หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒ “โปรดปล่อยประชาชน”

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒ “โปรดปล่อยประชาชน”

 

แสงสำนึก

 

แถลงการณ์แสงสำนึก ฉบับที่ ๒
“โปรดปล่อยประชาชน”

วันที่ ๒๓ มกราคม ๒๕๕๖

นับตั้งแต่เดือนสิงหาคม ๒๕๕๔  บัดนี้เป็นเวลาร่วม ๑๘ เดือนแล้วที่พรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งและได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล มีอำนาจรัฐเพื่อบริหารประเทศภายหลังเหตุการณ์รุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้น และมีประชาชนถูกจับกุมเป็นจำนวนมากในข้อหาต่าง ๆ ที่เกี่ยวพันกับการแสดงออกและแสดงความคิดเห็นทางการเมือง

          ๑๘ เดือนกับความหวังว่าจะได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งซึ่งเป็นตัวแทนประชาชนอย่าง แท้จริง ที่อย่างน้อยที่สุด จะสามารถสะสางความไม่เป็นธรรมและสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นในเบื้องต้น

          เราต่างทราบกันเป็นอย่างดีว่าการเลือกตั้งที่เกิดขึ้นในปี ๒๕๕๔ นั้นไม่ใช่การเลือกตั้งที่เกิดขึ้นโดยปราศจากการเรียกร้อง ประชาชนจำนวนมากต้องเอาเลือดเนื้อ อิสรภาพ และแม้แต่ชีวิตเข้าแลก

          เหตุการณ์ขัดแย้งที่เกิดขึ้นในประเทศไทยนับแต่ช่วงก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร กันยายน ๒๕๔๙  จนถึงขณะนี้ได้กลายเป็นบทเรียนราคาแพงของสังคมไทย หนทางเดียวที่ความแตกต่างทางความคิดจนไม่อาจประนีประนอมนี้จะอยู่ร่วมกันได้  คือหนทางที่เคารพในหลักการประชาธิปไตย และความเป็นธรรม


          คณะนักเขียนแสงสำนึกปรารถนาให้สังคมไทยเดินพ้นออกไปจากวังวนของความขัดแย้ง ที่ลงเอยด้วยความรุนแรง ซึ่งจะต้องได้มาด้วยการปฏิเสธคำขู่กรรโชกจากผู้ใช้ประโยชน์จากความรุนแรง และแก้ไขความไม่เป็นธรรมที่ผ่านมา เพื่อกลับมาสู่ครรลองที่ถูกต้องตามหลักประชาธิปไตย

          เราคาดหวังให้รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งนี้ นำพาสังคมไทยไปด้วยความกล้าหาญและสุจริตใจ เพื่อมิให้ความสูญเสียที่ผ่านมากลายเป็นสิ่งที่สูญเปล่า เราเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมที่ไม่ทิ้งหลักการที่ถูกต้อง ไม่ใช่เพราะเราเชื่อว่าความแตกต่างทางความคิดจะสามารถยุติลงได้ แต่เพราะเราเชื่อว่าสังคมไทยยังต้องใช้เวลาในการเรียนรู้เพื่อจะอยู่กับความ ขัดแย้งอย่างมีอารยธรรม มีศักยภาพที่จะควบคุมความขัดแย้งมิให้บานปลายไปสู่ความรุนแรงครั้งใหม่ ๆ และที่สำคัญยิ่งกว่า มีศักยภาพที่จะควบคุมสัญชาตญาณดิบ ความไร้มนุษยธรรมและการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ ไม่ให้กลายเป็นทางเลือกเพื่อหลีกหนีการเผชิญหน้ากับปัญหาที่แท้จริงอีกต่อไป

          ตลอด ๑๘ เดือนที่ผ่านมา แม้ว่าเหตุการณ์รุนแรงบนท้องถนนจะลดน้อยลงจนคล้ายว่าสังคมไทยมีความหวังที่ จะเดินต่อไปได้โดยราบรื่น ทว่ากลับมีคำพิพากษาจากศาลยุติธรรมของประเทศไทย ซึ่งเกิดจากการบังคับใช้กฎหมายอันอยุติธรรมออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน ทั้งที่ได้มีข้อเสนอจากคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งตั้งโดยรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อย่างเป็นทางการว่า ให้ระงับคดีความที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ไว้ก่อน และให้มีการพิจารณาแก้ไขกฎหมายฉบับนี้

          ผู้คนทั้งในและต่างประเทศจำนวนมากล้วนเห็นว่าการปรองดองในประเทศไทยคงสามารถ เกิดขึ้นได้ยากหากยังคงบังคับใช้และดำเนินคดีความอันเนื่องจากกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ อย่างที่เป็นอยู่ต่อไป

