หน้าเว็บ

วันเสาร์ที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2557

"คนกลาง" กลางสงคราม

"คนกลาง" กลางสงคราม


โดย ใบตองแห้ง
 

ท่ามกลางโผนายกฯ คนกลางหางว่าว ปล่อยข่าวจริงบ้าง บลัฟบ้าง ประเด็นที่น่าถามคือ นายกฯ คนกลาง ทำอะไรได้ คิดได้ไงว่าจะแก้ความขัดแย้ง จะแก้ปัญหาประเทศ คุณเป็นใคร แน่มาจากไหน

เปล่า ไม่ได้ดูหมิ่น คนเป็นได้มีเยอะ แต่นี่ไม่ใช่เรื่อง ตัวบุคคล เป็นเรื่องระบอบและที่มา

นายกฯ คนกลางไม่ได้มาอย่าง "ชอบธรรม" และได้รับฉันทามติเหมือนปี 2535 "ชอบธรรม" คือประชาชนลุกฮือต่อต้านการสืบทอดอำนาจรัฐประหาร เรียกร้อง นายกฯ จากเลือกตั้ง กองทัพใช้ความรุนแรงปราบปรามจน พล.อ.สุจินดา คราประยูร ต้องลาออก

แต่ปี 2557 มีประชาชนข้างน้อยลุกฮือต่อต้านการเลือกตั้ง ใช้กำลังปิดสถานที่ราชการ คุกคามให้นายกฯ ลาออก เพื่อจะเอานายกฯ ไม่มาจากเลือกตั้ง รัฐบาลไม่ได้ใช้กำลัง แค่ตำรวจขอคืนพื้นที่ ก็มีกองกำลังติดอาวุธไล่ยิงกระเจิง

คน 20 กว่าล้านอยากให้แก้ปัญหาในวิถีประชาธิปไตย อุตส่าห์ออกไปเลือกตั้ง ศาลรัฐธรรมนูญกลับสั่งล้มเลือกตั้ง และทำให้การเลือกตั้งถูกล็อกตายไม่มีทางจัดได้อีก

ฝ่ายล้มรัฐบาล เม้าธ์กันสนุกปาก จะถอดถอนนายกฯ วิธีไหนดี ยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญตามมาตรา 266 ดีกว่ามั้ง เร็วกว่ารอ ป.ป.ช.ชี้มูลจำนำข้าว

แหม ไม่แยแสกันเลยนะครับ ยังกะองค์กรเปิดปุ๊บติดปั๊บ


ทุก ฝ่ายมองผลลัพธ์ล่วงหน้าว่าที่สุดต้องมีการถอดถอน นายกฯ หาช่องตั้งนายกฯ คนกลาง ด้วยการตีความขององค์กรไหนสักแห่ง ยังไงก็ถูกกฎหมาย ไม่มีผิด เพราะกฎหมายตีความได้ตามอำเภอใจอยู่แล้ว

แต่ถามว่าทั้งหมดนี้คืออะไร ถ้าไม่ใช่กระบวนการ "ข่มขืนใจ" เสียงข้างมาก แล้วบอกว่าจะได้ "คนดี"

ถามว่าถ้ามีคนข่มขืนเมียคุณแล้วบอกว่าจะได้ลูกอัจฉริยะ คุณยอมหรือ


ผบ.ทบ.ให้ ทั้งสองฝ่าย "เสียสละ" แปลว่าอะไร เอาเข้าจริงคือฝ่ายเอาเลือกตั้งต้องยอมแพ้ฝ่ายไม่เอาเลือกตั้ง ถามว่า 20 กว่าล้านเสียงต้องยอมแพ้คนขัดขวางเลือกตั้ง ต้องยอมให้คนทำผิดกฎหมายมาขี่คอเย้ยหยันอย่างนั้นหรือ

