ทำไมอดีตสหายทปท.ปกป้องศาลรธน.?
โดย เกษียร เตชะพีระ
ทำไมอดีตสหายทปท.ปกป้องศาลรธน.?: ๑) ขอบเขตเนื้อหาการศึกษาทางการเมืองที่เป็นจริงในป่าของนักรบทปท.
สหายเข้าป่าใหม่ทุกคน ไม่ว่ามาจากภูมิหลังชนชั้นใด นักศึกษาจากเมือง หรือชาวนาชนบทด้อยโอกาสการศึกษา จะเข้าเรียนโรงเรี ยนการ
เมืองการทหาร ซึ่งนอกจากฝึกเทคนิคการรบพื้นฐาน (วินัยและท่ารบพื้นฐาน ยิง
คลาน หมอบ การใช้อาวุธปืน ระเบิด ฯลฯ) แล้ว ก็คือเรียน "ปฏิวัติ ๗ บท"
ซึ่งก็คือข้อเสนอวิเคราะห์สังคมของพคท. และยุทธศาสตร์ ยุทธวิธีปฏิวัติ
เป็นความเข้าใจภาพรวมทางการเมืองกว้าง ๆ
สำหรับเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอาวุธอย่างมีเป้าหมาย
การศึกษาหลังจากนั้นมีลักษณะค่อนข้างเป็นวาระโอกาสครั้งคราว
และไม่ค่อยเป็นระบบ (แม้จะพยายาม) เพราะเงื่อนไขการทำงาน
การเคลื่อนไหวและการรบแบบจรยุทธ์ในเขตป่าเขา
เอกสารที่ศึกษาส่วนใหญ่เป็นเรื่องเข็มมุ่ง
ภาระหน้าที่และเทคนิควิธีการทำงานเฉพาะในเขตงานของตน ค่อนข้าง practical
& local & specific ไม่ใช่อะไรที่ conceptual, theoretical &
general
หนังสือที่มีให้อ่านก็เป็นพวกคติพจน์,
สรรนิพนธ์ประธานเหมาเจ๋อตง (ไม่มากเล่ม ไม่มากคนที่อ่าน),
และเรื่องเล่าเรื่องดีคนดีของนักปฏิวัติจีน เช่น หนังสือชุด
"คนใหม่แห่งลัทธิคอมมิวนิสต์ที่หล่อเลี้ยงด้วยความคิดเหมาเจ๋อตง",
หลิวหูหลาน เป็นต้น
มีวารสารประจำถิ่นเล่าข่าวคราวสถานการณ์บ้านเมืองตามแนวทางของพรรคที่ออก
อากาศทางสปท.เป็นหลัก และเรื่องสั้น บทกวี บ้าง,
บางแห่งอาจมีห้องสมุดหนังสือซ้ายจากในเมืองก่อน ๖ ตุลาฯ ๑๙
แต่ก็มีปัญหาด้านการกระจายให้ยืมที่ลำบากห่างไกล
หากสหายได้รับเข้าเป็นสมาชิก ย.
(สันนิบาตเยาวชนประชาธิปไตยประชาชนแห่งประเทศไทย
องค์กรเยาวชนแขนขวาของพรรค) หรือ ส. (พคท.)
ก็จะได้รับการศึกษาจากเอกสารภายในที่เข้มข้นขึ้น แต่จากประสบการณ์ของผม
เอกสารเหล่านี้มีเพดานไม่สูง เป็นคู่มืออบรมทำความเข้าใจลักษณะ แนวทาง
อุดมการณ์ของพรรคคอมมิวนิสต์จีนที่แปลเป็นไทย แล้วเอามาให้เราอ่าน
โดยอนุโลมว่าพรรคไทยก็คล้ายกัน
จนผมเคยตั้งข้อสังเกตเชิงวิจารณ์กับจัดตั้งผู้รับผิดชอบวงศึกษาว่าน่าจะเอา
เอกสารของพรรคไทยเราเองมาอ่านศึกษา แทนที่จะเอาของพรรคจีนมา
การพูดคุยกับสหายต่างเขตงานต่างภาคและการอ่านบันทึกจากในป่าจำนวนหนึ่งของผม
ได้ภาพประทับใจออกมาคล้ายกัน ไม่ต่างจากนี้
(แม้แต่ในสถานีวิทยุเสียงประชาชนแห่งประเทศไทยที่คุนหมิง ยูนนาน
เมื่อผู้ปฏิบัติงานเป็นคนอ่านข่าว/จัดรายการของสถานี เสนอขอศึกษาเรื่อง
"ทุน" ของมาร์กซ ทางจัดตั้งยังบอกว่ายากไป ไม่จำเป็นเลย)
ซึ่งแปลว่าเนื้อหาการศึกษาของทปท.เตรียมให้คุณเป็นทหารจรยุทธ์ในเขตงานเพื่อ
ทำงานมวลชนและทำการรบเฉพาะถิ่นด้วยความเข้าใจในเป้าหมายและลักษณะพื้นฐานของ
การปฏิวัติ
ไม่ได้เตรียมให้คุณเป็นนักวิเคราะห์เข้าใจสถานการณ์และสภาพการณ์ทางสังคม
เศรษฐกิจการเมืองที่สลับซับซ้อนและเคลื่อนไหวพลวัตไม่หยุดนิ่งแต่อย่างใด
ทำไมอดีตสหายทปท.ปกป้องศาลรธน.?: ๒) การจำกัดข่าวสารที่ได้รับในป่าทั้งโดยภาววิสัยและวินัยกองทัพของนักรบทปท.
