ว่าด้วยระบบฟาสซิสต์
โดย ลีออน ตรอทสกี
แปลโดย ใจ อึ๊งภากรณ์
From Leon Trotsky "Fascism, Stalinism and the United Front" Bookmarks, 1989.
เกริ่นนำ
นักรัฐศาสตร์กระแสหลักย่อมเสนอว่าขบวนการฟาสซิสต์เป็นแค่ "แนวชาตินิยมสุดขั้ว" แบบ "คลั่งชาติ" โดยชอบมองว่ามาจากลักษณะพิเศษ เช่นความพิเศษของวัฒนธรรมเยอรมัน หรือความพิเศษของยุคสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่สอง แต่การมองแบบนี้ ที่ไม่ใช้แนวคิดชนชั้นในการวิเคราะห์ ไม่สามารถอธิบายธาตุแท้หรือลักษณะเฉพาะของขบวนการฟาสซิสต์ได้ ไม่สามารถอธิบายว่าทำไมมีการฆ่าล้างเผ่าพันธ์ และยิ่งกว่านั้นไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมในยุคนี้มีการรื้อฟื้นขบวนการ ฟาสซิสต์ในหลายประเทศ แต่ที่สำคัญที่สุดนักรัฐศาสตร์กระแสหลักไม่สามารถเสนอวิธีการต่อสู้กับขบวน การนี้ได้นอกเหนือจากการหวังว่าประชาชนจะ “ใช้สติปัญญา”
ในยุคที่การต่อสู้ทางชนชั้นรุนแรงถึงขั้นวิกฤต การปกครองแบบฟาสซิสต์เป็นที่พึ่งสุดท้ายของชนชั้นนายทุน และองค์กรฟาสซิสต์มีหน้าที่หลักในการทำลายความเข้มแข็งของชนชั้นกรรมาชีพโดย อาศัยยุทธศาสตร์ “ม็อบชนม็อบ” โดยที่รากฐานขบวนการสร้างจากกลุ่มชนชั้นนายทุนน้อยและคนตกงาน
บทเรียนที่สำคัญที่สุดจากการขึ้นมาของฮิตเลอร์และพรรคนาซีในเยอรมัน คือความอ่อนแอของกรรมาชีพที่แตกแยกระหว่างพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตย กับพรรคคอมมิวนิสต์ ตรอทสกีเรียกร้องแต่แรกให้สององค์กรนี้สร้างแนวร่วมต้านฟาสซิสต์-นาซี แต่สตาลิน ซึ่งตอนนี้รวบอำนาจในรัสเซียและขบวนการคอมมิวนิสต์สากลได้หมด และอยู่ในยุคที่ตนกำลังต้องการ"พิสูจน์ความเป็นซ้ายจัด"เพื่อกำจัดคู่แข่ง เอียงขวาในรัสเซีย เสนอให้พรรคคอมมิวนิสต์เยอรมันมองว่าพรรคสังคมนิยมประชาธิปไตยเยอรมันร้าย พอๆ กับพวกนาซี โดยป้ายร้ายว่าเป็น “ฟาสซิสต์แดง” นโยบายนี้ของสตาลินนำไปสู่ชัยชนะของฮิตเลอร์และการปราบปรามทำลายการจัดตั้ง ทั้งหมดของชนชั้นกรรมาชีพเยอรมัน
ฟาสซิสต์คืออะไร?
ในอดีต ชนชั้นปกครอง ‘เสรีนิยม’ ไม่สามารถล้มระบบขุนนาง ระบบกษัตริย์ และอำนาจศาสนา ได้ตามลำพัง ในปัจจุบันก็เช่นกัน ชนชั้นนายทุนใหญ่ไม่สามารถจัดการกับชนชั้นกรรมาชีพเอง ต้องมีการดึงนายทุนน้อยมาเป็นพวก ต้องมีการปลุกระดม จัดตั้ง และติดอาวุธให้แก่ชนชั้นนี้ แต่วิธีการนี้เต็มไปด้วยภัยสำหรับนายทุนใหญ่ เพราะถึงแม้ว่านายทุนใหญ่พร้อมจะใช้พวกฟาสซิสต์เขาก็เกรงกลัวและเหยี่ยดหยาม มันในเวลาเดียวกัน ... ... ชนชั้นนายทุนใหญ่ ‘ชอบ’ ฟาสซิสต์เหมือนคนปวดฟัน ‘ชอบ’ ให้หมอฟันถอนฟัน ... .และในที่สุดความฝันเรื่องยุคอดีตของนายทุนน้อยก็ถูกแปรไปเป็นตำรวจของทุน
เมื่อฟาสซิสต์ยึดอำนาจได้ มันไม่มีสภาพของการยึดอำนาจโดยชนชั้นนายทุนน้อยหลงเหลืออยู่เลย ตรงกันข้าม มันเป็นเผด็จการป่าเถื่อนที่สุดของทุนผูกขาด
ความฝันเรื่องยุคอดีตของนายทุนน้อยนำไปสู่การเป็นตำรวจของทุน
