หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ม.112 ขัดต่อ 'อุดมการณ์ธรรมราชา'

 

โดย สุรพศ ทวีศักดิ์

ขอทำความเข้าใจก่อนว่า ผมตระหนักดีว่าการเขียนบทความเชิงตั้งคำถามต่อแนวคิด หรืออุดมการณ์เกี่ยวกับสถาบันกษัตริย์ในบริบทสถานการณ์ปัจจุบันเป็นเรื่อง ที่ “เสี่ยง” พอสมควร แต่ในฐานะนักวิชาการด้านพุทธศาสนาที่ “กระจอก” คนหนึ่ง ผมถือว่าเป็นหน้าที่ที่ต้องทำเพื่อเป็นส่วนเล็กๆ ของการร่วมต่อสู้ทางความคิดเพื่อให้สังคมเรามีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

คำว่า “อุดมการณ์ธรรมราชา” ในบทความนี้ ผมใช้ในความหมายตามทัศนะของพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม (early Buddhism) ที่ถือว่า กษัตริย์เป็น “สมมติราช” ไม่ใช่ “เทวราช” สมมติราชได้อำนาจมาจากฉันทานุมัติของประชาชน ไม่ใช่ได้อำนาจมาจากพระเจ้าเหมือนเทวราช นี่คือแนวคิดของพุทธศาสนาแบบดั้งเดิม แต่กระนั้นก็ตาม กษัตริย์ที่นับถือพุทธศาสนาในอดีตล้วนแต่เป็นกษัตริย์ในระบอบราชาธิปไตย หรือสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อุดมการณ์สมมติราชหรือธรรมราชาแบบพุทธจึงแทบจะไม่ได้ถูกทำให้เป็นจริง

อย่างไรก็ตาม หากเปรียบเทียบระบอบราชาธิปไตย สมบูรณาญาสิทธิราชย์ กับระบอบประชาธิปไตยที่สถาบันกษัตริย์อยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญตามอุดมการณ์ ประชาธิปไตย 2475 ต้องถือว่า ระบอบหลังมีส่วนเอื้อต่ออุดมการณ์ธรรมราชาแบบกษัตริย์เป็นสมมติราชมากกว่า เพราะสถานะของกษัตริย์ภายใต้รัฐธรรมนูญ คือสถานะที่ได้มาจากฉันทานุมัติของประชาชน


อุดมการณ์ธรรมราชานั้น ถือว่าพระราชาต้องมีทศพิธราชธรรม จึงจะเป็นพระราชาที่ดี หรือพระราชาผู้ทำหน้าที่ให้ราษฎรมีความยินดี (“ราชา” แปลว่า “ผู้ยังราษฎรให้มีความยินดี”) จะเห็นว่า เงื่อนไขความสัมพันธ์ระหว่างพระราชากับราษฎรไม่ใช่ “สถานะศักดิ์สิทธิ์-ความรัก” แต่เป็น “หน้าที่-ความยินดี” หรือ ความพึงพอใจ

(อ่านต่อ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น