บันทึกวันพิพากษา ม.112 สมยศ พฤกษาเกษมสุข
โดย ประวิตร โรจนพฤกษ์
@PravitR
@PravitR
1
โซ่ตรวน: สมยศบอกผมว่าแกได้ขอให้ทางผู้คุมลดขนาด โซ่ตรวนที่จองจำข้อเท้าทั้งสอง แต่ก็ถูกปฎิเสธ – อย่างไรก็ตาม สมยศบอกว่าขนาดโซ่ตรวนที่ติดข้อเท้าทั้งสองของแก ก็หาใช่ขนาดที่หนาและหนักที่สุดที่นักโทษไทยโดนไม่
ผมมองโซ่ตรวนด้วยตาและยกมันชั่งดูกับมือ เส้นผ่าศูนย์กลางของเหล็กน่าจะประมาณครึ่งนิ้วถึงสองในสามนิ้ว ส่วนน้ำหนักนั้นก็หลายกิโลอยู่
ปณิธาน พฤกษาเกษมสุข ลูกชายสมยศ ซึ่งนั่งอยู่ที่นั่งแถวหน้าระหว่างรอผู้พิพากษาปรากฎ ก็ได้บอกผมว่าการล่ามโซ่ก่อนตัดสินนั้นขัดรัฐธรรมนูญไทยมาตรา 39 วรรค 3 ที่เขียนว่า ก่อนมีคำพิพากษาถึงที่สุด ผู้ที่ยังไม่ถูกตัดสินจะถูกปฎิบัติเป็นเสมือนผู้กระทำผิดมิได้
สุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยาสมยศได้ยินเช่นนั้นก็พูดเสริมว่าทางกรมราชทัณฑ์อ้างว่ามีเจ้าหน้าที่ ไม่พอ จึงต้องล่ามโซ่เพื่อป้องกันผู้ต้องหาหลบหนีเวลาขึ้นศาล
หลังจากนั้นสักพัก คุณสมยศได้โชว์แผลเป็นบนข้อเท้าซ้าย 2 แผลสีดำเป็นวงใหญ่เห็นชัด อันเกิดจากอาการติดเชื้อและเน่าของผิวหนังบริเวณนั้นเป็น พร้อมบอกว่าอยู่ในคุก ถ้าไม่มียาฆ่าเชื้อย่อมลำบาก แต่ดีที่ภายหลังมีภรรยาคอยส่งยาให้
สมาคมนักข่าว: คุณสุกัญญาบอกผมว่า แม้สมยศจะถูกจองจำในฐานะบรรณาธิการนิตยสาร Voice of Taksin มากว่า 21 เดือนก่อนพิพากษา แต่สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทยไม่เคยออกแถลงการณ์อะไรเกี่ยวกับการจองจำ บก.ผู้นี้เลย
เสรีภาพ และสิ่งที่ได้เรียนรู้ตลอด 21 เดือนที่ถูกจองจำและปฎิเสธการประกันตัว 12 ครั้ง: ผม ถามสมยศว่าได้เรียนรู้อะไรตลอด 21 เดือนในคุกและจากการถูกปฏิเสธให้ประกันตัวถึง 12 ครั้ง แกตอบว่า “สิ่งที่สำคัญคือเสรีภาพ ถ้าไม่มีเสรีภาพก็ไม่ควรมีชีวิตอยู่ เพราะเท่ากับเราถูกลดทอนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ลงไป คือที่มันเจ็บใจ มีสิทธิประกาศตามรัฐธรรมนูญ แต่ในทางปฎิบัติ ตรงข้าม และระบบนี้ก็บังคับให้สารภาพอย่างเดียว แล้วก็ยังมีรูปแบบการทรมานแบบใหม่เกิดขึ้น คือการไม่ให้ประกันตัว”
“ลองคิดดู ให้ไปตระเวนต่างจังหวัดอยู่ 5 เดือน เปลี่ยนคุกไป 5 คุก กลับมา บอกให้สารภาพดีกว่า… คนที่สู้ไม่ไหวก็ยอม หมดสภาพ หมดสภาพความเป็นคน ถ้ายอมเรื่อยๆ มันก็จะเหวี่ยงแหใครก็ได้ ไม่งั้นอีกหน่อย กล่าวหาใครก็ได้ แล้วไม่ให้ประกันตัว มันก็จะกลายเป็นกฎหมายเลวร้าย”
“น่าจะไม่มีการเลือกปฎิบัติ อริสมันต์หนีไป 1 ปี กลับมาได้ประกัน สนธิ ลิ้ม ถูกตัดสิน 85 ปี ยังได้ประกันตัวตอน 5 ทุ่ม –ขนาดสารภาพว่าผิด”
2
เสียงคนอื่น:
ป้าอุ๊ (อาม่า) ภรรยาอากง SMS ผู้เสียชีวิตในคุกภายใต้ ม.112 ก็ได้มาให้กำลังใจ ป้าอุ๊บอกผมที่ศาลอาญาหลังสมยศถูกพิพากษาว่า: “มีความหวังมาก คิดว่าจะได้รับการปลดปล่อย แต่พอฟังคำพิพากษาก็ใจหายมาก มีความรู้สึกเหมือนวันนั้น [ที่อากงถูกพิพากษา]”
สุวรรณา ตาลเหล็ก หนึ่งในผู้สนับสนุนสมยศ ผู้เคยร่วมงานขบวนการแรงงานกับสมยศนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องพิพากษาหลังทราบ คำพิพากษา เธอบอกผมว่า: “มันไม่เหลือแล้ว ต่อไปนี้ประชาชนจะเชื่อมั่นในกระบวนการยุติธรรมได้อย่างไร?”
แต่สุกัญญา ภรรยาสมยศนั้นใจแกร่งไม่ร้องไห้ พร้อมบอกจะยื่นอุทรณ์และขอประกันตัวสามีเธออีก “ก็ยื่นต่อไป สู้ต่อไป สองศาลไม่จำเป็นต้องมีความเห็นสอดคล้องกัน”
สุกัญญาจำแม่นว่าสามีเธอติดคุกมากี่เดือน และเธอจำได้ละเอียดกว่านั้น
“634 วัน” เธอบอกผม
ส่วนสมยศนั้นแทบไม่ทันได้พูดอะไรหลังถูกพิพากษา เพราะเขาถูกรีบนำตัวออกไป นางธิดา ถาวรเศรฐ โตจิราการ ประธาน นปช. เดินมาบอกให้ทำใจดีๆ ก่อนถูกพาตัวไป
ก่อนหน้าศาลขึ้นบัลลังก์ ผมได้ถามนางธิดาว่า นปช.ได้ผลักดันเรื่อง ม.112 มากพอหรือไม่?
ธิดาตอบว่าได้พยายามอยู่: “แต่เราไม่อยากให้เน้น คือเราไม่อยากให้สะดุด [เรื่องนิรโทษกรรมกับร่างรัฐธรรมนูญ]”
3
นักข่าวหญิงประชาไทบอกผมว่าสมยศถูกพากลับคุกไปเร็วกว่าปกติ
มันทำให้ผมนึกถึงที่สมยศบอกผมเกี่ยวกับการพนันในคุกในหมู่นักโทษด้วยกันช่วงระหว่างกำลังรอผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์
การพนัน: สมยศบอกว่านักโทษที่รู้จักแกได้พนันกันเอง ด้วยบุหรี่และพิซซ่า ว่าวันนี้แกจะถูกตัดสินว่าผิดหรือบริสุทธิ์ แกบอกว่าส่วนใหญ่แทงว่าแกจะได้รับอิสรภาพในวันนี้
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/01/44863
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น