โดย จักรภพ เพ็ญแข
สัญญาณอันต่อเนื่องลงมาว่า ให้ทำลายล้างรัฐบาลและผู้สนับสนุนฝ่ายประชาธิปไตยให้สิ้นซาก และไม่ต้องห่วงการรักษาภาพลักษณ์อีกต่อไป เพราะตั้งใจไว้แล้วอย่างเด็ดขาดว่าตนจะเขียนบทสุดท้ายของไตรภูมิพระร่วงภาคนรกภูมิ โดยไม่มีตัวแทนของฝ่ายประชาธิปไตยมายืนมองหรือร่วมห้องอยู่ เรียกอย่างทหารได้ว่าเป็นตัวผู้บัญชาการ (the commander) ในขณะที่สาวกทั้งหลายในชั้นล่างพยายามผลักตัวเองขึ้นมาเป็นเสนาธิการ (chief of staff) หรือหัวหน้าลูกน้อง หรืออย่างน้อยก็มีบทบาทในฐานะนายทหารยุทธการ ที่จะนำคำสั่งของผู้บัญชาการ ที่ตีความให้ละเอียดขึ้นโดยเสนาธิการ ไปปฏิบัติให้เป็นผล รูปแบบการเมือง-กองทัพอย่างนี้ยังดำรงอยู่ในรัฐไทยในขณะนี้ เพียงแต่ความศักดิ์สิทธิ์และประสิทธิภาพค่อยๆ ลดน้อยลงทุกขณะ จนถึงจุดที่ไม่รู้แล้วว่าฝ่ายใดจะได้รับชัยชนะขั้นสูงสุดในบั้นปลาย ซึ่งอาจหมายถึงการปฏิวัติประชาธิปไตยกึ่งสมบูรณ์หรืออาจได้แค่ปฏิรูประบอบอำมาตย์ศักดินาไปอีกขั้นหนึ่งก็ได้ ไม่ต้องสงสัยเลยครับว่า ทำไมรัฐไทยทุกวันนี้จึงเหมือนกลั้นใจอยู่ใต้น้ำ และคนในรัฐก็ไม่รู้จะคิดอย่างไรหรือรู้สึกอะไร คล้ายมึนชาไปครึ่งสมอง เหตุผลก็เพราะมาถึงทางสองแพร่งอย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกๆ ในประวัติศาสตร์ โดยไม่มีเทวดาที่ไหนมาคอยผลักทางใดๆ อีกต่อไปแล้วนั่นเอง ความรู้สึกนี้อาจมีความเหงาเปล่าเปลี่ยวเจือปนอยู่ แต่ก็เป็นส่วนหนึ่งของคนที่กำลังเติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่ ณ จุดจบของความเป็นเด็กที่ถูกยัดเยียดมานาน (an end of innocence)
สิ่งสำคัญก็คือ ฝ่ายเขาส่งเทียบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น