป็นกลาง และเป็นผลพวงมาจากการมีสังคมที่แบ่งเป็นชนชั้น โดยที่รัฐทำหน้าที่ในการอำนวยความสะดวกกับการที่ชนชั้นปกครองกดขี่ชนชั้น อื่นๆ ในระบบทุนนิยมซึ่งปัจจุบันเป็นระบบที่มีทั่วโลกในทุกประเทศ ชนชั้นปกครองคือชนชั้นนายทุน แต่ความหมายไม่ได้แปลว่าชนชั้นปกครองประกอบไปด้วยนักธุรกิจอย่างเดียว
เพราะชนชั้นนายทุนคือคนส่วนน้อยที่ควบคุมบริษัทและกลุ่มทุนใหญ่ รวมถึงรัฐวิสาหกิจด้วย และชนชั้นปกครองมีมากกว่าแค่นายทุน มีพวกนายพลในกองทัพ นายตำรวจชั้นสูง คนที่ดำรงตำแหน่งเป็นประมุข คนที่เป็นนักการเมืองโดยเฉพาะคนในคณะรัฐมนตรีและฝ่ายค้าน ข้าราชการชั้นสูงและพวกผู้พิพากษาระดับสูงด้วย คนกลุ่มนี้ร่วมกันแบ่งหน้าที่การงานเพื่อกดขี่ประชาชนคนอื่นที่สังกัดชนชั้น กรรมาชีพ ชนชั้นผู้ประกอบการรายย่อย และชนชั้นกลาง เป้าหมายโดยรวมคือการรักษาระบบทุนนิยมที่ขูดรีดมูลค่าส่วนเกินจากการทำงาน ของประชาชนธรรมดาเหล่านี้
ในยุคก่อนทุนนิยมการขูดรีดหรือการยึดขโมยมูลค่าส่วนเกินจากคนธรรมดา อาศัยกองกำลังติดอาวุธของชนชั้นปกครอง โดยมีการส่งทหารไปปล้นผลผลิตหรือเงินตราจากประชาชน หรือบังคับใช้แรงงาน และการที่เราเรียกว่า “ส่วนเกิน” ก็เพราะมันเป็นส่วนเกินจากผลผลิตหรือมูลค่าที่จำเป็นในการเลี้ยงชีพของคน ธรรมดา ถ้ายึดหรือขโมยมามากกว่านั้น เช่นยึดหมด ประชาชนธรรมดาจะอดตายและไม่สามารถผลิตอะไรให้ชนชั้นปกครองได้อีก
ในยุคทุนนิยมการขูดรีดทำเนียนกว่าในอดีต คือมีการกล่อมเกลาให้คนเชื่อว่านายทุน “มีสิทธิ์” กินกำไรจากการทำงานของพวกเรา โดยมีการอ้างว่านายทุนลงทุนของเขาแต่แรก แต่ไม่มีการอธิบายความจริงว่าทุนที่นายทุนนำมาลงทุนนั้นเดิมมาจากการทำงาน ของคนอื่น มันไม่ใช่ทรัพย์สินที่ได้มาด้วยความชอบธรรมแต่อย่างใด
การกล่อมเกลาแบบนี้ของชนชั้นปกครองอาศัยการคุมสื่อ โรงเรียน และมหาวิทยาลัย เพื่อให้การลักขโมยของนายทุนดำเนินไปอย่างราบรื่น มีการร่างกฏหมายโดยชนชั้นปกครองเองเพื่อสนับสนุนการลักขโมยอันนี้ด้วย เช่นกฏหมายแรงงาน หรือกฏหมายอันว่าด้วยการเป็นเจ้าของทรัพย์สิน แต่ถ้าเมื่อใดประชาชนลุกฮือไม่พอใจเพราะตาสว่างโกรธแค้น หรือเมื่อใดที่มีการนัดหยุดงาน เราจะเห็นกองกำลังติดอาวุธของชนชั้นปกครองออกมาปฏิบัติการทันทีเพื่อปราบ ปรามพวกเรา ไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร
และแน่นอนกฏหมายกับคุกจะปกป้อง “สิทธิ์” อันไม่ชอบธรรมในการขูดรีดประชาชน และถูกใช้ในการลงโทษคนที่กล้าท้าทายการลักขโมยขูดรีดดังกล่าว การนัดหยุดงานเป็นกรณีที่แหลมคมมาก เพราะเป็นการต่อรองอย่างหนักในเรื่องส่วนแบ่งของมูลค่าส่วนเกินระหว่างคนทำ งานกับนายทุน และเป็นการท้าทายอำนาจทางการเมืองของชนชั้นปกครองด้วย
