ประชาชนชอบสิทธิ์ มหาประชาชนชอบอภิสิทธิ์
โดย อ.กานดา นาคน้อย
การปฎิเสธหลักการ 1 คน 1
เสียงโดยอธิการบดีนิด้าและการชี้นำโดยปัญญาชนบางกลุ่มว่าคนไม่มีปริญญาไม่
ควรมีสิทธิออกเสียงเลือกตั้งบ่งบอกว่าสังคมไทยเป็นสังคมที่มีสำนึกทางชนชั้น
อย่างเข้มข้น
เทียบเท่ากับสังคมอเมริกันในยุคที่มีนโยบายแบ่งแยกสีผิวที่มลรัฐในภาคใต้
ประชาชนเหนือประชาชน
ระบอบประชาธิปไตยไม่ มี“มหา”ประชาชน ไม่มีประชาชนที่เหนือประชาชน มีแต่ประชาชนที่มีสิทธิทางการเมืองเท่าเทียมกันความเท่าเทียมทางการเมืองไม่ รับประกันว่าทุกคนจะมีรายได้และทรัพย์สินเท่ากันแต่รับประกันว่าเด็กปั๊มและ อธิการบดีได้รับสิทธิคุ้มครองในฐานะที่เป็นสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์เดียวกันคน ขับรถแท็กซี่และคนขับรถเฟอร์รารี่มีสิทธิได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการ ยุติธรรมเท่ากันแม่บ้านและไฮโซหมื่นล้านมีสิทธิไปออกเสียงเลือกตั้งเท่า กัน ระบอบประชาธิปไตยไม่แบ่งแยกถี่ยิบว่าใครมีจุลสิทธิ์ อภิสิทธิ์ หรือมหาอภิสิทธิ์ การเลือกตั้งไม่ใช่ทั้งหมดของระบอบประชาธิปไตยแต่เป็นพื้นฐานของประชาธิปไตย
รัฐธรรมนูญคือกติกาสูงสุด
สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้พัฒนาได้เพราะประชาชนมีคุณภาพเหมือนกัน 2 ประการ คือเคารพกติกาและขยัน ถ้าการศึกษาไทยไม่สอนให้คนไทยเคารพกติกาไทยก็พัฒนาไม่ได้ ในระบอบประชาธิปไตยกติกาสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ ไม่ว่าจะเกลียดชังอดีตนายกฯทักษิณอย่างไรคนมีการศึกษาก็ปฎิเสธความจริง 2 ประการไม่ได้ ประการแรกคือความจริงที่ว่าอดีตนายกฯทักษิณไม่มีส่วนร่วมในการร่างรัฐ ธรรมนูญปีพศ. 2540 และ 2550 ประการที่สองคือความจริงที่ว่ามีการแก้รัฐธรรมนูญ 2550 ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์
ถ้าคนมีการศึกษามีคุณภาพจริงก็ควรยอมรับว่าการปฎิรูปก่อนเลือกตั้งวันที่ 2 กุมภาพันธ์คือการฉีกรัฐธรรมนูญอันเป็นกติกาสูงสุด
ถ้าคนมีการศึกษามีคุณภาพจริงก็ควรยอมรับว่าการฉีกรัฐธรรมนูญคือการล้มล้างการปกครองในมาตรฐานอารยประเทศ
ถ้าคนมีการศึกษามีคุณภาพจริงก็ควรโต้ตอบผลงานวิจัยที่พบว่าการซื้อเสียง ไม่มีบทบาทในการตัดสินผลการเลือกตั้งระดับชาติในประเทศไทยด้วยผลงานวิจัยที่ อุดมด้วยสถิติ
ความไม่โปร่งใสคือรากฐานปัญหาทุจริต
ไม่มีประเทศ ใดในโลกนี้แก้ปัญหาทุจริตด้วยการฉีกรัฐธรรมนูญ การแก้ปัญหาทุจริตในประเทศที่พัฒนาแล้วยึดหลักการโปร่งใสโดยเฉพาะความโปร่ง ใสในกระบวนการยุติธรรมเนื่องจากกระบวนการยุติธรรมเป็นตัวตัดสินว่าอะไรเรียก ว่าทุจริต ดังนั้นผู้พิพากษา อัยการและตำรวจต้องโปร่งใสด้วย ไทยแก้ปัญหาทุจริตไม่ได้ตราบใดที่ไม่มีการปฎิรูปตุลาการ จะสัมมนาด้วยงบประมาณหมื่นล้านไปอีกศตวรรษก็แก้ปัญหานี้ไม่ได้ถ้าไม่ปฏิรูป กระบวนการยุติธรรมดิฉันมั่นใจว่าหน่วยงานปราบทุจริตในไทยทราบดีแต่ไม่หยิบยก มาโต้เถียงกันในที่สาธารณะ
