สมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์
ยิวสาย ไซออนนิสต์ คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด
พวกนี้ต่อต้านการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ
และมองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่
ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ
ดังนั้นเขาเสนอว่าวิธีการปกป้องชาวยิวคือต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตน
เองขึ้นมา
โดย กองบรรณาธิการ นสพ.เลี้ยวซ้าย
แต่เราไม่ควรลืมด้วยว่า การปฏิวัติล้มเผด็จการในตะวันออกกลาง โดยเฉพาะที่อียิปต์ ได้เปลี่ยนดุลอำนาจในพื้นที่ โดยลดอิทธิพลของจักรวรรดินิยมตะวันตกและอิสราเอ็ลลงไปบ้าง เพราะเผด็จการมูบารักที่ถูกมวลชนล้มในอียิปต์เคยเป็นแนวร่วมสำคัญของสหรัฐ และอิสราเอ็ลในอดีต
น้ำมันและเลือด ประวัติศาสตร์ปาเลสไตน์
น้ำมันในตะวันออกกลางเป็นสิ่งที่จักรวรรดินิยมต้องการควบคุมเป็นอย่างยิ่งใน ปลายศตวรรษที่ 20 และในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง อังกฤษทำข้อตกลงกับผู้ปกครองเมือง เมกกะ ชื่อ ชาริฟ ฮุเซน เพื่อยุให้กบฏต่ออาณาจักรเตอร์กี โดยที่อังกฤษสัญญาว่าเขาจะได้ครองพื้นที่อาหรับทั้งหมด รวมถึงปาเลสไตน์ด้วย แต่ในขณะเดียวกันอังกฤษสัญญากับพวก “ไซออนนิสต์” ว่าจะยกปาเลสไตน์ ให้คนยิวจากยุโรป เพราะอังกฤษอยากให้ ไซออนนิสต์ เป็นตัวป่วนและสร้างอุปสรรค์กับการปลดแอกตนเองของชาวอาหรับ ทั้งนี้เพราะอังกฤษกลัวว่าชาวอาหรับจะยึดคลองซุเอส ซึ่งเป็นเส้นทางคมนาคมที่สำคัญ และจะเอาน้ำมันในพื้นที่ของตนเองมาเป็นทรัพยากรของชาติ แทนที่จะให้บริษัทต่างชาติครอบครอง
การใช้นโยบายหน้าไหว้หลังหลอกของอังกฤษ ทำให้บริษัทน้ำมันอังกฤษยึดน้ำมันของอิรักและอิหร่านได้ แต่ในที่สุดสร้างปัญหาให้อังกฤษเอง เพราะการที่ชาวยิวลัทธิไซออนนิสต์เข้ามากวาดซื้อที่ดินในปาเลสไตน์ ทำให้เกษตรกรรายย่อยที่อาศัยอยู่เดิมถูกไล่ออกไป เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งในหมู่คนอาหรับปาเลสไตน์ นอกจากนี้ชาวยิวที่อพยพเข้ามาจากยุโรป เพื่อหนีการกดขี่เข่นฆ่าในสงครามโลก ถูกผู้นำทางการเมืองบังคับให้กดขี่เข่นฆ่าชาวปาเลสไตน์ เหมือนที่ตัวเองเคยถูกกระทำจากคนอื่น และเมื่ออังกฤษเริ่มจำกัดจำนวนคนยิวที่จะเข้ามาในปาเลสไตน์ อังกฤษก็โดนโจมตีจากทั้งคนอาหรับและคนยิว
