ลุงธง แจ่มศรี อดีตเลขาธิการ พคท.ประกาศชัดว่า พวก ทปท.รอ.หน้าศาล ฯ คือพวกลวงโลกทั้งสิ้น
ปฏิกิริยา
จากอดีตเลขาธิการพคท.ธง แจ่มศรี ซึ่งอายุ 90 กว่าปีแล้ว
ที่ออกเอกสารว่าเป็นการกระทำที่อัปยศของคนบางส่วน
ที่ร่วมมือกันให้ได้มีการแสดงนี้ออกมา แต่ไม่ใช่มติชาวพรรค และอดีต
ทปท.แต่ประการใด
ผมเคยมีโอกาสพบผู้เฒ่าท่านนี้ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว พร้อมกับมิตรสหายอีกหลายคน (โปรด ทราบว่า ผมไม่เคยเป็นสมาชิกสันนิบาตเยาวชน หรือ ย. ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หรือ ส. แต่ประการใด แค่ตามเพื่อน ๆ ที่เคยร่วมต่อสู้กันมาบ้างไปสนทนากับท่านด้วยเท่านั้น)
ครั้งนั้นได้รับรู้ว่าลุงธง แจ่มศรีนั้น ต่อต้านพวกเหลือง สลิ่ม รวมทั้ง อดีต พคท.ที่ไปร่วมกับพวกไอ้ลิ้มอย่างชัดเจน เพราะมีข่าวฝ่ายยุทธศาสตร์ของไอ้ลิ้มหลายคนที่เป็นอดีตฝ่ายนำในเขตงานบางเขต ของ พคท. เข้าไปร่วมงานกับแก๊งค์พันธมิตรอยู่ ลุงธงไม่พอใจมากกับการอ้างตัวว่าเคยเป็นนักรบประชาชนแบบ ทปท.แล้วไปรับใช้เผด็จการศักดินาอำมาตย์ รวมทั้งคนกลุ่มนั้นยังแอบไปหลอกลวงจัดตั้งอดีต ทปท.จำนวนหนึ่งให้กับศัตรูประชาชนอีกด้วย
แถลงการณ์จากลุงธงกระจายไปยังอดีตชาวพรรค ฯ เรียกร้องให้วิเคราะห์สถานการณ์และแยกมิตรแยกศัตรูให้ชัดเจน หนึ่งในความเห็นของลุงธงก็คือ รัฐบาลทักษิณ แม้จะไม่ใช่ฝ่ายกรรมาชีพ แต่ก็มีลักษณะเป็นฝ่ายก้าวหน้า ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยมเผด็จการโบราณ ขอบอกว่า ความเห็นของลุงธงนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่อดีตชาวพรรค ฯ ที่เคยเป็น ย.และ ส.จำนวนมาก มองออกมาก่อนแล้ว แต่ก็สร้างความยินดีให้พวกเขาอย่างมาก เนื่องจากหลายคนกำลัง "เง็ง" กับพฤติกรรมของพวกที่ไปร่วมกับฝ่ายนั้นว่า ตกลงอุดมการณ์เพื่อพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ของเขามันไปอยู่ที่ไหน
คนพวกนั้นอ้างอุดมการณ์มาหลอกลวงสหายเก่าว่า การเข้าร่วมกับฝ่ายล้าหลังของพวกเขานั้น เพียงเพื่อใช้เป็นแนวทางนำไปสู่สังคมอุดมคติเท่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับกลุ่มล้าหลังแต่ประการใด บางคนถึงขนาดบอกว่า เมื่อพวกเขาที่แทรกซึมอยู่ในพันธมิตรทำการยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาที่จะจัดการกับพวกที่เขาร่วมมือด้วยเพื่อบรรลุเป้าหมาย และยืนยันจะเอาสังคมอุดมคติมาสู่ประเทศชาติให้ได้
