หน้าเว็บ

วันพุธที่ 12 มีนาคม พ.ศ. 2557

วิกฤตยูเครนคงไม่จบง่ายๆ

วิกฤตยูเครนคงไม่จบง่ายๆ


 

หลังจากที่ประธานาธิบดี แยนูโควิช ถูกรัฐสภาปลดออกจากตำแหน่ง และหลบหนีออกจากเมืองหลวง นักการเมืองฝ่ายค้านก็พยายามสร้างรัฐบาลใหม่ แต่ฝ่ายค้านมีความคิดหลากหลายและแตกแยก ที่พอตกลงกันได้คือไม่เอารัฐบาลเก่าและ ประธานาธิบดี แยนูโควิช

แยนูโควิช ต้องลาออกหลังจากที่พวกนักการเมืองมาเฟียที่เคยสนับสนุนเขา มองว่าเขาเป็นภาระ เลยต้องทิ้งให้เป็นแพะรับบาปไป ความพยายาม และความล้มเหลว ของ แยนูโควิช ที่จะปราบมวลชนในจัตุรัสกลางเมืองด้วยความรุนแรง เป็นสาเหตุสำคัญ

ความแตกแยกในยูเครน มาจากการที่ฝ่ายค้านอยากเข้าใกล้ประชาคมยุโรปหรือ “อียู” โดยฝ่ายรัฐบาลอยากมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียแทน มหาอำนาจตะวันตกก็คอยสนับสนุนฝ่ายค้าน และประธานาธิบดี ปูติน ของรัสเซียก็เคยสนับสนุน แยนูโควิช การเมืองภายในยูแครนมีอิทธิพลของพวกนายทุนมาเฟียอีกด้วย

ยูเครนเคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียด และเป็นพื้นที่ที่ถูกกดขี่อย่างหนักสมัยสตาลิน ยูเครนมีสินค้าเกษตรมากมาย ซึ่งเป็นที่ต้องการของรัสเซียสมัยสตาลิน

จริงๆ แล้วยูเครนมีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ทางด้านตะวันตกเคยเป็นประเทศเดียวกับโปแลนด์และออสเตรีย ทางด้านตะวันออกมีคนเชื้อสายรัสเซียจำนวนมาก ยิ่งกว่านั้นเมืองหนึ่งทางตะวันออกเฉียงใต้ของประเทศเป็นฐานทัพเรือสำคัญของ รัสเซียจนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นยูเครนอาจแตกแยกเป็นสองประเทศในอนาคต

รัสเซียคงอยากปกป้องอิทธิพลในยูเครน โดยเฉพาะในส่วนตะวันออก และอาวุธที่สำคัญในการกดดันนักการเมืองยูเครน นอกจากกองทัพแล้ว คือการที่รัสเซียเป็นผู้ผลิตก๊าซธรรมชาติที่ป้อนยูโรปรวมถึงยูเครน ถ้ามีการขึ้นราคาก็จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจยูเครนที่อ่อนแอและติดหนี้มหาศาลอยู่แล้ว 

การที่นักการเมืองในรัฐบาลใหม่หันไปขอความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจจากอียูและไอเอ็มเอฟ อาจสร้างวิกฤตรอบใหม่ เพราะไอเอ็มเอฟแจ้งว่าถ้าจะปล่อยกู้ให้ยูเครน ต้องมีการตัดเงินที่รัฐใช้ในการช่วยประชาชน ซึ่งคาดว่าจะทำให้เชื้อเพลิงแพงขึ้นเท่าตัว และสร้างความโกรธแค้นไม่พอใจในหมู่ประชาชนซึ่งยังชุมนุมกันที่จัตุรัสเพื่อตรวจสอบรัฐบาลใหม่ ในขณะเดียวกันกองกำลังฟาสซิสต์ก็ระดมคนบนท้องถนน เราคงต้องจับตาดูบทบาทของขบวนการแรงงานในอนาคตด้วย

(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2014/02/blog-post_2028.html       

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น