รัฐบาลอังกฤษแก้ปัญหาสำหรับตนเอง โดยการถอนตัวออกจากปาเลสไตน์ และปล่อยให้กองกำลังไซออนนิสต์ยึดพื้นที่จำนวนมาก โดยเข่นฆ่าชาวบ้านปาเลสไตน์อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน มีการใช้กองโจรของพวก "ไซออนนิสต์" เพื่อสร้างภัยและความกลัวและขับไล่ชาวปาเลสไตน์ประมาณ 750,000 คนออกจากหมู่บ้านต่างๆ ของเขา เช่นในหมู่บ้าน Deir Yassin ในปี 1948 ชาวบ้านปาเลสไตน์ ทั้งชาย หญิงและเด็ก ถูกสังหารอย่างเลือดเย็นถึง 300 คน ในที่สุดมีการสถาปนา “รัฐอิสราเอ็ล” ขึ้น เพื่อดูแลผลประโยชน์ตะวันตก โดยที่มหาอำนาจต่างๆ รวมถึงรัสเซียสนับสนุน รัสเซียตอนนั้นสนับสนุนอิสราเอ็ล เพราะอยากมีส่วนในการควบคุมตะวันออกกลางด้วย การตั้งรัฐอิสราเอ็ลทำให้ชาวปาเลสไตนจำนวนมากกลายเป็นผู้หลี้ภัยที่ต้องจาก บ้านเกิดไป ส่วนในพื้นที่แหล่งน้ำมันของตะวันออกกลาง อังกฤษสนับสนุนกษัตริย์หุ่นเชิด เช่นใน อิรัก จอร์แดน และอียิปต์ ให้ดูแลผลประโยชน์ของอังกฤษ
สิ่งที่เราควรเข้าใจแต่แรกคือนี่ไม่ใช่การกระทำ ของ “คนยิว” ทุกคน เราควรรู้อีกว่าคนยิวส่วนใหญ่ในโลกไม่ได้อาศัยอยู่ในประเทศอิสราเอ็ล หรือสนับสนุนการกระทำของรัฐอิสราเอ็ลแต่อย่างใด ในยุคนี้ยิวส่วนใหญ่ในโลกไม่เห็นด้วยกับความโหดร้ายของอิสราเอ็ล
ในไม่ช้าอิสราเอ็ลกลายเป็น “สุนัขเฝ้าพื้นที่ตะวันออกกลาง” ให้ตะวันตก โดยเฉพาะสหรัฐ แต่สถานการณ์นี้ไม่ได้สร้างความสงบแต่อย่างใด หลังจากที่กองทัพกษัตริย์อาหรับพ่ายแพ้สงครามแรกกับอิสราเอ็ลเพราะไร้ ประสิทธิภาพ มีการกบฏของนายทหารหนุ่มชื่อ อับดุล นัสเซอร์ เพื่อยึดอำนาจและล้มกษัตริย์หุ่นเชิดในอียิปต์ หลังจากนั้น นัสเซอร์ ก็ประกาศว่าคลองซุเอส ซึ่งอยู่ในดินแดนอียิปต์จะต้องเป็นของรัฐอียิปต์ ไม่ใช่ของตะวันตก คำประกาศนี้ทำให้ อังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ล บุกอียิปต์ในเดือนพฤศจิกายน 1956
การบุกอียิปต์ของอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ลครั้งนี้ ถูกปฏิเสธโดยสหรัฐด้วยการขู่อังกฤษว่าจะงดเงินช่วยเหลือเศรษฐกิจอังกฤษ ซึ่งตอนนั้นอังกฤษยังอ่อนแออยู่หลังสงครามโลก ดังนั้นการผจญภัยของอังกฤษ ฝรั่งเศส และอิสราเอ็ล ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง และเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่ตะวันออกกลางแทนอังกฤษ
สหรัฐทำงานอย่างใกล้ชิดกับ อิสราเอ็ล โดยให้เงินช่วยเหลือทางทหารมหาศาล ในขณะเดียวกันสหรัฐกลายเป็นผู้อุปถัมภ์ผู้นำอาหรับ เช่น กษัตริย์ซาอุ กษัตริย์ชาร์ในอิหร่านที่ล้มรัฐบาลประชาธิปไตยในปี 1953 และนายทหารชื่อ สะดัม ฮุเซน ในอิรักที่ยึดอำนาจในปี 1962
