“หมอเทวดา”
รถพยาบาล กว่าหลายร้อยคัน พร้อมด้วย คณะเเพทย์และคณะพยาบาล ได้จัดแถวเพื่อแบ่งสาย ในการร่วมดูแลมวลมหาประชาชน
โดย อนุสรณ์ อุณโณ
แต่เพราะสังคมไทยไม่ได้สร้างขึ้นบนการตั้งคำถามเท่ากับการชี้นิ้วสั่งสอน สถานะของหมอจึงไม่เคยถูกท้าทาย แต่กลายเป็นว่าหมอทำอะไรก็ถูกต้องดีงามไปเสียหมดราวกับเป็นเทวดา หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า หมอในสังคมไทยประสบความสำเร็จในการแปลง “ทุนทางวัฒนธรรม” จำพวกความรู้ที่พวกเขาสั่งสมมาไปเป็น “ทุน” ประเภทอื่นนับตั้งแต่เงินทอง ชื่อเสียง ความนับหน้าถือตา และโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือ “ทุนทางสังคม” จำพวกเครือข่าย เพราะว่าคนที่ได้ดิบได้ดีหรือว่าเป็นใหญ่เป็นโตในองค์กรตระกูล “ส” ทั้งหลายล้วนแต่อยู่ในเครือข่าย “หมอเทวดา” ทั้งนั้น คงไม่มีประเทศใดในโลกนี้ที่หมอจะปรีดิ์เปรมเกษมสันต์กันขนาดนี้
ขณะเดียวกัน “หมอเทวดา” พวกนี้ก็มักใช้อำนาจไปไกลเกินกว่าที่วิชาความรู้ตัวเองมอบให้ พวกเขาเคยชินกับการวินิจฉัยโรคและการสั่งยาโดยไม่มีคนไข้คนไหนทักท้วง ก็เลยได้ใจพากันวินิจฉัยปัญหาบ้านเมืองพร้อมกับสั่งยาให้คนโน้นคนนี้ทำตาม กันไปทั่ว แต่พวกเขาลืมไปว่าสังคมกับสิ่งมีชีวิตนั้นไม่เหมือนกัน แม้จะพอเปรียบเทียบกันได้บ้าง นักทฤษฎีทางสังคมยุคแรกที่พยายามใช้แนวเทียบสิ่งมีชีวิตในการทำความเข้าใจ หรืออธิบายสังคมต่างล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะความที่เปรียบเทียบผิดฝาผิดตัว สังคมไม่ใช่คนไข้ที่หมอจะสั่งให้แก้ผ้าหรือว่านอนถ่างขาให้ทำอะไรได้ตาม อำเภอใจ
และจะว่าไปแล้ว “หมอเทวดา” พวกนี้แหละที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหาที่สังคมไทยกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้ เพราะนอกจากอยู่ในระบบการศึกษาในสาขาที่ไม่สู้มีโอกาสได้ตั้งคำถามกับกระบวน การครอบงำของระเบียบอำนาจหลัก “หมอเทวดา” คือกระบอกเสียงหลักของระเบียบอำนาจที่ว่า นับตั้งแต่พวกหมออาวุโสที่ต่างเรียงหน้ากันออกมาเสนอแนวทางการปฏิรูปประเทศ ซึ่งเอาเข้าจริงคือความพยายามที่จะชะลอหรือเบี่ยงเบนกระแสการเปลี่ยนแปลง เสียมากกว่าและที่พวกนี้ทำมาก่อนหน้าก็ไปไม่ถึงไหน ขณะที่พวกหมอชนบทต่างเตรียมขนรถพยาบาลและเวชภัณฑ์มาเสริมทัพ “กำนัน” กันอย่างฮึกเหิมโดยไม่ละอายสักนิดว่าการกระทำเช่นนี้เป็นเบียดบังภาษีของคน ทั้งประเทศเพื่อตอบสนองจุดยืนทางการเมืองของตน ไม่นับรวมหมอดาราที่ออกมาแสดงภูมิได้อย่างน่าเวทนาเพราะอาศัยแต่โวหารทาง ศีลธรรมแทนที่จะเป็นข้อเท็จจริงในการถกเถียงประเด็นทางสังคมการเมือง
“หมอเทวดา” จึงเป็นส่วนหนึ่งและเป็นผลพวงของกระบวนการครอบงำผ่านระบบการศึกษาไทยในรอบ ห้าทศวรรษที่ผ่านมาที่กำลังทำหน้าที่อย่างที่พวกเขาถูกออกแบบมาให้เป็นกัน อย่างแข็งขัน และเมื่อเป็นเช่นนั้น “คนไข้สามานย์” อย่างผมก็คงจะต้องมีปัญหากับ “หมอเทวดา” พวกนี้ต่อไปอีกนาน
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2013/12/50576
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น