หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

135 คณาจารย์ ชี้ 4 ข้อ ปัญหาท่าทีที่ประชุมอธิการบดี

135 คณาจารย์ ชี้ 4 ข้อ ปัญหาท่าทีที่ประชุมอธิการบดี

 

   


 
5 ธ.ค.2556 คณาจารย์ 135 คน ร่วมลงนามใน ‘จดหมายเปิดผนึกจากคณาจารย์กลุ่มหนึ่งต่อท่าทีของที่ประชุมอธิการบดีใน สถานการณ์วิกฤติการเมือง’ ไม่เห็นด้วยต่อการแสดงท่าทีของที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย (ทปอ.) ในสถานการณ์วิกฤติการเมืองปัจจุบัน โดยระบุไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทนของประชาคมทางวิชาการของประเทศ และไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว


จดหมายเปิดผนิดดังกล่าวมีเนื้อหา ดังนี้

จดหมายเปิดผนึกจากคณาจารย์กลุ่มหนึ่งต่อท่าทีของที่ประชุมอธิการบดีในสถานการณ์วิกฤติการเมือง

เรียนที่ประชุมอธิการบดี

ข้าพเจ้าผู้มีรายนามดังต่อไปนี้ มีความเห็นว่าท่าทีของที่ประชุมอธิการบดี (ทปอ.)


ในสถานการณ์วิกฤติการเมืองในห้วงเวลานี้ไม่ได้สะท้อนความเป็นตัวแทนของ ประชาคมทางวิชาการของประเทศ และไม่ได้คำนึงถึงประโยชน์ต่อสังคมในระยะยาว ด้วยเหตุผลสี่ประการ

1. ในการประชุมและการแถลงท่าทีของ ทปอ.ต่อสถานการณ์ทางการเมือง ทปอ.ได้จัดการประชุมกันเอง โดยไม่ได้จัดรับฟังความเห็นและข้อถกเถียงจากประชาคมมหาวิทยาลัยของตนเองเลย การบริหารของมหาวิทยาลัยแต่ละแห่งนั้นมีโครงสร้างการบริหารจัดการที่ซับซ้อน และคำนึงถึงหลักธรรมาภิบาล โดยเฉพาะหลักการมีส่วนร่วมและพร้อมรับผิดชอบ (accountability) มิได้ปล่อยให้อธิการบดีเอาความเป็นสถาบัน และภาพลักษณ์ของมหาวิทยาลัยออกไปใช้ในทางการเมืองโดยไม่ฟังเสียงประชาคม ของมหาวิทยาลัย ไม่ว่าจะเป็นคณาจารย์ เจ้าหน้าที่ และ นิสิตนักศึกษา


2. การนำเสนอความเห็นต่อสถานการณ์การเมืองของ ทปอ.ในระยะที่ผ่านมา โดยเฉพาะการนำเสนอทางออกต่อวิกฤติทางการเมืองโดยการนำเสนอเรื่องของรัฐบาล รักษาการที่เป็นกลาง มีแนวโน้มที่จะขัดต่อหลักการและเจตจำนงของรัฐธรรมนูญเนื่องจากขาดการยึดโยง กับหลักการประชาธิปไตย ที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญอย่างชัดแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นหลักของความเป็นตัวแทนจากการเลือกตั้งและเสียงข้างมาก อีกทั้งยังขัดต่อหลักนิติธรรมเองในแง่ของความถูกต้องทางกฎหมายและตามขั้นตอน ของกฎหมาย การนำเสนอความเห็นจากที่ประชุมอธิการบดีไม่ได้สะท้อนให้เห็นถึงความพยายาม อย่างถึงที่สุดที่จะผดุงไว้ซึ่งหลักการประชาธิปไตยที่ระบุไว้ในรัฐธรรมนูญ อย่างชัดแจ้ง กลับเปิดทางให้เกิดการตีความที่คลุมเครือและสุ่มเสี่ยงทีจะเกี่ยวพันกับ เงื่อนไขนอกวิถีทางของรัฐธรรมนูญและประชาธิปไตย

3. ข้อเสนอของ ทปอ.ที่ผ่านมา ส่งผลต่อประโยชน์และความได้เปรียบทางการเมืองของกลุ่มการเมืองบางกลุ่มอย่าง ชัดเจน ปัญหาสำคัญในเรื่องนี้คือ นอกจากนำเอามหาวิทยาลัยซึ่งเป็นสถาบันสาธารณะเข้าไปเกี่ยวข้องกับความขัด แย้งทางการเมืองแล้ว ทปอ. ซึ่งเป็นการรวมตัวกันอย่างไม่มีกฎหมายรองรับ ยังไม่ได้ปกป้องการทำหน้าที่หลักของมหาวิทยาลัย นั่นคือการให้บริการการเรียนการสอนต่อนิสิตนักศึกษาของตน เมื่อเกิดความขัดแย้งทางการเมืองจนถึงขั้นที่มีแนวโน้มหรือมีการใช้ความ รุนแรงบนท้องถนน ผู้บริหารสถาบันการศึกษาและที่ประชุม ทปอ.ควรแถลงเรียกร้องให้กลุ่มต่างๆ จำกัดพื้นที่ความขัดแย้งทางการเมืองไม่ให้กระทบต่อความปลอดภัยของประชาคม มหาวิทยาลัย เพื่อให้ทำการเรียนการสอนดำเนินได้อย่างปกติ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยควรยืนหยัดต่อเจตนารมณ์ดังกล่าว และเตือนสติขั้วขัดแย้งทางการเมืองให้ตระหนักถึงความปลอดภัยและความสงบเรียบ ร้อยของสังคมเป็นสำคัญ การประกาศงดการเรียนการสอนเพื่อความปลอดภัยต่อประชาคมมหาวิทยาลัยนั้นเป็น สิ่งที่ควรกระทำ แต่ก็ต้องตระหนักถึงผลกระทบที่ตามมาว่าการประกาศงดการเรียนการสอนในบางกรณี นั้นอาจกลายเป็นเครื่องมือสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มการเมืองบางกลุ่ม ได้เช่นกัน

4. ทปอ. ต้องเข้าใจว่ามหาวิทยาลัยต้องมีความเป็นกลางทางการเมืองและช่วยนำพาสังคม ข้ามพ้นจากวิกฤติทางการเมืองในระยะยาว ซึ่งหมายความว่ามหาวิทยาลัยจะต้องคำนึงถึงความหลากหลายของความคิดเห็นและ เสรีภาพทางวิชาการของประชาคมของตน และของสังคมโดยรวม การที่ทปอ.นำมหาวิทยาลัยไปผูกอยู่กับจุดยืนทางการเมืองของผู้บริหาร มหาวิทยาลัยบางคน จึงเป็นเรื่องน่าเป็นห่วงอย่างยิ่ง เพราะจะเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบรรยากาศที่เชิดชูเสรีภาพและความหลากหลายทาง ความคิด และความอดทนอดกลั้นของประชาคมมหาวิทยาลัยและผู้คนในสังคม อันเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะนำพาสังคมข้ามพ้นจากความขัดแย้งทางการเมืองเฉพาะ หน้า และจะทำให้มหาวิทยาลัยเป็นสถาบันสาธารณะที่รับผิดชอบต่อสังคมในระยะยาว

รายชื่อคณาจารย์

(อ่านต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น