สหรัฐประสบผลสำเร็จในการควบคุมน้ำมันตะวันออกกลางผ่านการสนับสนุนผู้นำเหล่า นี้ และผ่านการยุยงให้ประเทศต่างๆ ทะเลาะกัน เพื่อแบ่งแยกและปกครอง ซึ่งนำไปสู่สงครามระหว่างอาหรับกับอิสราเอ็ลในปี 1967 และ1973 สงครามกลางเมืองในเลบานอนในปี 1976 สงครามระหว่างอิรักกับอิหร่านปี 1980 สงครามระหว่างอิสราเอ็ลกับเลบานอนปี 1982 และ2006 การถล่มกาซาโดยอิสราเอ็ลปี 2008 และสงครามของสหรัฐกับอังกฤษในอิรักปี 1991 และ2003 และตลอดเวลาที่สงครามเหล่านี้เกิดขึ้น ชาวปาเลสไตน์ไม่เคยได้รับการยอมรับช่วยเหลือเลย
"ไซออนนิสต์" (Zionist) แนวคลั่งชาติปฏิกิริยาสุดขั้ว
ก่อนสงครามโลกครั้งที่สองและการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวโดยพวกนาซีในเยอรมัน ซึ่งทำให้ชาวยิวกว่า 6 ล้านคนถูกเข่นฆ่าอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน แนวคิดคลั่งเชื้อชาติแบบ ไซออนนิสต์ ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในแวดวงชาวยิวนัก กระแสหลักในหมู่คนยิวยุโรปคือแนวสังคมนิยมและแนวมาร์คซิสต์ เพราะทั้ง มาร์คซ์ ตรอทสกี และโรซา ลัคแซมเบอร์ค ล้วนแต่เป็นยิว และพรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของยิวก็แพร่หลายไปทั่ว สายมาร์คซิสต์มองว่าชาวยิวถูกรังแกในยุโรปในลักษณะแพะรับบาปของชนชั้นนายทุน ที่ต้องการเบี่ยงเบนการต่อสู้ทางชนชั้น เหมือนกับที่รัฐบาลไทยสร้างพี่น้องคนพม่าขึ้นมาเป็นแพะรับบาปในไทย ดังนั้นทางออกในการปกป้องยิวและทางออกเพื่อปลดแอกผู้ถูกกดขี่ขูดรีดทั้งหลาย เป็นทางออกเดียวกัน คือกรรมาชีพทุกเชื้อชาติต้องสามัคคีต่อสู้กับนายทุนทุกเชื้อชาติ
ยิวสาย ไซออนนิสต์ คือพวกฝ่ายขวาชาตินิยมจัด พวกนี้ต่อต้านการต่อสู้ทางชนชั้นของกรรมาชีพ และมองว่ายิวอยู่กับคนอื่นอย่างสันติไม่ได้เพราะเขาเชื่อว่าเชื้อชาติที่ ต่างกันย่อมฆ่ากันหรือขัดแย้งกันเสมอ ดังนั้นเขาเสนอว่าวิธีการปกป้องชาวยิวคือต้องสร้างชาติ “บริสุทธิ์” ของตนเองขึ้นมา จริงๆ แล้วแนวคิดนี้ใกล้เคียงกับแนวคิดของพวกฟาสซิสต์หรือนาซีที่แสวงหาเชื้อชาติ “บริสุทธิ์” โดยการฆ่าคนยิวในยุโรป บางคนอาจแปลกใจเมื่อค้นพบว่านักการเมืองต่างๆ ในพรรครัฐบาลปัจจุบันของอิสราเอ็ลสืบทอดความคิดจากกลุ่มฟาสซิสต์ ทั้งๆ ที่ฟาสซิสต์ในยุโรป เกลียดชังและฆ่ายิว แต่จริงๆ แล้วนี่คือลักษณะสองด้านของเหรียญเดียวกันของพวกฝ่ายขวา
สิ่งที่น่าเสียดายอย่างยิ่งคือความพ่ายแพ้ของฝ่ายซ้ายและกรรมาชีพในเยอรมัน นำไปสู่ชัยชนะของนาซีในยุค ฮิตเลอร์ และการสังหารชาวยิวถึง 6 ล้านคน เหตุการณ์นี้มีผลในการหนุนกระแสฝ่ายขวา "ไซออนนิสต์" แทนแนวมาร์คซิสต์ จนมีการก่อตั้งประเทศอิสราเอ็ลหลังสงครามโลก ปัญหาสำคัญคือ รัฐอิสราเอ็ลถูกสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่มีคนอื่นอาศัยอยู่ คือพื้นที่ที่ชาวปาเลสไตน์และชาวยิวอาศัยร่วมกัน ดังนั้นรัฐเชื้อชาติเดียวที่ถูกสร้างขึ้นต้องอาศัยการขับไล่ชาวปาเลสไตน์ออก จากบ้านเกิด