แต่นั้นไม่ได้หมายความว่าจะจบลงด้วยการปฏิวัติ ล้มระบบเดิมเสมอ เพราะส่วนใหญ่จะนำไปสู่การประนีประนอมกันภายใต้ระบบทุนนิยม โดยที่ฝ่ายนายทุนอาจยอมบ้างหรือฝ่ายแรงงานต้องยอม
นอกจากกองกำลังติดอาวุธของชนชั้นปกครองจะถูกใช้ในการกดขี่ปราบปรามประชาชน ภายในประเทศแล้ว กองกำลังติดอาวุธมีความสำคัญสำหรับชนชั้นปกครองในการใช้อำนาจและความรุนแรง ข่มเหงชนชั้นปกครองจากประเทศอื่นด้วย นี่คือที่มาของสงคราม บางครั้งเป็นการยึดทรัพยากรจากประเทศอื่นผ่านการรุกรานยึดครอง บางครั้งเป็นการบังคับให้ชนชั้นปกครองประเทศอื่นยอมจำนนต่อข้อเรียกร้องที่ เป็นประโยชน์กับฝ่ายชนะ บางครั้งเป็นการทำสงครามเพื่อเปลี่ยนรัฐบาลของประเทศอื่น เพื่อให้มีรัฐบาลที่เข้าข้างเดียวกันกับประเทศที่มีอำนาจมากกว่า
ถ้าเราเข้าใจตรงนี้เราไม่ควรหลงเชื่อว่า “ทหารมีหน้าที่ปกป้องประเทศไม่ควรเข่นฆ่าประชาชนคนไทยด้วยกัน” เพราะจริงๆ แล้วกองกำลังติดอาวุธของรัฐไทยมีไว้ปราบปรามประชาชนไทยและทำสงครามกับที่ อื่นพร้อมๆ กัน รัฐอื่น ประเทศอื่นก็เหมือนกัน และเราจะสังเกตเห็นว่าชนชั้นปกครองต้องใช้เครื่องแบบ วินัยเหล็ก และค่ายทหาร เพื่อแยกทหารธรรมดาออกจากประชาชน เพื่อไม่ให้เขามีจิตสำนึกที่เข้ากับประชาชนธรรมดาได้
คนที่อยากจะเห็นการเปลี่ยนแปลงไปสู่สังคมใหม่ ที่มีเสรีภาพประชาธิปไตยและความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจมากกว่าปัจจุบัน บ่อยครั้งคิดว่าฝ่ายเราควรสร้างกองกำลังติดอาวุธเพื่อสู้กับรัฐ แต่เราต้องไม่ลืมว่ารัฐผูกขาดอำนาจมานาน ผูกขาดการเก็บภาษี และฝึกฝนสร้างกองกำลังติดอาวุธมานาน มันยากที่จะสร้างกองกำลังของประชาชนมาท้าทายโดยตรงแบบนี้
อย่างไรก็ตามเราไม่ต้องยอมจำนนแต่อย่างใด เพราะถ้าพิจารณาสภาพความเป็นจริง กองกำลังติดอาวุธของรัฐ ถึงแม้ว่ามีนายพลที่เป็นส่วนหนึ่งของชนชั้นปกครอง แต่จำต้องอาศัยทหารธรรมดาที่เป็นพี่น้องลูกหลานของประชาชน ดังนั้นเรามีโอกาสที่จะชวนให้ทหารธรรมดาเปลี่ยนข้างและหันปืนใส่ผู้บังคับ บัญชาได้ ไม่ว่าเขาจะถูกกล่อมเกลามาแค่ไหน แต่ถ้าจะเกิดจริงเราต้องมีพลังมวลชนที่ลุกฮือประท้วง ยึดพื้นที่ในเมือง และที่สำคัญคือต้องนัดหยุดงานและยึดศูนย์กลางการผลิตมูลค่าหรือการดำเนินงาน ของสังคม ในสภาพเช่นนั้นฝ่ายเราจะดูมีอำนาจ และเราสามารถชวนให้ทหารระดับล่างเปลี่ยนข้างได้ และในการเปลี่ยนข้างเราจะต้องชวนให้เขาแจกจ่ายอาวุธให้ประชาชนทุกคนด้วย เพื่อสร้างกองกำลังของประชาชนเอง
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2013/02/blog-post_5267.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น