... ผู้ประกอบการรายย่อยที่ใกล้จะล้มละลาย... ลูกหลานของเขาที่จบมหาวิทยาลัยและไม่มีงานทำ... ยินดีรับฟังข้อเสนอของพวกสร้างวินัยด้วยกองกำลัง ... .ข้อเสนอของพวกนี้คืออะไร? ในประการแรกต้องบีบคอทุกคนที่อยู่ข้างใต้ ชนชั้นนายทุนน้อยที่ก้มหัวต่อนายทุนใหญ่หวังจะกู้ศักดิ์ศรีทางสังคมด้วยการ ปรามชนชั้นกรรมาชีพ... นิยายเก่าๆ ที่ลอยอยู่เหนือความจริงและไม่มีวันได้รับการกระทบกระเทือนจากวิกฤตเศรษฐกิจ คือแหล่งที่พึ่งของพวกนี้ การเริ่มต้นใหม่ที่กล้าหาญต้องอาศัยวิธีคิดที่ย้อนยุคย้อนสมัย นายทุนน้อยยากจนมอมเมาตนเองในนิยายเกี่ยวกับความเลิศของเชื้อชาติตนเอง ความเป็นปัจเจกเสรี สำนึกทางชนชั้น เสรีนิยมและลัทธิมาร์คซ์ล้วนแต่เป็นความชั่ว ความดีงามคือชาติ แต่เมื่อเข้าใกล้ทรัพย์สินส่วนตัวแนวคิดนี้ถูกกลับหัวกลับหางเพื่อห้ามไม่ ให้มีการมองว่าทรัพย์สินนายทุนต้องรวบมาเป็นของส่วนรวม
ฟาสซิสต์ไม่ใช่แค่รัฐเผด็จการ
ในยามที่อาวุธ ‘ปกติ’ ในรูปแบบตำรวจและทหารของเผด็จการชนชั้นนายทุน พร้อมกับฉากบังหน้าของระบบประชาธิปไตยรัฐสภา ไม่สามารถคุมสังคมให้อยู่ในสภาพสมดุลย์ได้ ยุคของการปกครองแบบฟาสซิสต์ก็มาถึง ระบบทุนนิยมใช้ระบบฟาสซิสต์เพื่อปลุกระดมความบ้าคลั่งของชนชั้นนายทุนน้อย และชนชั้นกรรมาชีพจรจัดที่เสียกำลังใจและจิตสำนึกในชนชั้นตนเอง มวลมนุษย์นับไม่ถ้วนทั้งหลายที่ถูกระบบการเงินของทุนนิยมกดดันจนหาทางออกไม่ ได้นั้นเอง และจากระบบฟาสซิสต์ชนชั้นนายทุนเรียกร้องผลงานสมบูรณ์ด้วยวิธีการของสงคราม กลางเมืองเพื่อสร้างสันติภาพทางชนชั้นเป็นปีๆ การปกครองแบบฟาสซิสต์ใช้ชนชั้นนายทุนน้อยเป็นท่อนไม้ใหญ่เพื่อพังทลาย ทุกอย่างที่เป็นอุปสรรค
หลังจากชัยชนะของฟาสซิสต์ ทุนการเงินจะรวบอำนาจทั้งหมดในกำมือเหล็ก จะควบคุมทุกสถาบัน ทุกองค์กร ทุกบทบาทของรัฐ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอำนาจอธิปไตย การบริหาร หรือระบบการศึกษา ทุกส่วนของรัฐและ กองทัพ เทศบาล มหาวิทยาลัย โรงเรียน สื่อมวลชน สหภาพแรงงานและแม้แต่สหกรณ์จะตกอยู่ภายใต้การควบคุม เมื่อรัฐหนึ่งแปรตัวเป็นรัฐฟาสซิสต์ ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงแค่รูปแบบของรัฐบาลเท่านั้น แต่ที่สำคัญที่สุดคือต้องมีการสลายองค์กรต่างๆ ของชนชั้นกรรมาชีพให้สิ้นซากไป ต้องมีเครือข่ายอำนาจรัฐที่ฝังรากลึกลงไปในทุกระดับของมวลชน เพื่อให้ชนชั้นกรรมาชีพแปรสภาพไปเป็นอะไรที่ไร้การจัดตั้งอิสระอย่างสิ้น เชิง นั้นคือประเด็นหลักของระบบฟาสซิสต์
ทำไมการต่อสู้กับฟาสซิสต์ต้องอาศัยการสร้างแนวร่วมของกรรมาชีพ?
ระบบฟาสซิสต์มีบทบาททางประวัติศาสตร์ในการเชิดชูชนชั้นย่อยๆ ที่อยู่เหนือชนชั้นกรรมาชีพ ซึ่งวันต่อวันได้แต่เกรงกลัวว่าตนเองจะถูกกดลดระดับลงไปเป็นกรรมาชีพ ระบบฟาสซิสต์อาศัยทุนสถาบันการเงินในการจัดตั้งทางทหารชนชั้นนายทุนย่อย เหล่านี้ ภายใต้ร่มของรัฐบาลทางการ เพื่อแปรรูปองค์กรต่างๆ ของกรรมาชีพจากองค์กรปฏิวัติก้าวหน้าไปเป็นองค์กรปฏิกิริยาล้าหลัง
การปกครองแบบฟสซิสต์ไม่ได้อาศัยแค่การใช้กำลังหรือระบบตำรวจในการปราบปราม
อย่างโหดร้ายเท่านั้น
มันเป็นระบบที่ต้องรื้อถอนระบบรัฐสภาประชาธิปไตยของทุนนิยมอย่างถอนรากถอน
โคน ภาระกิจสำคัญของระบบฟาสซิสต์ไม่ใช่แค่การทำลายกองหน้าคอมมิวนิสต์
แต่เป็นการทำให้ชนชั้นกรรมาชีพดำรงอยู่ในภาวะกระจัดกระจายถาวร
ดังนั้นการทำลายองค์กรปฏิวัติหรือกองหน้าของกรรมาชีพไม่เพียงพอ
ต้องมีการปราบปรามองค์กรอิสระทั้งหมดของกรรมาชีพไม่ว่าจะเป็นสหภาพแรงงาน
หรือพรรคสังคมนิยมปฏิรูป
เพราะในที่สุดเราต้องเข้าใจว่าพรรคคอมมิวนิสต์ยืนอยู่ได้ก็บนรากฐานการมี
องค์กรอิสระหลากหลายของกรรมาชีพเหล่านี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น