พวก "ไซออนนิสต์" อ้างความชอบธรรมเสมอจากการที่คนยิว 6 ล้านคนถูกฆ่าตายโดยฮิตเลอร์ในสมัยสงครามโลก แต่สิ่งที่เขากระทำกับชาวปาเลสไตน์ ถึงแม้ว่าจะไม่ตายถึง 6 ล้าน ก็โหดพอๆ กัน เช่นในปี 1982 กองทัพอิสราเอ็ล ภายใต้การนำของ อาริอัล ชารอน ซึ่งเป็นผู้นำอิสราเอ็ลปัจจุบัน ได้เข้าไปล้อมค่ายผู้หลี้ภัยปาเสไตน์สองแห่งในประเทศเลบานอนที่ชื่อ Sabra และ Shatilla หลังจากนั้นมีการเปิดทางให้กองกำลังฟาซิสต์เลบานอนเข้าไปสังหารชาย หญิง และเด็กเล็กประมาณ 2000 คนในค่าย เราจะเห็นได้ว่าพวก ไซออนนิสต์เลวพอๆ กับพวกนาซี
และที่น่าเศร้าที่สุดคือนโยบายเหยียดเชื้อชาติและนโยบายการใช้ความรุนแรงกับ ชาวปาเลสไตน์ที่ใช้มาในรอบหกสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไม่ได้ปกป้องคนยิวธรรมดาๆ ในอิสราเอ็ลจากความรุนแรงแต่อย่างใด ตรงกันข้าม มันบังคับให้กรรมาชีพยิวในอิสราเอ็ลมีชีวิตอยู่ในสภาพสงครามและความเสี่ยง ตายตลอดกาล จนนับว่าอิสราเอ็ลเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดในโลกสำหรับคนยิว ซึ่งทั้งหมดนี้ทำเพื่อประโยชน์จักรวรรดินิยม
เราควรสมานฉันท์กับชาวปาเลสไตน์
การต่อสู้อันยาวนานของชาวปาเลสไตน์เป็นการต่อสู้ที่ควรให้กำลังใจกับผู้ถูก กดขี่ทุกคนทั่วโลก เพราะเป็นการต่อสู้ที่ไม่เคยยอมแพ้ทั้งๆ ที่เผชิญหน้ากับกำลังอาวุธของอิสราเอ็ลที่เหนือกว่าเสมอ และอิสราเอ็ลได้รับการหนุนหลังโดยจักรวรรดินิยมอเมริกา เราทุกคนควรจะสนับสนุนชาวปาเลสไตน์อย่างเต็มที่ เพราะในรอบ 60 กว่าปีที่ผ่านมาอำนาจจักรวรรดินิยมตะวันตก ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ อังกฤษ หรือฝรั่งเศส ได้อาศัยสมุนรับใช้ในตะวันออกกลางในรูปแบบประเทศอิสราเอ็ล เพื่อสร้างความปั่นป่วนในหมู่ชาวอาหรับ จักรวรรดินิยมจะได้ควบคุมแหล่งน้ำมันที่สำคัญที่สุดในโลกเพื่อประโยชน์ของ กลุ่มทุนใหญ่
ในประเทศไทยเราควรทำอะไรบ้าง? เราควรต่อสู้กับจักรวรรดินิยมที่มาในบ้านเรา ต่อต้านรัฐบาลไทยที่สนับสนุนจักรวรรดินิยมนี้ด้วยการฝึกทหารร่วมกับสหรัฐ และเราควรจะทำความเข้าใจและให้ข้อมูลกับกรรมาชีพและคนจนที่คิดจะไปหางานทำใน อิสราเอ็ล เพราะผืนแผ่นดินอิสราเอ็ลเปื้อนเลือดของพี่น้องชาวปาเลสไตน์มานานพอแล้ว
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2012/11/blog-post_19.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น