หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บูชายัญ

บูชายัญ



โดย จักรภพ เพ็ญแข
   
เท่า ที่ทราบมา กองกำลังอาชญากรมืออาชีพที่ฆ่าและทำร้ายเจ้าหน้าตำรวจกลางกรุงเทพฯ เมื่อวานนี้ เป็นกองกำลังเดียวกันที่วางแผนก่อกวนมาล่วงหน้า ไม่ใช่ฝูงชนที่โมโหเจ้าหน้าที่และกระทำการอย่างบันดาลโทสะเช่นที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ โกหกกลางเมืองอยู่ เขาเรียกตัวเองว่า “กระเบนธงชลบุรี” นำเข้ามาในพื้นที่กรุงเทพฯ ตามข่าวที่ลอยมาว่าโดยฝีมือของ พลตำรวจโทอัศวิน ขวัญเมือง อดีตนายตำรวจฝ่ายเหลืองที่เป็นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครหนึ่งในสี่คนของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อยู่ในขณะนี้ “กระเบนธงชลบุรี” ถูกนำมาแทนที่กลุ่มเดิมที่ชื่อเสียไปแล้วคือ นักรบศรีวิชัย หรือ กองทัพศรีวิชัย ซึ่งแสดงความเป็นชาวใต้มากเกินไปหน่อย คนที่มีคนเชื่อกันมากว่าอยู่เบื้องหลังแท้ๆ อย่าง นายชวน หลีกภัย จึงขอให้แปลงร่างเป็นอีกชื่อหนึ่ง แต่ก็คงเป็นสายพันธุ์เดิม วลีทีติดปากว่า อันธพาลครองเมือง จึงนำมาใช้ได้อย่างตรงต่อความหมายที่สุดในขณะนี้ แต่สิ่งที่เราต้องเตือนตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือ ใครมันอนุญาตให้คนเหล่านี้มากระทำการเยี่ยงนี้ได้ คนใหญ่ที่สุดในประเทศนี้คือใคร เคยประกาศธรรมของผู้ครองอำนาจไว้อย่างไร เมื่อมีเรี่ยวแรงจะออกมาดูหมูหมากาไก่ได้ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่าทำไมไม่ดูคน หรือพอใจเสียแล้วที่บ้านเมืองเป็นเช่นนี้ การที่เราเขม้นมองแต่ตัวผู้ปฏิบัติการภาคสนามอย่างเดียวย่อมไม่เพียงพอ เพราะกุ๊ย อันธพาล และเหล่าร้ายข้างถนน ย่อมอยู่ใต้อาณัติของมาเฟียใหญ่อีกต่อหนึ่ง ไม่มีสุญญากาศแห่งอำนาจในวงการใต้ดิน เราจึงต้องมองสองระดับนี้ไปพร้อมกันเสมอ จึงจะเห็นปัญหาประเทศไทยได้ชัด


