ละครนิรโทษกรรมเป็นโอกาสของทั้งสองฝ่ายที่จะเบี่ยงเบนประเด็น
การ
วิ่งเต้นโวยวายเรื่องร่างกฏหมายนิรโทษกรรมที่เราเห็นอยู่ในขณะนี้
จากทั้งสองฝ่าย คือฝ่าย “แช่แข็ง” กับฝ่าย “รัฐบาลเพื่อไทย”
เป็นโอกาสทองสำหรับผู้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทยและพวกอนุรักษ์นิยมรวมถึงทหาร
เพราะมันทำให้ประเด็นสำคัญๆ หายไป
นั้นคือการสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชนในไทยด้วยการนำทหารและนักการเมืองที่
สั่งฆ่าประชาชนมาขึ้นศาล การลงโทษผู้ที่ก่อรัฐประหาร
และการยกเลิกกฏหมายที่ทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกโดยเฉพาะ112
สำหรับ
ฝ่ายแช่แข็งอนุรักษ์เผด็จการ
การถกเถียงกลายเป็นการต่อรองกับเพื่อไทยและทักษิณ
มีการพยายามยกเรื่องทักษิณมาพูดตามเคย
และปกปิดอาชญากรรมของทหารและประชาธิปัตย์
ถือว่าเป็นการกดดันให้นักโทษการเมืองติดคุกนานๆ ต่อไป
และเพื่อไม่ให้แตะกฏหมาย112 ที่ปกป้องทหารด้วยหน้ากากกษัตริย์
สำหรับ
รัฐบาลเพื่อไทย และนปช. ความสับสนและข่าวลือต่างๆ
รวมถึงการมีร่างกฏหมายนิรโทษกรรมร้อยแปดฉบับ เป็นโอกาสดีสำหรับพวกนี้
ที่จะสร้างความคลุมเครือ ให้เสื้อแดงนิ่งเฉยไม่ออกมาชุมนุม
และยอมรับการประนีประนอมแย่ๆ กับทหาร กับการจบลงแย่ๆ ด้วยความรู้สึกว่า
“อย่างน้อยเราได้บางอย่าง” แต่ได้อะไรนั้นอีกเรื่อง
คำ
ถามที่เราควรถามคือ พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลมาหลายปีแล้ว
ทำไมไม่มีการนำนายพลและนักการเมืองมือเปื้อนเลือดมาขึ้นศาล
ทำไมนักโทษการเมืองเสื้อแดงไม่ถูกปล่อยในขณะที่พวกปิดสนามบินมีเสรีภาพ
และทำไมไม่ทำอะไรกับกฏหมายแย่ๆ อย่าง 112?
คน
อย่าง สมยศ สุรชัย ดาตอร์ปิโด ไม่เคยก่ออาชญากรรมและไม่ได้ใช้ความรุนแรง
แต่เพื่อไทยกับ นปช. มองว่า “ต้อง” ติดคุกตลอดชีวิต
ในขณะที่อาชญากรแท้ที่มีเสรีภาพลอยนวล เช่น ประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์
อนุพงษ์ และสนธิ นี่คือสูตรสำหรับการปกป้องสังคมไทยที่ไร้สิทธิมนุษยชน
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น