HAPPY BIRTHDAY ASEAN: 8 สิงหาคม
โดย อ.ปวิน ชัชวาลพงศ์พันธ์
มหาวิทยาลัยเกียวโต
มหาวิทยาลัยเกียวโต
พรุ่งนี้ วันที่ 8 สิงหาคม เป็นวันเกิดอาเซียน อาเซียนก่อตั้งขึ้นในปี
2510 (1967) ในช่วงสงครามเย็น โดยมีจุดมุ่งหมายหลักๆ
เพื่อต่อต้านการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ในภูมิภาคนี้
หลังจากสงครามเย็นสิ้นสุดลง
อาเซียนก็หันมาพัฒนาความเข้มแข็งทางองค์กรมากขึ้น
และเริ่มกระบวนการการรวมตัวทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน
ได้เริ่มสร้างปฏิสัมพันธ์กับประเทศนอกภูมิภาคอย่างจริงจัง
และหากมองย้อนหลังในช่วงที่ผ่านมา
อาเซียนได้มีความพยายามอย่างเต็มที่ในการฉายภาพลักษณ์ของการเป็นองค์การแห่ง
ภูมิภาคที่มีความแน่วแน่ที่จะทำให้การรวมตัวของประเทศสมาชิกทั้ง 10
ประเทศนั้น ประสบความสำเร็จด้วยดี
ไม่ว่าจะเริ่มจากการประกาศใช้รัฐธรรมนูญอาเซียน (ASEAN Charter) ในปี 2550
และการกำหนดการสร้างชุมชนอาเซียนทางการเมือง เศรษฐกิจ
และสังคม-วัฒนธรรมในปี 2558 (2015) ที่จะถึงนี้
อย่างไรก็ตาม พัฒนาการของอาเซียนไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด
อาเซียนยังประสบปัญหาอีกมาก
โดยเฉพาะในเรื่องของการสร้างฉันทามติในกลุ่มสมาชิก
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดคือในระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนที่
กรุงพนมเปญเมื่อเดือนที่แล้ว อาเซียนไม่สามารถออกแถลงการณ์การประชุมได้
เนื่องจากความไม่สามารถในการแก้ไขปัญหาในทะเลจีนใต้ที่ประเทศสมาชิกอาเซียน 4
ประเทศ ได้แก่ เวียดนาม มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน
อ้างกรรมสิทธิ์เหนือหมู่เกาะร่วมกับจีน
สิ่งท้าทายประการหนึ่งจึงอยู่ที่ความสามารถของอาเซียนในการกำหนดท่าทีและ
นโยบายที่มีต่อจีนร่วมกัน แต่ดังที่ปรากฏ
แต่ละประเทศก็มีนโยบายและมุมมองที่มีต่อจีนต่างกันไป
การมีจุดยืนที่ต่างกันนี้เป็นโอกาสเหมาะที่จีนจะเข้ามาสร้างความอ่อนแอให้
กับภูมิภาค
หากมองถึงความสัมพันธ์ระหว่างจีนและอาเซียนในวันนี้ มีอยู่มุมมอง 2
มุมมองครับ ทางหนึ่งเป็นมิตรและอีกทางหนึ่งเป็นภัย อย่างไรก็ตาม
ด้วยเหตุผลทางด้านภูมิรัฐศาสตร์
อาเซียนจำเป็นต้องร่วมมือกับจีนอย่างใกล้ชิด และในความเป็นจริง
อาเซียนและจีนก็มีความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจอย่างแน่นแฟ้น ตัวอย่างเช่น
เมื่อรวมเอาประชากรอาเซียนและจีนจะมีมากถึง 1.9 พันล้านคน
และเมื่อรวมมวลรวมทางด้านเศรษฐกิจไว้ด้วยกันก็มีมูลค่ามากถึง 3
ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ทางด้านการทหารนั้น ความสัมพันธ์ก็เป็นไปด้วยดี
มีการแลกเปลี่ยนการเยือนในระดับสูงมีการฝึกซ้อมรบร่วมกัน
มีการสั่งซื้อแลกเปลี่ยนอาวุธยุทโธปกรณ์ระหว่างกัน
และต่างเข้าร่วมกรอบความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง
ปัจจุบัน จีนมีกรอบการหารือทางทหารกับประเทศทั้ง 6 ในอาเซียน ได้แก่
อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทยและเวียดนาม
รวมถึงมีกับอาเซียน (ในฐานะองค์การระหว่างประเทศ)
นอกจากนี้ จีนยังใช้ soft power กับประเทศในภูมิภาคนี้
ความช่วยเหลือของจีนเป็นสิ่งที่หลายๆ ประเทศต้องการ
เนื่องจากมักไม่มีข้อผูกมัดเป็นการแลกเปลี่ยน เช่น
ต้องมีการส่งเสริมประชาธิปไตยหรือการปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นการแลกเปลี่ยน
นี่เป็นสิ่งที่สะท้อนอุดมการณ์ของจีนเรื่องไม่ก้าวก่ายในกิจการภายในต่อกัน
แต่ขณะเดียวกัน ภาพลักษณ์ของการเป็นภัยของจีนก็ยังมีอยู่
ข้อพิพาทในทะเลจีนใต้เป็นเครื่องย้ำเตือนว่า
ความหวาดระแวงที่อาเซียนมีต่อจีนนั้นเป็นเรื่องที่อธิบายได้ ขณะเดียวกัน
ภัยที่มาจากจีนไม่ใช่เป็นแค่เรื่องการทหาร แต่ยังเป็นภัยที่มาจากด้านการค้า
จีนกลายมาเป็นคู่แข่งสำคัญของหลายๆ ประเทศในอาเซียน
แม้ไทยเองจะได้ลงนามในความตกลงจัดตั้งเขตการค้าเสรีกับจีนและการค้าทวิภาคี
มีการเติบโตที่ดี แต่ไทยเองก็ขาดดุลการค้าของจีนตลอดมา
ที่ผ่านมา
ประเทศในภูมิภาคนี้เลือกที่จะจัดการความสัมพันธ์ที่มีกับจีนโดยผ่านกรอบของ
อาเซียน
โดยต่างใช้อาเซียนเป็นกรอบในการตรวจสอบจีนและในการผลักดันให้เอเชียตะวันออก
เฉียงใต้เป็นผู้นำในการสร้างภูมิภาคนิยม ขณะเดียวกัน
ก็เพื่อลดอิทธิพลของจีน ดังนั้น
ประเทศส่วนใหญ่ของอาเซียนจึงส่งเสริมระบบภูมิภาคนิยมแบบเปิด (open
regionalism) และได้เชิญให้ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอินเดีย
เข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาภูมิภาคนิยมร่วมกับอาเซียน ขณะเดียวกัน
ประเทศนอกภูมิภาคเหล่านี้ก็สนใจที่จะเข้ามาร่วมกับอาเซียนเพื่อลดอิทธิพลของ
จีนเช่นเดียวกัน
อย่างไรก็ดี
การสร้างภูมิภาคนิยมแบบเปิดไม่ได้เป็นแนวทางลดอิทธิพลของจีนได้เสมอไป
อาเซียนยังไม่สามารถหาข้อสรุปเกี่ยวกับการกำหนดนโยบายต่อจีน—นโยบายที่
ประเทศสมาชิกจะเห็นพ้องร่วมกัน
มุมมองที่แตกต่างนี้เองที่ทำให้จีนมีแต้มต่อเหนืออาเซียน
จีนรู้จุดอ่อนของอาเซียนและพยายามใช้ประโยชน์จากจุดอ่อนนี้
ดังที่ปรากฏในกรณีที่จีนพยายามกระชับความสัมพันธ์กับประเทศอาเซียนใหม่—ลาว
กัมพูชา และพม่า อาทิ จีนเป็นผู้ให้ความชอบธรรมกับรัฐบาลทหารพม่ามาโดยตลอด
และจีนเองก็มีความสัมพันธ์ส่วนตัวที่แนบแน่นกับผู้นำลาวและกัมพูชา
และเทเงินเข้าไปร่วมลงทุนในโครงการใหญ่ๆ อาทิ
โครงการสร้างเขื่อนในลาวและนิคมอุตสาหกรรมในกัมพูชา
ตราบใดก็ตามที่อาเซียนไม่สามารถมีจุดยืนร่วมกันเกี่ยวกับการกำหนดความ
สัมพันธ์กับจีน ปัญหาที่คงอยู่ระหว่างกัน โดยเฉพาะในทะเลจีนใต้
คงได้รับการแก้ไขลำบาก
วันเกิดอาเซียนปีนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ผู้นำอาเซียนจะมาทบทวนยุทธศาสตร์ที่มีต่อจีนใหม่ครับ
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41928
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น