สหายทปท.ระดับผู้บังคับหน่วยงานมวลชนแนวหน้าคนหนึ่งซึ่งเป็นอดีตนิสิตจุฬาฯหนีเข้าป่าตอน ๖ ตุลาฯ ๒๕๑๙ และเมื่อเจอกันโดยบังเอิญบนรถเมล์สาย ๕๓ ครั้งล่าสุดหลายปีก่อน เขาทำงานอยู่ในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาแห่งหนึ่งของกระทรวงศึกษาธิการ เคยเล่าให้ผมฟังครั้งพบกันในป่าว่า
มีครั้งหนึ่งเขาเคยไปรับข้าวของจากมวลชนมา เมื่อกลับถึงทับ เห็นกระดาษหนังสือพิมพ์รายวันที่มวลชนใช้ห่อข้าวของเหล่านั้น ก็เลยแกะเอาออกมานั่งอ่านอยู่ ปรากฏว่าหัวหน้าหน่วยซึ่งเป็นสหายชาวนาเดินผ่านมาพบเข้า ได้ใช้มือตะปบหนังสือพิมพ์หลุดไปจากมือเขา แล้วบอกว่าอ่านไม่ได้ ผิดวินัย ผู้อ่านข่าวสารจากภายนอกต้องได้รับมอบหมายจากจัดตั้งเท่านั้น
เขาถามผมด้วยความสะทกสะท้อนและขัดเคืองใจว่าถ้าหากแค่อ่านข่าว นสพ.ก็จะถูกฝ่ายรัฐบาลปฏิกิริยาครอบงำความคิดจิตใจและจุดยืนปฏิวัติเสื่อมแล้ว พวกเราซึ่งเป็นนักศึกษาอยู่ในเมือง อ่านนสพ.เหล่านี้มาทั้งชีวิต กลายเป็นนักปฏิวัติมาได้อย่างไร? และถ้าเราอ่านนสพ.แล้วยังมีความคิดจิตใจปฏิวัติได้ ทำไมจึงไม่ให้เราอ่านในป่า?
(เรื่องนี้รวมไปถึงการมีวิทยุติดตัว
ด้วย จะเปิดฟังได้เฉพาะสถานีปฏิวัติ เช่น สปท., วิทยุปักกิ่ง
นอกเหนือจากนี้ เช่น บีบีซี, วีโอเอพากย์ไทย, ข่าวสมหญิง ยิ่งยศ ฯลฯ
เฉพาะระดับหัวหน้าหน่วยหรือจัดตั้งเท่านั้นที่จะฟังได้ ผมเองได้ฟังเพราะทำงานหน่วยข่าว มีหน้าที่พิเศษในการมอนิเตอร์ข่าวในและต่างปท.ทั่วไป กระนั้นเวลาสหายสังเกตว่าผมไม่ฟังแต่ข่าว หากยังทะลึ่งฟังรายการสารคดี เรื่องสั้น ฯลฯ ของ BBC, VOA ในพากย์ภาษาอังกฤษด้วย ก็จะถูกตักเตือนห้ามปรามในวงวิจารณ์ อย่างน้อยก็ด้วยเหตุผลว่าเพื่อประหยัดถ่านไฟฉายซึ่งหามาได้ยากในป่า ฯลฯ)
ในสภาพระบอบควบคุมข่าวสารเช่นนี้ ย่อมไม่มีทางเข้าถึงข้อมูลวัตถุดิบ แหล่งคิดเปรียบเทียบเชิงวิเคราะห์วิจารณ์สถานการณ์ปัจจุบันสด ๆ ใหม่ ๆ ให้สหายทปท.ทั่วไปได้เสพรับขบคิดเลยระหว่างทำงานปฏิวัติสู้รบในเขตป่าเขา สิ่งพิมพ์ประเภทนสพ.นิตยสารข่าวต่าง ๆ จำกัดวงคนอ่านเฉพาะจัดตั้งฝ่ายนำ,
หน่วยข่าวที่ได้รับมอบหมาย เท่านั้น แม้แต่ผมเอง นาน ๆ ครั้งจึงจะได้อ่าน
เพราะได้มายากและเข้าถึงยาก (จำได้ว่าพี่ธเนศ
อาภรณ์สุวรรณซึ่งเข้าป่าทางใต้เล่าว่า เขาได้อ่าน Far Eastern Economic Review ก็เพราะอาศัยหยิบยืมจากสหายคอมมิวนิสต์มลายามา ขณะที่ทางพรรคไทยไม่มีให้)
ความคับแคบและระแวงระวังทางความคิดทฤษฎีข้อมูลของพคท.มีในระดับที่ว่า ครั้งหนึ่ง เมื่อผมฟังการอ่านช้าให้จดแถลงการณ์ครบรอบการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์มลายาจากสถานีวิทยุพากย์ภาษาอังกฤษ The Voice of the Malayan Revolution ของเขาได้ และถอดความเรียบเรียงเป็นภาษาไทยเพื่อเสนอเผยแพร่ผ่านทางนิตยสารธงชัยของทางภาคอีสานใต้ ในฐานะที่พคม.ก็เป็นพรรคพี่น้องของพคท.และเป็นเหมาอิสต์ด้วยกัน ปรากฏว่าทางจัดตั้งฝ่ายนำด้านทฤษฎีและโฆษณายังปฏิเสธไม่ให้ทำเลย
ดังนั้นภาพความเข้าใจว่านักรบทปท.เข้มข้นทางความคิดวิเคราะห์เชิงทฤษฎีข่าวสารข้อมูลแบบมาร์กซิสต์-เหมาอิสต์ ไม่น่าจะพลิกเปลี่ยนความคิดอุดมการณ์ทางการเมืองได้ขนาดนี้นั้น อาจตั้งอยู่บนภาพอุดมคติที่เหนือจริงเกินไป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น