"ศาลเจ้า" ไม่ใช่ "ศาลราษฎร"
นิธิ เอียวศรีวงศ์ วิเคราะห์ความศักดิ์ศิทธิ์และบทบาทที่ไม่เกื้อหนุนระบอบประชาธิปไตยของศาลไทยว่า ก่อนสมัย ร.5 ศาลไม่เคยศักดิ์สิทธิ์เป็นที่นับถือของใครมาก่อน แต่ความศักดิ์สิทธิ์เพิ่งถูกสร้างขึ้นในภายหลัง และยังพยายามสร้างสืบมาจนถึงปัจจุบัน โดยกลุ่มคนที่เป็นตุลาการ ซึ่งเป็นคนกลุ่มใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้นหลังการปฏิรูปสู่ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ของ ร.5 ซึ่ง "ความศักดิ์สิทธิ์" ของฝ่ายตุลาการนี้ มันถูกผูกโยงไว้กับอำนาจของกษัตริย์เหมือนกับสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ มันจึงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่คลุมเครือในระบอบประชาธิปไตย อ่านบทความส่วนหนึ่งได้ดังนี้
"แต่ความศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตุลาการ เป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่ผูกไว้กับสถาบันพระมหากษัตริย์เหมือนกับสมัยสมบูรณาญาสิทธิราชย์ จึงเป็นความศักดิ์สิทธิ์ที่คลุมเครือในระบอบประชาธิปไตย เพราะพระมหากษัตริย์ที่เป็นฐานของความศักดิ์สิทธิ์นั้น คือพระมหากษัตริย์ในระบอบอื่น ไม่ใช่ระบอบประชาธิปไตย"
ศาลมักอ้างเสมอว่า พิจารณาพิพากษาคดี "ในพระปรมาภิไธย" ซึ่งแปลว่าอะไรไม่ชัดนักระหว่างผู้พิพากษาเป็นเพียง "ข้าหลวง" ที่โปรดให้มาทำหน้าที่แทน หรือพระปรมาภิไธยในฐานะที่เป็นตัวแทนของอำนาจอธิปไตยของปวงชน พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ "The People" ในศาลอเมริกัน หรือ "The Crown" ในศาลอังกฤษ เช่นเดียวกับพระบรมฉายาลักษณ์ที่ติดไว้ในห้องพิจารณาคดีของศาลทุกแห่ง หมายถึงองค์พระมหากษัตริย์หรือบุคลาธิษฐาน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น