"นายกฯ คนกลาง" ไม่ได้แปลว่า 2 ฝ่ายสู้กันไม่มีใครแพ้ชนะ "นายกฯ คนกลาง" ไม่ใช่ตาอยู่ "นายกฯ คนกลาง" คือฝ่ายไม่เอาเลือกตั้งชนะ ฝ่ายเอาเลือกตั้งแพ้

เมื่อมีแพ้มีชนะ ก็มีฝ่ายฮึกเหิมลำพอง มีฝ่ายที่ต้องคับแค้น ฉะนั้นไม่จบหรอกครับ เป็นธรรมชาติของสงครามที่จะต้องมีการกวาดล้าง มีปฏิกิริยาต่อต้าน อย่าปฏิเสธว่าจะไม่มีการ กวาดล้าง รัฐประหาร 49 เชื่อกันว่าล้มเหลวเพราะไม่ได้กวาดล้างฝ่ายตรงข้ามให้เหี้ยนเตียน

ใคร ที่คิดว่านายกฯ คนกลางจะเข้ามาหน้าซื่อตาใส "ปฏิรูปประเทศ" แก้ปัญหาเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ ปฏิรูปการเมือง กำจัดคอร์รัปชั่น ฯลฯ ใช้เวลา 1-2 ปีกลับสู่เลือกตั้ง นับแต่นี้ประชาธิปไตยจะก้าวหน้า เจริญวัฒนาสถาพร ขอ บอกว่าไร้เดียงสา

เพราะถ้าทำอย่างนั้นแล้ว "ระบอบทักษิณ" ชนะเลือกตั้งอีก จะทำไง รัฐประหาร 49 อุตส่าห์ร่างรัฐธรรมนูญสกัดไว้ทุกด้านยังแพ้ ถ้าแพ้ทักษิณอีก จะมีนายกฯ คนกลางไปทำไม เดี๋ยวคนดีทั้งหลายก็ต้องมาเหนื่อยไล่อีก

การ "ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง" ภายใต้นายกฯ คนกลาง จึงหนีไม่พ้นแก้รัฐธรรมนูญ สกัดอำนาจเลือกตั้งให้น้อยลงไปอีก ตัวอย่างเช่น กปปส.เสนอ "ส.ส.สาขาอาชีพ" 120 คน ซึ่งแปลว่าต่อไปพรรคประชาธิปัตย์ได้ ส.ส. เลือกตั้ง 130 คนก็เป็นรัฐบาลได้

ซึ่งก็ซ้ำรอย 8 ปี ที่จะกำจัดทักษิณแล้วกลายเป็นกำจัดอำนาจอธิปไตยของปวงชน ทำให้ประชาธิปไตยเหลือครึ่งใบไม่พอ จะทำให้เหลือเสี้ยวใบ

หลังนองเลือดปี"53 รัฐบาลอภิสิทธิ์ตั้งสภาปฏิรูป กรรมการปฏิรูป โดย "คนดี" อย่างอานันท์ ปันยารชุน, หมอประเวศ วะสี เชื่อว่าต้อง "ปฏิรูปความเหลื่อมล้ำ" ทางเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นการตั้งโจทย์ผิด

มวลชนไม่ได้ลุกฮือ เพราะอดอยากยากจนต้องการประชานิยม แต่มวลชนลุกฮือเพราะถูกปล้นอำนาจ เพราะต้องการความยุติธรรม ที่ใช้คำว่า "ไพร่" ก็เพื่อสะท้อนความไม่เท่าเทียม ทวงถามศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์

ฉะนั้น ใครที่คิดว่าจะเข้ามาเป็นนายกฯ คนกลาง แล้วจะวางมาตรการโน่นนี่ สร้างสิ่งดีๆ สังคมดีๆ โลกสวยๆ ด้วยคาถาคุณธรรมจริยธรรม ขอบอกว่า "ฝันไป" คุณจะปฏิรูปอะไรได้ จากการเหยียบหัวคน "คนไม่เท่ากัน" บอกว่าจะ "ปราบโกง" แต่มาจากการ "โกงอำนาจ"


(ที่มา) 
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1396058884&grpid=&catid=02&subcatid=0200 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น