ฮ่องกง เผด็จการกับความเหลื่อมล้ำ
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
นักศึกษาฮ่องกงที่ออกมาประท้วงเพื่อประชาธิปไตย ออกมาประท้วงเรื่องความเหลื่อมล้ำและฐานะทางเศรษฐกิจด้วย เพราะทั้งๆ ที่จีนเคยประกาศว่าจีนกับฮ่องกงเป็น “ประเทศเดียว สองระบบ” แต่ในความเป็นจริงทุนนิยมจีนเริ่มเข้ามาครอบงำฮ่องกง และในขณะเดียวกันมีการพยายามปิดกั้นสิทธิเสรีภาพตามรูปแบบเผด็จการจีน อย่างไรก็ตามสื่อมวลชนและอินเตอร์เน็ดฮ่องกงยังมีเสรีภาพมากกว่าในจีนแผ่น ดินใหญ่
หลายคนมองว่า เหลียง ชุน หยิง ผู้ว่าการเกาะฮ่องกง เป็นแค่ตัวแทนของจีนแผ่นดินใหญ่ และบริหารฮ่องกงเพื่อผลประโยชน์กลุ่มทุนจีนและนายทุนจีน
ล่าสุดมีข่าวอื้อฉาวว่า เหลียง ชุน หยิง กอบโกย 50 ล้านดอลล่าฮ่องกงเข้ากระเป๋าตนเองจากข้อตกลงกับบริษัทออสเตรเลีย
พลเมืองฮ่องกงจำนวนมากมองว่าในยุคปัจจุบัน คนที่จะพัฒนาอาชีพและชีวิตตนเองได้ ต้องมี “เส้น” คือมีสายสัมพันธ์กับผู้มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมือง โดยเฉพาะคนใหญ่คนโตในจีนแผ่นดินใหญ่ และทุกวันนี้ช่องทางสำหรับนักศึกษาที่จบออกมาเริ่มแคบลงทุกวัน เพราะต้องไปแข่งกับคนจีนจากแผ่นดินใหญ่ที่ได้เปรียบเพราะมีเส้น
ปัจจุบัน 1 ใน 5 ของพลเมืองฮ่องกง หรือ 1.3 ล้านคน อยู่ในระดับยากจน และตลอดเวลาเขาจะเห็นพวกเศรษฐีและลูกหลานแกนนำพรรคจีน ข้ามฝั่งมาซื้อของราคาแพงที่เขาเองซื้อไม่ได้ ดังนั้นจึงเกิดความรู้สึกว่าจีนกำลังเข้ามายึดครองเหมือนอาณานิคม
ราคาบ้านหรือคอนโดกลางฮ่องกงแพงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก สาเหตุหนึ่งก็มาจากการกวาดซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อหวังขายในราคาสูงขึ้นโดย เศรษฐีจากแผ่นดินใหญ่ ราคาบ้านโดยเฉลี่ยสูงกว่ารายได้ต่อปีของคนธรรมดาถึง 14 เท่า และพลเมืองธรรมดาต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ แออัด คนรุ่นใหม่ไม่สามารถหาที่อยู่ของตนเองได้ และต้องอาศัยอยู่กับพ่อแม่เป็นเวลานาน หลายคนต้องดูแลพ่อแม่หรือคนชราอีกด้วย เพราะระบบสวัสดิการบําเหน็จบํานาญแย่มาก
กลุ่มทุนใหญ่จากจีนตอนนี้คุมเกือบครึ่งหนึ่งของตลาดหุ้น และบริษัทฮ่องกงกำลังถูกผลักออกไปเพราะแข่งไม่ไหว และสำหรับนักศึกษาฮ่องกง เขาพบว่าบริษัทใหญ่จากแผ่นดินใหญ่เลือกจ้างคนจากแผ่นดินใหญ่แทนคนฮ่องกง และบริษัทเหล่านี้นำผู้บริหารระดับสูงเข้ามาจากแผ่นดินใหญ่อีกด้วย
ขณะนี้พลเมืองฮ่องกงไม่มีสิทธิ์เลือกผู้ว่าได้อย่างเสรี แต่คนรวยหนึ่งหมื่นคนมีสิทธิ์ในการลงคะแนนเสียงมากกว่าพลเมือง 7 ล้านคน เขาสามารถปิดกั้นหรือวีโต้ความต้องการของประชาชนได้ อภิสิทธิ์ชนอีก 1 แสนคนมีสิทธิ์เลือกครึ่งหนึ่งของรัฐสภา
เผด็จการจีนแผ่นดินใหญ่บังคับให้นักเรียนฮ่องกงต้องเรียน “หลักสูตรรักชาติ” และในรอบ 14 ปีที่ผ่านมารายได้ของคนหนุ่มสาวที่จบการศึกษาลดลง 10-15%
การประท้วงที่นำโดยคนหนุ่มสาวฮ่องกง สามารถดึงคนวัยกลางเข้ามาร่วมเป็นจำนวนมาก และมีผลในการจุดประกายการเคลื่อนไหวต่อสู้ของนักศึกษาในไต้หวันอีกด้วย ส่วนในเวียดนาม ซึ่งเป็นเผด็จการ นักศึกษาหลายกลุ่มก็ออกมาประท้วงสนับสนุนชาวฮ่องกง
ถ้าการต่อสู้ของชาวฮ่องกงจะชนะ ในระยะยาวต้องมีการเชื่อมโยงกับขบวนการแรงงานให้ดีกว่าที่ผ่านมา และต้องมีการแพร่กระจายการต่อสู้ไปสู่จีนแผ่นดินใหญ่ผ่านความสมานฉันท์ และถ้าขบวนการนี้สามารถเคลื่อนไหวต่อไปได้ ก็คงให้กำลังใจกับคนไทยที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอีกด้วย
(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/B9%80/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น