หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2556

“ไม่มีอะไร ก็สู้กันต่อไป”: บทบันทึกจากวันพิพากษา

“ไม่มีอะไร ก็สู้กันต่อไป”: บทบันทึกจากวันพิพากษา


 

 
กว่าศาลจะนั่งบัลลังก์ก็เป็นเวลาเลย 10.30 น.ไปแล้ว

ผู้สังเกตการณ์พิจารณาคดีมากกว่า 150 คน มารอในห้องพิจารณาคดีที่ 704 ของศาลอาญา กันตั้งแต่เวลานัดหมายคือ 9.00 น. ห้องพิจารณาเป็นห้องขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ใช้ในคดีใหญ่ๆ และมีผู้คนให้ความสนใจค่อนข้างมาก เช่น คดีก่อการร้ายของแกนนำนปช. ห้องมีม้านั่งไม้สำหรับนั่งฟังการพิจารณาจุคนได้กว่า 100 คน ยังต้องเสริมเก้าอี้เดี่ยวเข้าไปอีกหลายสิบตัว แต่หลายคนที่มาทีหลังก็ยังไม่มีที่นั่ง

ผู้เข้าร่วมสังเกตการณ์คดีนี้จำนวนมากเป็นชาวต่างชาติ ทั้งจากสถานทูตประเทศต่างๆ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน องค์กรด้านแรงงาน รวมทั้งสื่อต่างประเทศ ส่วนคนไทย มีทั้งนักวิชาการ นักกิจกรรม คนเสื้อแดงกลุ่มย่อย รวมทั้งเพื่อนนักศึกษาของไท ลูกชายของสมยศ แต่ดูเหมือนที่ขาดหายไปคือสื่อมวลชนไทยกระแสหลัก และคนในวงการสื่อสิ่งพิมพ์หรือการเขียนการอ่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับประเด็นแห่งคดีนี้พอสมควร

ก่อนขึ้นสู่ห้องพิจารณา หลายคนลงไปทักทายสมยศในเรือนจำใต้ถุนศาล ซึ่งมีกรงกั้นถึงสองชั้น และพูดคุยกันได้ในระยะไกล สมยศยังคงชูสองนิ้วสู้ แต่บอกถึงอาการนอนไม่หลับในคืนก่อนวันพิพากษา นักข่าวหลายสิบคนตั้งกล้องทั้งวีดีโอและกล้องถ่ายรูป รอถ่ายรูปขณะเขาถูกศาลเรียกตัวจากใต้ถุนขึ้นสู่ห้องพิจารณา

ราว 9.30 น. เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์เดินประกบสมยศในชุดนักโทษขณะเข้ามาในห้องพิจารณา เพื่อนที่นั่งข้างๆ บอกทักตั้งแต่เขายังไม่เข้าสู่ห้องว่า “เสียงโซ่ คุณสมยศมาแล้ว” อาจเพราะเสียงโซ่ตรวนดังกระทบพื้นขณะผู้ต้องหาเดินช่างเป็นเอกลักษณ์ สมยศเดินผ่ากลางม้านั่งไม้ตรงกลางเข้าไปนั่งบนม้านั่งด้านหน้าสุด ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม หลายคนเข้าไปทักทายพูดคุย

สักพักหนึ่ง เจ้าหน้าที่หญิงของศาลเดินมาแจกเอกสารเขียนเป็นภาษาอังกฤษและภาษาจีนให้ผู้ สังเกตการณ์ชาวต่างชาติ มีข้อความระบุถึงระเบียบของศาล เช่น ระเบียบการแต่งตัวสุภาพ การให้ปิดโทรศัพท์มือถือ ห้ามนั่งไขว่ห้าง  ขณะที่เจ้าหน้าที่ชายในชุดคล้ายทหารสองสามคนเดินดูผู้สังเกตการณ์ในศาล และคอยห้ามการถ่ายรูปในศาล 

เมื่อเวลารอคอยในศาลเริ่มนานขึ้น เสียงพูดคุยปรึกษาในศาลก็ยิ่งดังขึ้น หลายคนเริ่มกระสับกระส่าย บางคนการเดินไปเดินมา ทักทายผู้คน และพูดกันเล่นๆ ว่าศาลอาจกำลังเขียนคำพิพากษาอยู่  เมื่อใกล้เวลา เจ้าหน้าที่ชายตะโกนแจ้งให้คนอยู่ในความสงบ ศาลใกล้นั่งบังลังก์แล้ว และเอ่ยเตือนว่าเสียงโทรศัพท์ที่ดังถือเป็นการละเมิดอำนาจศาล

หลังจากนั้นความเงียบของการรอคอยเข้าปกคลุมห้องพิจารณาเกือบสิบนาที จนผู้พิพากษาสี่ท่านนั่งบัลลังก์ในเวลาราว 10.35 น. เป็นองค์คณะที่มีการเปลี่ยนแปลงจากช่วงที่มีการสืบพยานในปีที่แล้ว โดยเป็นชายสามท่าน และหญิงอีกหนึ่งท่าน

จากนั้นผู้พิพากษาชายหนุ่มท่านหนึ่งก็เริ่มต้นอ่านคำพิพากษาขนาดยาวใช้ เวลามากกว่าครึ่งชั่วโมง โดยประโยคขึ้นต้นว่า “ในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์...” โดยทนายจำเลยสองท่านและสมยศ ลุกขึ้นยืนฟังตลอดการอ่านคำพิพากษา ขณะที่อัยการฝ่ายโจทก์ในคดีไม่ได้มาศาลด้วย ในระหว่างนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจ เริ่มไปยืนบริเวณประตูออกจากพิจารณาราว 6-7 คน เข้าใจว่าเพื่อป้องกันคนเข้าออกจากห้องขณะอ่านคำพิพากษา

(อ่านต่อ)
http://blogazine.in.th/blogs/%E0%B8%81%E0%B8%B3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น