สภาวะการนำของนายกฯยิ่งลักษณ์สั่นคลอนอย่างถึงที่สุด
โดย อ.พิชิต ลิขิตกิจสมบูรณ์
เหตุการณ์รุนแรงในวันนี้ที่มีตำรวจบาดเจ็บและเสียชีวิต ประชาชนถูกทำร้าย โดยกองกำลังติดอาวุธของพวกขับไล่รัฐบาล ส่งผลสะเทือนอย่างร้ายแรงต่อสถานะของรัฐบาลและต่อสภาวะการนำของนายกฯยิ่งลักษณ์
แม้จะเป็นสไตล์ของนายกฯยิ่งลักษณ์ที่
ไม่ปะทะ ไม่ใช้มาตรการเด็ดขาด แต่ถอยให้ทุกเม็ด ยอมให้ทุกอย่าง
เพราะท่านเป็นคนทะเลาะไม่เป็น หรือเพราะท่านเชื่อว่า
วิธีนี้จะซื้อใจคนไทยส่วนข้างมากได้ ไม่ว่าจะเหตุผลใด อาจกล่าวได้ว่า ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง เพราะการสั่งห้ามจนท.ตำรวจติดอาวุธและห้ามใช้กำลังกับม็อบที่ติดอาวุธ
มาเพียบแบบนี้ ปล่อยให้จนท.ตำรวจถูกกระทืบ ถูกยิง ถูกแทง ถูกลากไปซ้อม
ผลที่ตามมาคือ จนท.ตำรวจจะเอาใจออกห่าง เขารู้สึกว่า
นายกฯยิ่งลักษณ์ไม่อินังขังขอบกับความเจ็บปวดและการสูญเสียของพวกเขา
ประชาชนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบก็ไม่ได้ชื่นชมรัฐบาลแม้แต่น้อย ไม่ได้รู้สึกเลยว่า รัฐบาลมีมนุษยธรรมสูงส่งตรงไหนที่ไม่ใช้มาตรการทางการกฎหมาย พกวเขากลับตั้งคำถามกับรัฐบาลว่า ถ้าคุณรักษากฎหมายไม่ได้ ก็ออกไปซะ เหมือนตอนพวกเสื้อเหลืองยึดทำเนียบ ยึดสนามบินปี 2551 ซึ่งในที่สุด ผู้คนก็ทนไม่ไหวและกลับดีใจที่รัฐบาลพรรคพลังประชาชนถูกยุบไปด้วยซ้ำ เพราะคิดว่า "เรื่องจะได้จบ ๆ ซะที" ซึ่งก็คือสภาวะรัฐล้มเหลว
สภาวะการนำของนายกฯยิ่งลักษณ์สั่นคลอนอย่างถึงที่สุด ความเชื่อมั่นของจนท.ตำรวจและประชาชนทั่วไปที่มีต่อนายกฯยิ่งลักษณ์กำลังใกล้จะหมดสิ้นไป
ถ้านายกฯยิ่งลักษณ์ไม่ทำการตัดสินใจในสิ่งที่ยากและอาจฝืนต่อสไตล์เดิม ๆ ของตน ก็คงอยู่ต่อไปได้อีกไม่กี่วันหลังจากนี้ และไม่ใช่แค่นายกฯยิ่งลักษณ์ แต่จะเป็นตระกูลชินวัตรและพรรคเพื่อไทยทั้งหมด ถัดจากนั้นก็คือ ประชาชนที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ที่จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวง
บางที คำถามคือ ภาระทางประวัติศาสตร์ ณ เบี้องหน้านี้อาจยิ่งใหญ่และหนักอึ้งเกินกว่านายกฯยิ่งลักษณ์ซึ่งไม่ได้เตรียมตัวมาอย่างเต็มที่จะแบกรับต่อไปได้?? นายกฯยิ่งลักษณ์คนเดียวที่จะตอบคำถามนี้ได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น