ไม่ให้ประกัน 'สมยศ' รอบ13 นักกิจกรรม 398 ชื่อส่ง จม.ถึงนายกฯ ประธานศาลฎีกา
4 ก.พ.56 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางสุกัญญา พฤกษาเกษมสุข ภรรยานายสมยศแจ้งว่าในวันนี้ได้เดินทางเข้าไปยังศาลอาญาเพื่อรับคำสั่งศาล อุทธรณ์เรื่องการขอประกันตัว หลังจากที่ได้ยื่นคำร้องไปทันทีหลังคำพิพากษาเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยศาลอุทธรณ์ได้มีคำสั่งยกคำร้องตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค.แล้ว ระบุเหตุผลว่า "พิเคราะห์ตามข้อหาและรูปการณ์แห่งคดี กับพยานหลักฐานที่ศาลชั้นต้น ได้พิจารณามาแล้ว นับเป็นเรื่องร้ายแรงและกระทบต่อความรู้สึกและศีลธรรมอันดีของประชาชน ประกอบกับศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกจำเลยถึงกระทงละ 5 ปี รวมสองกระทง 10 ปี หากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวเกรงว่าจำเลยจะหลบหนี จึงไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างอุทธรณ์ ให้ยกคำร้อง แจ้งเหตุผลที่ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวให้จำเลยและผู้ร้องขอประกันตาม เป็นหนังสือโดยเร็ว" ทั้งนี้ การยื่นขอประกันตัวครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 13 แล้ว
วันเดียวกัน นักกิจกรรมทางสังคมและประชาชนทั่วไปรวม 398 คน
ส่งสำเนาจดหมายเปิดผนึกถึง 1. ประธานรัฐสภา 2. นายกรัฐมนตรี 3.
ประธานศาลฎีกา สำเนาถึง คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ หลังจากออก
"แถลงการณ์นักกิจกรรมสังคมและประชาชนทั่วไปกรณีการตัดสินจำคุก นายสมยศ
พฤกษาเกษมสุข" ซึ่งเผยแพร่ในเฟซบุ๊กในวันที่ 24 มกราคม จนถึงวันที่ 31
มกราคม พ.ศ.2556 จนมีผู้ร่วมลงชื่อทั้งหมด 398 คน
โดยจุดมุ่งหมายของการส่งจดหมายนี้คณะผู้ริเริ่มแถลงการณ์ระบุว่า
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าหน่วยงานทั้งหมดจะรับฟังเสียงของประชาชนและพิจารณา
ดำเนินการเพื่อให้เกิดความเป็นธรรม
มิให้มีการนำตัวบทกฎหมายมาเป็นเครื่องมือมาจัดการคุมขังผู้ที่มีความเห็น
ต่างทางการเมือง และร่วมผลักดันให้เกิดสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
อันเป็นพื้นฐานของสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง
แถลงการณ์นักกิจกรรมสังคมและประชาชนทั่วไป
กรณีการตัดสินจำคุก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
วันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2556
สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2556
ศาลอาญามีการพิพากษาตัดสินให้จำคุก นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข
บรรณาธิการหนังสือพิมพ์วอยซ์ออฟทักษิณ เป็นเวลา 10 ปี
ในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ อันเป็นความผิดในฐานะบรรณาธิการ
ที่ต้องรับผิดชอบการเผยแพร่บทความ 2 ชิ้นในหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว
นักกิจกรรมทางสังคมซึ่งทำงานในองค์กรสาธารณะประโยชน์
และประชาชนทั่วไปตามรายชื่อท้ายแถลงการณ์ฉบับนี้เห็นว่า
เป็นบทลงโทษที่รุนแรงจนไม่อาจยอมรับได้
สำหรับสังคมที่แสดงตัวว่าเป็นประชาธิปไตยและเคารพสิทธิมนุษยชนเช่นประเทศไทย
จึงมีความเห็นต่อกรณีนายสมยศ ดังต่อไปนี้
1. นายสมยศ และนักโทษทางการเมือง และผู้ที่ถูกตั้งข้อหา
หรืออยู่ระหว่างดำเนินคดีทางการเมืองทุกคนต้องได้รับการประกันตัวในระหว่าง
การสู้คดี เป็นมาตรฐานเดียวกัน ไม่เลือกปฏิบัติ
2. การแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของพลเมือง ไม่ว่าในกรณีใดก็ตามพึงได้รับการคุ้มครอง
3. การเคารพสิทธิในการแสดงความเห็น
และอดกลั้นต่อความเห็นต่างเป็นคุณสมบัติของสังคมอารยะ
ที่เราต่างต้องเรียนรู้ อดทน และข้ามผ่านไปสู่สังคมประชาธิปไตยอย่างแท้จริง
ไม่ใช้เครื่องมือตัวบทกฎหมายมาจัดการคุมขังผู้คนที่เห็นต่างจากตน
4. การตัดสินลงโทษสมยศ โดยมีโทษจำคุกถึง 10 ปี เป็นบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป
การกระทำผิดโดยข้อหาดูหมิ่นพระบรมเดชานุภาพไม่ควรได้รับการตัดสินให้จำคุก
และได้รับโทษเยี่ยงอาชญากร
(ที่มา)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น