หลาย ท่านถามว่า เมื่อสถาบันหลักของชาติเกิดวินาศกาเลไปแล้วทั้งหมดเช่นนี้ เราจะอาศัยสถาบันนอกชาติอย่างองค์การสหประชาชาติได้บ้างไหม บางท่านยกตัวอย่างกัมพูชาที่เคยอยู่ภายใต้คณะปกครองพิเศษที่เรียกว่า UNTAC ยาวนานถึงสิบปีมาด้วย ผมตอบตรงๆ ชัดๆ ว่ายังไม่ได้ และเราก็ยังไม่ควรคิดว่าประเทศไทยจะสิ้นหนทางถึงขนาดนั้นด้วย องค์การสหประชาชาติเข้ากัมพูชาในขณะนั้นเพราะเหตุผลใหญ่ ๒ ประการคือ ๑) อำนาจรัฐของกัมพูชาแตกกระจายออกเป็นเสี่ยงๆ และแต่ละเสี่ยงก็อยู่ในมือของกลุ่มอำนาจขนาดย่อย ที่ต้องเรียกว่ากลุ่มโจร ไม่ใช่กลุ่มการเมืองที่ชอบธรรมเลย กัมพูชาขณะนั้นจึงอยู่ในสภาพที่ไม่อาจกำหนดใจตนเองได้อีกต่อไป และประชาชนได้รับทุกขเวทนาอย่างสาหัส พูดง่ายๆ คือรัฐนั้นๆ จะต้องล้มเหลวลงอย่างเด็ดขาดเสียก่อน อำนาจนอกรัฐจึงจะก้าวเข้ามาได้ เราจึงไม่ควรหวังว่าประเทศไทยจะต้องประสบวิบากกรรมถึงขนาดนั้น (แต่คิดและไตร่ตรองไว้ในใจได้) ๒) มหาอำนาจรอบกัมพูชาหมดความสนใจที่จะช่วยเป็นกาวใจใดๆ ให้กับกัมพูชาอีกต่อไป สหรัฐอเมริกากระโดดหนีในยุคที่ ริชาร์ด เอ็ม นิกสัน เป็นประธานาธิบดี จีนสะดุดขาตัวเองด้วยการหนุนเขมรแดงจนกลายเป็นปิศาจที่คนเขมรทั้งเกลียดและ กลัว ฝรั่งเศสไร้อำนาจบารมีใดๆ ยกเว้นความเป็นเจ้านายเก่า เวียดนามจ้องที่จะเข้ามาในกัมพูชาด้วยเจตนาขยายพรมแดนและกลืนชาติ ไม่ได้คิดช่วย เมื่อถึงคราวที่มหาอำนาจระดับโลกและระดับท้องถิ่นนัดกันทอดทิ้งกัมพูชาถึง ขนาดนั้น ก็กลายเป็นนัดบังคับ (forced fight) ของหน่วยงานอย่างองค์การสหประชาชาติ ซึ่งกว่าจะขอเรี่ยไรเงินมาบริหารกัมพูชาได้อย่างดี ก็ปาเข้าไปในปีที่สี่
 
วันนี้ อย่าไปหวังใครเข้ามาช่วยครับ ยังไม่ถึงเวลา และยังไม่ใช่ทางเลือกที่ควรทำ สิ่งที่ควรทำคือการลงนามให้สัตยาบรรณกับ ศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) เสียในทันที เพื่อฟ้องคดีอาชญากรรมต่อต้านมนุษยชาติและเตรียมคุกไว้สำหรับสัตว์ร้ายต่าง ระดับเหล่านี้ในอนาคต เหมือนที่บาปกรรมตามถึงตัวผู้นำในแอฟริกาและอดีตยุโรปตะวันออกแล้วในขณะนี้ ไม่นานก็ถึงคิวเอเชีย ผมพอจะเข้าใจว่าทำไมท่านถึงยังจึงไม่กล้าลงนาม ก็เพราะนโยบายของรัฐบาลไทยรักไทยสมัยสงครามต่อต้านยาเสพติดและการแก้ไขปัญหา จังหวัดชายแดนใต้ แต่เราคุยกันแล้วนี่ครับว่าประวัติศาสตร์ต้องสร้างทีละขั้น เอาท่าทีของเขากับท่าทีของเรามาหักลบกัน จนเป็นผลบวกแล้วจึงจะกล้าทำนั้น สิ่งที่จะเสียประโยชน์ในท้ายที่สุดคือการพัฒนาประชาธิปไตยในประเทศไทย มาถึงการเมืองระดับนี้แล้ว ไม่มีทางเลือกที่เราได้หมดหรือเขาเสียหมดหรอกครับท่าน ทางเลือกที่ประเสริฐสุดในขณะนี้คือ ทำให้คนไทยรุ่นต่อๆ ไปมีโอกาสได้สัมผัสสิทธิ เสรีภาพ และความเป็นมนุษย์ยิ่งกว่ารุ่นของเรา คนอายุหกสิบกว่า ไปจนถึงเก้าสิบกว่า คิดหรือว่าจะได้อยู่ใช้กรรมไปได้กี่มากน้อย เอาเวลาที่น้อยลงทุกทีมามอบเป็นเครื่องบรรณาการให้คนรุ่นที่เขายังไม่ปน เปื้อนเท่ากับรุ่นของเราดีกว่าครับ. 


(ที่มา)FB  

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น