ในสหรัฐฯความโปร่งใสเป็นมาตรฐานที่ใช้กับผู้ใช้ภาษีทุกอาชีพไม่ว่าจะเป็น นักการเมือง อาจารย์ อธิการบดี อัยการ ผู้พิพากษา ฯลฯ กฎหมายบังคับให้พนักงานมหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐตั้งแต่ภารโรงยันอธิการบดี ต้องเปิดเผยรายได้ต่อผู้เสียภาษี ข้อมูลรายได้ดังกล่าวหาได้ง่ายตามอินเตอร์เน็ตหรือหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น รายได้ข้าราชการทั้งในระดับมลรัฐและระดับประเทศก็เปิดเผยต่อผู้เสียภาษีเช่น เดียวกัน อัยการสูงสุดระดับมลรัฐมาจากการเลือกตั้ง ในบางมลรัฐผู้พิพากษามาจากการเลือกตั้งด้วย อัยการสูงสุดของประเทศและผู้พิพากษาศาลฎีกาซึ่งทำหน้าที่คล้ายศาลรัฐธรรมนูญ โดนตรวจสอบโดยรัฐสภา ข้อมูลการพิพากษาคดีเป็นข้อมูลสาธารณะที่ผู้เสียภาษีเข้าถึงและถกเถียงได้ โดยไม่ต้องกลัวข้อหาหมิ่นศาล
การปลูกฝังค่านิยมด้านความโปร่งใสก็ต้องทำกันทุกระดับ นักศึกษาอเมริกันให้แต้มอาจารย์เพื่อประเมินผลอย่างโปร่งใสเหมือนร้านอาหาร และโรงแรมไม่ว่าจะเป็นอาจารย์ผู้น้อยหรือศาสตราจารย์รางวัลโนเบล เช่น พอล ครูกแมนได้แต้ม3.2 ดาวจากแต้มสูงสุด 5 ดาว (ที่มา http://www.ratemyprofessors.com/ShowRatings.jsp?tid=243005) คนไข้ให้แต้มหมอเพื่อประเมินผลเหมือนผู้จำหน่ายสินค้าและบริการอื่นๆ(ตัวอย่าง http://www.healthgrades.com/provider-search-directory/search?q=Cardiology&search.type=Specialty&loc=New+York%2c+NY) ทุกอาชีพโดนประเมินผลเหมือนกัน ไม่มีอาชีพใดมีอภิสิทธิ์เหนืออาชีพอื่น
ในกรณีของไทย นายสุเทพ เทือกสุบรรณเรียกร้องให้ปฎิรูปการเมืองก่อนเลือกตั้ง แล้วทำไมไม่มีการประเมินผลว่าคณะกรรมการปฎิรูปประเทศไทยในยุคที่นายสุเทพ เป็นรองนายกฯได้แต้มกี่ดาว?การเสนอแนวทางการแก้รัฐธรรมนูญก่อนวันเลือกตั้ง น่าจะโปร่งใสกว่าการเลื่อนวันเลือกตั้งเพื่อปฎิรูปโดยบุคคลที่ไม่รู้ว่ามีผล งานกี่ดาว
สื่อมวลชนก็ต้องโปร่งใส ข่าวจากสื่อมวลชนตะวันตกตีพิมพ์ด้วยชื่อผู้รายงานข่าวชัดเจน ทำให้ผู้รายงานข่าวต้องระมัดระวัง ต้องตรวจสอบความจริงและรับผิดชอบผลงานของตน สื่อมวลชนไทยใช้มาตรฐานนี้เวลารายงานข่าวภาษาอังกฤษเพื่อให้ดูทัดเทียมกับ มาตรฐานสากล แต่ไม่ได้ใช้มาตรฐานเดียวกันเวลารายงานข่าวภาษาไทย สื่อมวลชนไทยควรปฎิรูปตัวเองเพื่อให้โปร่งใสขึ้น หนังสือพิมพ์ควรลงชื่อนักข่าวที่เขียนข่าว อย่ามัวแต่เรียกร้องความโปร่งใสจากอาชีพอื่น
ประชาชนชอบเลือกตั้ง มหาประชาชนชอบแต่งตั้ง
ดิฉัน ไม่เคยใช้สิทธิเลือกตั้งในฐานะพลเมืองไทยด้วยเหตุที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่วันที่ 2 กุมภาพันธ์ดิฉันจะออกเสียงผ่านสถานกงศุลและจะไม่เลือกทั้งพรรคเพื่อไทยและ พรรคประชาธิปัตย์ เนื่องจากดิฉันไม่ต้องการพรรคการเมืองที่เล่นการเมืองด้วยม็อบอย่างซ้ำซาก และไม่คำนึงถึงชีวิตและเลือดเนื้อของฐานเสียง และดิฉันคิดว่านี่คือกระบวนการเดียวที่จะป้องกันไม่ให้เกิดสงครามกลางเมือง เหมือนสงครามกลางเมืองที่จังหวัดชายแดนในภาคใต้
ดิฉันขอเชิญชวนทุกคนที่เชื่อว่าคนไทยทุกคนเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีสายพันธุ์ เดียวกันร่วมกันปฎิเสธระบอบมหาประชาชนด้วยการไปใช้สิทธิออกเสียงเลือกตั้ง เสียงเดียวฟังดูน้อยอาจทำให้รู้สึกว่าไม่คุ้มค่าจากการเดินทางไปลงคะแนน แต่ถ้าคนอเมริกันทุกคนคิดแบบนั้นสหรัฐฯจะไม่ใช่ประเทศที่คนไทยมาศึกษา แล้วกลับไทยไปเป็นอธิการบดี
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/12/50480
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น