แต่ความจริงก็ปิดไม่อยู่ เพราะกลุ่มคนพวกนี้วันนี้ร่ำรวยรับทรัพย์และอำนาจกันเป็นแถว ๆ บางคนเคยเป็น สนช. ที่ปรึกษารัฐมนตรี ฯลฯ แต่ก็ยังคงลวงโลกและเพื่อนมิตรร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายแบบหน้าตาเฉย อ้างว่ายังคงมั่นคงในอุดมการณ์ และต่้อสู้เพื่อสังคมเป็นธรรม แต่ไม่มีใครเชื่อหรือคบหาสมาคมกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว นอกจากแก๊งค์เดียวกันเท่านั้น
อย่าแปลกใจที่พรรคการเมืองใหม่ เน้นเรื่องเลือกตั้ง 30% และสรรหา 70% นี่เป็นแนวที่มาจากอิทธิพลทางความคิดของพวกนั้น อ้างว่าการเลือกตั้งแบบปัจจุบันนั้น ฝ่ายอื่นไม่มีทางเข้าสภาได้เลย ซึ่งก็จริง เพราะพรรคการเมืองใหม่นั้นบางตัวได้คะแนนไม่ถึง 10 เสียงก็มี (คือได้เฉพาะจากญาติพี่น้องของพวกตัวเองเท่านั้น)
วุฒิสมาชิกสรรหาในวุฒิสภาตามรัดทำมะนวยหัวคูนฉบับนี้ เป็นแบบจำลองความพยายามของพวกเขาที่พอจะได้ผลบ้าง
ลุงธงต่อ ต้านมาตั้งแต่ครั้งนั้น ดังนั้น การออกมาแถลงของลุงธงครั้งนี้จึงตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า พคท.รอ. ที่อยู่หน้าศาลรัฐธรรมนูญกลุ่มนี้ ไม่ใช่ ทปท.ที่แท้จริงแต่ประการใด มีเพียงสองสามคน ที่เป็นอดีตสหายนำตามเขตงาน ที่ไปรับเงินมา แล้วหาเด็ก ๆ รับจ้างมาแต่งตัว ทปท.เท่านั้น เห็นไหมว่าบางคนอายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ มันจะเคยเป็น ทปท.เข้าไปได้ยังไง เรื่องมันจบมากว่าสามสิบปีแล้ว
ผมเคยมีโอกาสพบผู้เฒ่าท่านนี้ครั้งหนึ่งเมื่อหลายปีมาแล้ว พร้อมกับมิตรสหายอีกหลายคน (โปรด ทราบว่า ผมไม่เคยเป็นสมาชิกสันนิบาตเยาวชน หรือ ย. ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค หรือ ส. แต่ประการใด แค่ตามเพื่อน ๆ ที่เคยร่วมต่อสู้กันมาบ้างไปสนทนากับท่านด้วยเท่านั้น)
ครั้งนั้นได้รับรู้ว่าลุงธง แจ่มศรีนั้น ต่อต้านพวกเหลือง สลิ่ม รวมทั้ง อดีต พคท.ที่ไปร่วมกับพวกไอ้ลิ้มอย่างชัดเจน เพราะมีข่าวฝ่ายยุทธศาสตร์ของไอ้ลิ้มหลายคนที่เป็นอดีตฝ่ายนำในเขตงานบางเขต ของ พคท. เข้าไปร่วมงานกับแก๊งค์พันธมิตรอยู่ ลุงธงไม่พอใจมากกับการอ้างตัวว่าเคยเป็นนักรบประชาชนแบบ ทปท.แล้วไปรับใช้เผด็จการศักดินาอำมาตย์ รวมทั้งคนกลุ่มนั้นยังแอบไปหลอกลวงจัดตั้งอดีต ทปท.จำนวนหนึ่งให้กับศัตรูประชาชนอีกด้วย
