หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2556

รายงานเผยสหรัฐซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดี 9/11

รายงานเผยสหรัฐซ้อมทรมานผู้ต้องหาคดี 9/11

 

 


รายงานขององค์กรอิสระเปิดเผยว่ารบ.สหรัฐซ้อมทรมานนักโทษในคดีก่อการ ร้าย ด้วยการรู้เห็นจากประธานาธิบดีและที่ปรึกษาระดับสูง ในขณะที่การถกเถียงเรื่องความชอบธรรมในการทรมานยังคงดำเนินอยู่


เมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา มีการเผยแพร่รายงานของคณะทำงานด้านการปฏิบัติต่อนักโทษขององค์กร Constitution Project ซึ่งเป็นองค์กรประโยชน์สาธารณะ เปิดเผยว่า รัฐบาลสหรัฐทำการทรมานผู้ต้องสงสัยและนักโทษในคดีการก่อการร้ายจากเหตุการณ์ ก่อวินาศกรรม  11กันยายน 2544 และชี้ชัดว่าประธานาธิบดีและเจ้าหน้าที่ระดับสูงมีส่วนรู้เห็น

คณะทำงานดังกล่าว นำโดยอดีตส.ส. จากพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน และประกอบด้วยทนายความ ผู้พิพากษา และเจ้าหน้าที่กองทัพระดับสูงที่เกษียณแล้ว ได้รวบรวมข้อมูลทางเอกสารและสัมภาษณ์นักโทษและผู้ที่เกี่ยวข้องราว 100 คน ใช้เวลาราว 2 ปี และผลิตรายงานความยาวจำนวน 560 หน้า ซึ่งระบุว่ารัฐบาลได้ซ้อมทรมานนักโทษและผู้ต้องสงสัยชาวลิเบียและจากกลุ่ม อัลกออิดะห์ เพื่อบังคับให้บอกข้อมูลต่างๆ


รายงานดังกล่าวศึกษาการซ้อมทรมานตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีบิล คลินตัน จนถึงสมัยปธน.โอบามา อย่างไรก็ตาม พบว่า การออกคำสั่งหรืออนุญาตให้ซ้อมทรมานพบบ่อยครั้งในสมัยของปธน.จอร์จ ดับเบิลยู บุช เนื่องจากเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์ก่อวินาศกรรมเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2544

เทคนิคในการซ้อมทรมานของซีไอเอ หรือหน่วยสืบราชการลับกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ได้แก่ เทคนิคการทำให้เกือบจมน้ำ การกดน้ำจำลอง (waterboarding) การจับกระแทกกับผนัง การล่ามโซ่ในท่าที่เจ็บปวดอย่างยาวนาน และการทำให้ผู้ต้องสงสัยอดนอนอย่างยาวนาน ซึ่งวิธีการดังกล่าวบางส่วน ถูกประณามโดยรัฐบาลสหรัฐอเมริกาเมื่อพบว่าดำเนินการอยู่ในประเทศอื่นๆ

รายงานสรุปว่า "ไม่มีความชอบธรรมใดๆ" และ "สร้างความเสียหายต่อจุดยืนของประเทศชาติ ลดความสามารถของประเทศในการยึดถือหลักจริยธรรม และสร้างอันตรายต่อทหารสหรัฐที่ถูกจับเป็นตัวประกัน" นอกจากนี้ ยังพบว่า "ไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนและที่ชวนเชื่อได้ว่า" วิธีการสอบสวนแบบซ้อมทรมานจะทำให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่มีค่า ที่ไม่สามารถได้มาด้วยวิธีอื่นๆ และถึงแม้บุคคลที่ถูกทรมานจะคายข้อมูลออกมา แต่รายงานก็ระบุว่า ข้อมูลที่ได้จากการบังคับใช้กำลังนั้นไม่มีความน่าเชื่อถือ

ทั้งนี้ ข้อถกเถียงเรื่องการซ้อมทรมานในมิติประวัติศาสตร์และกฎหมายได้ดำเนินมากว่า ศตวรรษในสังคมอเมริกา โดยในระหว่างปี 2545-2548 สำนักงานกฎหมายของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐได้เขียนความคิดเห็นทางกฎหมายที่สรุป ว่าวิธีการดังกล่าว ไม่นับว่าเป็นการซ้อมทรมานหากปฏิบัติอย่างเคร่งครัด แต่ภายหลังเอกสารดังกล่าวได้ถูกถอนออกไป ในขณะที่สื่อมวลชนที่รายงานเรื่องนี้ยังคงไม่มีฉันทามติที่แน่นอนว่า ควรเรียกการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการซ้อมทรมานหรือไม่เนื่องจากเจ้าหน้าที่ บางส่วนยังไม่ยอมรับ

รายงานฉบับดังกล่าว เป็นข้อมูลที่ไม่ได้มาจากเอกสารลับ เนื่องจากข้อจำกัดในการเข้าถึง อย่างไรก็ตาม มีรายงานอีกฉบับที่จัดทำขึ้นโดยคณะกรรมาธิการด้านการสืบราชการลับของวุฒิสภา ซึ่งใช้ข้อมูลจากเอกสารลับของซีไอเอทั้งหมด มีความยาวจำนวน 6,000 หน้าที่เกี่ยวข้องกับการประเมินการคุมขังนักโทษและวิธีการสอบสวน แต่รายงานดังกล่าวเก็บเป็นความลับ โดยองค์การสิทธิมนุษยชน ฮิวแมนไรท์ วอทช์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยรายงานดังกล่าว เพื่อสร้างความโปร่งใส และให้ดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องกับการซ้อมทรมาน 


(ที่มา) 
http://www.prachatai.com/journal/2013/04/46303

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น