"วอลสตรีท"ตั้งท่าขยับ ระวังผลกระทบยูโรล่ม
เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม
หนังสือพิมพ์ไฟแนนเชียลไทม์สของอังกฤษรายงานว่า
บรรดาสถาบันการเงินการธนาคารต่างๆ ในย่านวอลสตรีทของนิวยอร์ก
ได้เพิ่มความระมัดระวังในการลงทุนซื้อขายตราสารหนี้ต่างๆ
ที่เชื่อมโยงไปถึงกลุ่มประเทศสมาชิกยูโรโซน ที่กำลังประสบกับปัญหาวิกฤต
ถึงขั้นร้องขอคู่สัญญาให้มีการปรับปรุงสัญญากันใหม่
ไม่เช่นนั้นก็ให้เปลี่ยนไปใช้บริการของธนาคารอื่นแทน ในจำนวนนี้
รวมถึงการเพิ่มค่าธรรมเนียมป้องกันความเสี่ยงของตราสารหนี้
และปฏิเสธที่จะรับชำระคืนเงินสกุลอื่นนอกเหนือจากเงินยูโร
หากประเทศนั้นประสบกับปัญหาการเงินจนต้องออกจากการเป็นสมาชิกการเงินกลุ่มยู
โร
แหล่งข่าวผู้บริหารอาวุโสรายหนึ่งเปิดเผยว่า ธนาคารได้เรียกร้องให้คู่สัญญา ที่จะใช้กฎหมายตราสารหนี้ของอังกฤษ ซึ่งกำหนดให้คู่สัญญาต้องชำระเงินคืนในรูปของเงินสกุลยูโร ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ ที่จะมีมูลค่าลดลง หรือไม่ก็ต้องตกลงด้วยว่า เงินสกุลที่จะชำระ ต้องเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของคู่สัญญา ขณะเดียวกัน หลักทรัพย์ของบรรษัทเอกชนในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ประสบกับภาวะวิกฤตหนี้นั้น ยังคงบังคับให้ชำระหนี้เป็นเงินสกุลยูโรได้ ตราบเท่าที่ยังมีเงินยูโรใช้กันอยู่ ไม่เหมือนตราสารหนี้ของรัฐบาลที่เลิกใช้เงินยูโร ซึ่งสัญญานี้คงไม่อาจบังคับใช้ไปโดยอัตโนมัติ
ไฟแนนเชียลไทม์สรายงาน ว่า กองทุนเก็งกำไรการเงินหลายแห่งถึงกับหยุดทำตราสารหนี้กับคู่สัญญาที่เป็น พลเมืองของกรีซและรัฐบาลกรีซ ขณะที่สถาบันการเงินการธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างมอร์แกนสแตนเลย์ ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา ซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกนเชส และโกลด์แมนแซคส์ ที่ถือสัญญาการเงินไว้กับสเปน กรีซ อิตาลี ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ตั้งแต่ 5,400 ถึงกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ยังคงเชื่อมั่นว่า ตนจะยังคงบริหารและจัดการกับเงินทุนกองนี้ได้
แหล่งข่าวผู้บริหารอาวุโสรายหนึ่งเปิดเผยว่า ธนาคารได้เรียกร้องให้คู่สัญญา ที่จะใช้กฎหมายตราสารหนี้ของอังกฤษ ซึ่งกำหนดให้คู่สัญญาต้องชำระเงินคืนในรูปของเงินสกุลยูโร ไม่ใช่เงินสกุลใหม่ ที่จะมีมูลค่าลดลง หรือไม่ก็ต้องตกลงด้วยว่า เงินสกุลที่จะชำระ ต้องเป็นไปด้วยความยินยอมพร้อมใจของคู่สัญญา ขณะเดียวกัน หลักทรัพย์ของบรรษัทเอกชนในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่ประสบกับภาวะวิกฤตหนี้นั้น ยังคงบังคับให้ชำระหนี้เป็นเงินสกุลยูโรได้ ตราบเท่าที่ยังมีเงินยูโรใช้กันอยู่ ไม่เหมือนตราสารหนี้ของรัฐบาลที่เลิกใช้เงินยูโร ซึ่งสัญญานี้คงไม่อาจบังคับใช้ไปโดยอัตโนมัติ
ไฟแนนเชียลไทม์สรายงาน ว่า กองทุนเก็งกำไรการเงินหลายแห่งถึงกับหยุดทำตราสารหนี้กับคู่สัญญาที่เป็น พลเมืองของกรีซและรัฐบาลกรีซ ขณะที่สถาบันการเงินการธนาคารยักษ์ใหญ่อย่างมอร์แกนสแตนเลย์ ธนาคารแบงก์ออฟอเมริกา ซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกนเชส และโกลด์แมนแซคส์ ที่ถือสัญญาการเงินไว้กับสเปน กรีซ อิตาลี ไอร์แลนด์ และโปรตุเกส ตั้งแต่ 5,400 ถึงกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ยังคงเชื่อมั่นว่า ตนจะยังคงบริหารและจัดการกับเงินทุนกองนี้ได้
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1344318020&grpid=&catid=06&subcatid=0600
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น