แถลงการณ์จากลุงธงกระจายไปยังอดีตชาวพรรค ฯ เรียกร้องให้วิเคราะห์สถานการณ์และแยกมิตรแยกศัตรูให้ชัดเจน หนึ่งในความเห็นของลุงธงก็คือ รัฐบาลทักษิณ แม้จะไม่ใช่ฝ่ายกรรมาชีพ แต่ก็มีลักษณะเป็นฝ่ายก้าวหน้า ไม่ใช่พวกอนุรักษ์นิยมเผด็จการโบราณ ขอบอกว่า ความเห็นของลุงธงนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่อดีตชาวพรรค ฯ ที่เคยเป็น ย.และ ส.จำนวนมาก มองออกมาก่อนแล้ว แต่ก็สร้างความยินดีให้พวกเขาอย่างมาก เนื่องจากหลายคนกำลัง "เง็ง" กับพฤติกรรมของพวกที่ไปร่วมกับฝ่ายนั้นว่า ตกลงอุดมการณ์เพื่อพี่น้องประชาชนผู้ยากไร้ของเขามันไปอยู่ที่ไหน
คนพวกนั้นอ้างอุดมการณ์มาหลอกลวงสหายเก่าว่า การเข้าร่วมกับฝ่ายล้าหลังของพวกเขานั้น เพียงเพื่อใช้เป็นแนวทางนำไปสู่สังคมอุดมคติเท่านั้น พวกเขาไม่ได้เห็นด้วยกับกลุ่มล้าหลังแต่ประการใด บางคนถึงขนาดบอกว่า เมื่อพวกเขาที่แทรกซึมอยู่ในพันธมิตรทำการยึดอำนาจรัฐได้สำเร็จ ก็ถึงเวลาที่จะจัดการกับพวกที่เขาร่วมมือด้วยเพื่อบรรลุเป้าหมาย และยืนยันจะเอาสังคมอุดมคติมาสู่ประเทศชาติให้ได้
แต่ความจริงก็ปิดไม่อยู่ เพราะกลุ่มคนพวกนี้วันนี้ร่ำรวยรับทรัพย์และอำนาจกันเป็นแถว ๆ บางคนเคยเป็น สนช. ที่ปรึกษารัฐมนตรี ฯลฯ แต่ก็ยังคงลวงโลกและเพื่อนมิตรร่วมรบร่วมเป็นร่วมตายแบบหน้าตาเฉย อ้างว่ายังคงมั่นคงในอุดมการณ์ และต่้อสู้เพื่อสังคมเป็นธรรม แต่ไม่มีใครเชื่อหรือคบหาสมาคมกับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว นอกจากแก๊งค์เดียวกันเท่านั้น
อย่าแปลกใจที่พรรคการเมืองใหม่ เน้นเรื่องเลือกตั้ง 30% และสรรหา 70% นี่เป็นแนวที่มาจากอิทธิพลทางความคิดของพวกนั้น อ้างว่าการเลือกตั้งแบบปัจจุบันนั้น ฝ่ายอื่นไม่มีทางเข้าสภาได้เลย ซึ่งก็จริง เพราะพรรคการเมืองใหม่นั้นบางตัวได้คะแนนไม่ถึง 10 เสียงก็มี (คือได้เฉพาะจากญาติพี่น้องของพวกตัวเองเท่านั้น)
วุฒิสมาชิกสรรหาในวุฒิสภาตามรัดทำมะนวยหัวคูนฉบับนี้ เป็นแบบจำลองความพยายามของพวกเขาที่พอจะได้ผลบ้าง
ลุงธงต่อ ต้านมาตั้งแต่ครั้งนั้น ดังนั้น การออกมาแถลงของลุงธงครั้งนี้จึงตอกย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า พคท.รอ. ที่อยู่หน้าศาลรัฐธรรมนูญกลุ่มนี้ ไม่ใช่ ทปท.ที่แท้จริงแต่ประการใด มีเพียงสองสามคน ที่เป็นอดีตสหายนำตามเขตงาน ที่ไปรับเงินมา แล้วหาเด็ก ๆ รับจ้างมาแต่งตัว ทปท.เท่านั้น เห็นไหมว่าบางคนอายุยังไม่ถึงสามสิบด้วยซ้ำ มันจะเคยเป็น ทปท.เข้าไปได้ยังไง เรื่องมันจบมากว่าสามสิบปีแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น