หน้าเว็บ

วันอังคารที่ 7 สิงหาคม พ.ศ. 2555

ว่าด้วยการหนีทหาร

ว่าด้วยการหนีทหาร

 

โดย อ.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

 

จากหลักฐานล่าสุด ของ พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็เป็นที่ยืนยันชัดเจนว่า นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ใช้เอกสารเท็จในการเกณฑ์ทหาร เมื่อตรวจสอบถือว่า ครบถ้วนทั้งเอกสาร และพยานบุคคลในเหตุการณ์ ก็ยังพบว่า การดำเนินการบรรจุเข้ารับราชการเป็นอาจารย์โรงเรียนนายร้อย จปร. และการขึ้นทะเบียนทหารกองประจำการ สด.3 ของ นายอภิสิทธิ์ นั้น ก็เป็นการใช้เอกสารเท็จเพื่อหลีกเลี่ยงการรับราชการทหาร และแม้ว่าคดีนี้จะหมดอายุความ เพราะนายอภิสิทธิ์ครบอายุ 20 ปี ไปตั้งแต่ พ.ศ.2527 และหลีกเลี่ยงการเกณฑ์ทหารตั้งแต่ พ.ศ.2530 แต่การดำเนินการทางราชการนั้น ไม่มีอายุความ จึงจะส่งผลให้นายอภิสิทธิ์จะต้องถูกดำเนินการถอดยศ ว่าที่ร้อยตรี และต้องถูกเรียกเอาเงินเดือนและเบี้ยหวัดคืน

อันที่จริงแล้ว ถ้าหากว่ากรณีหนีทหารเป็นข้อบกพร่องเพียงประการเดียวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ก็คงถือได้ว่า ไม่น่าจะเป็นปัญหามากนัก เพราะลูกหลานอภิสิทธิ์ชนคนร่ำรวยจำนวนมากในประเทศนี้ ส่วนมากก็มีวิธีการในการหนีเกณฑ์ทหารอยู่แล้ว จนทำให้การเกณฑ์ทหารในแต่ละปี ส่วนใหญ่ก็เหลือแต่ลูกหลานประชาชนคนยากจนเท่านั้น ที่จะต้องไปฝึกทหารและเป็นทหารประจำการ ยิ่งกว่านั้น ในปัจจุบันนี้ ระบบการเกณฑ์ทหารก็เป็นที่วิจารณ์อย่างมาก และหลายประเทศก็ยกเลิกการเกณฑ์ทหาร แล้วหันมาใช้ทหารอาสาสมัครและทหารอาชีพแทน ในประเทศไทยก็เคยมีการเสนอในลักษณะเดียวกัน แต่ยังไม่ได้เป็นที่พิจารณาของกองทัพไทยอย่างจริงจัง

ในสังคมก่อนสมัยใหม่นั้น ถือว่ายังไม่มีกองทัพประจำการและระบบทหารเกณฑ์ จนกระทั่งหลังจากการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ.1789 แล้ว จึงเกิดการเกณฑ์พลเมืองที่เป็นชายหนุ่มเข้าเป็นทหารในกองทัพ เพราะหลังการปฏิวัติ เกิดสงครามระหว่างฝรั่งเศสกับชาติยุโรปอื่นที่อยู่ภายใต้ระบอบกษัตริย์ จึงมีการนำเสนอในลักษณะที่ว่า ชายชาวฝรั่งเศสทุกคนมีหน้าที่จะต้องปกป้องปิตุภูมิฝรั่งเศส ใน ค.ศ.1798 เกิดกองทัพประจำการแห่งชาติฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่มีแสนยานุภาพทางบกอันเข้มแข็ง เพราะมีกองทัพประจำการมากถึง 2.6 ล้านคนในระยะต่อมา

(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/journal/2012/08/41941

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น