          แต่ก็ยังคงมีการอ่านคำพิพากษาคดีความผิดเกี่ยวกับกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ออกมาอย่างต่อเนื่องเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยรวมทั้งคณะนักเขียนแสงสำนึกเองเกิดความสงสัยว่า สถาบันศาลยุติธรรมของประเทศไทยคงไม่ปรารถนาความปรองดอง และเหตุใดแม้แต่ข้อเสนอจากคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริง เพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) ซึ่งได้รับการยอมรับจากรัฐบาลของคู่ขัดแย้งทั้งสองฝ่าย คือ รัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่มีพรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำในการจัดตั้ง และรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่มีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการจัดตั้ง จึงไม่สามารถเข้าสู่สำนึกการรับรู้ของศาลไทยเลย

          เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงดูประหนึ่งว่าศาลไทยกำลังตั้งตัวเป็นอำนาจอิสระที่ นอกจากไม่ยึดโยงกับประชาชน ไม่สามารถเป็นสถาบันที่จะคลี่คลายความขัดแย้งแล้ว ยังแสดงพฤติการณ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการปรองดองอีกด้วย

          เราตระหนักว่าการนิรโทษกรรมฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์รุนแรงทางการเมือง โดยไม่ลืมผู้ต้องขังจากการบังคับใช้กฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ เป็นเรื่องที่มีความละเอียดอ่อน แต่เราก็เชื่อว่ามีแต่ผู้นำที่เป็นผู้นำที่แท้เท่านั้นจึงจะสามารถกระทำ ภารกิจนี้ให้ลุล่วงได้

          สิ่งแรกที่รัฐบาลของประชาชนพึงกระทำคือสร้างความเป็นธรรมให้เกิดกับประชาชน ไม่ว่าภารกิจนั้นจะยากลำบากเพียงใด มันคือภารกิจแรกหนึ่งเดียวของรัฐบาลของประชาชนที่แท้

          เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากว่าเหตุใดประชาชนที่เรียกร้องการเลือกตั้งยัง ต้องอยู่ในคุกเป็นเวลาต่อเนื่องตลอดเวลา ๑๘ เดือน ภายใต้อำนาจของรัฐบาลจากการเลือกตั้ง ที่พวกเขาต้องต่อสู้แลกชีวิตจนได้มา

          คณะนักเขียนแสงสำนึกขอประกาศว่าเราสนับสนุนการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องการ นิรโทษกรรมซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ ๒๙ มกราคม นี้ โดยกลุ่มปฏิญญาหน้าศาล และร้องขอให้พรรคการเมืองทุกพรรค ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ประชาชนคนไทยที่ปรารถนาให้สังคมไทยก้าวต่อไปให้ดีกว่าที่ผ่านมา ได้พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญเพิ่มเติมของคณะนิติราษฎร์เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม หรือข้อเสนออื่น ๆ เกี่ยวกับการนิรโทษกรรม ด้วยใจเป็นธรรม

         เราเชื่อว่าอย่างน้อยที่สุด หากเบื้องต้น ประชาชนทุกฝ่ายไม่เว้นสีเสื้อ ได้รับการนิรโทษกรรม  ภูมิต้านการล่มสลายของสังคมไทยจะมีมากขึ้น

เราขอกล่าวย้ำว่า การนิรโทษกรรมที่ไม่นับรวมผู้ต้องขังจากการกระทำผิดกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒  เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้  การปฏิเสธกรณีที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ คือการหลีกหนีความจริง และหลบเลี่ยงการเผชิญปัญหาการเมืองที่แหลมคมที่สุดอย่างไร้ความรับผิดชอบ  แม้ว่ารัฐสภาจะยังไม่พร้อมจะพิจารณายกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒  อย่างน้อยที่สุดเราหวังว่ารัฐบาลและรัฐสภาจากการเลือกตั้งนี้ควรพร้อมที่จะ นิรโทษกรรมผู้ต้องขัง  

คณะนักเขียนแสงสำนึก

วาด รวี
วรพจน์ พันธุ์พงศ์
ดวงฤทัย เอสะนาชาตัง
ซะการีย์ยา อมตยา
อุทิศ เหมะมูล
กิตติพล สรัคคานนท์
ปรีดี หงษ์สต้น
อติภพ ภัทรเดชไพศาล
สถิติ ทูลขำ
ปราบดา หยุ่น
วิภาส ศรีทอง
ศุภชัย เกศการุณกุล
ปิยะวิทย์ เทพอำนวยสกุล

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น