หน้าเว็บ

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

ไล่จับโกตี๋

ไล่จับโกตี๋



 
โดย จักรภพ เพ็ญแข

กรณี “โกตี๋” หรือ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ ถูกออกหมายจับในคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพเพิ่มขึ้นอีกคนหนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่ต้องตั้งมั่นในหลักการให้มั่นคง นี่ไม่ใช่เรื่องใครฉลาดกว่าใคร และใครรู้เกมไม่รู้เกม อย่างที่ถกเถียงกันอยู่ในขณะนี้ หากจะมองเป็นเกม กฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพก็ไม่ใช่เกมของขบวนประชาธิปไตย หากแต่เป็นเกมของระบอบอำมาตย์ศักดินา ที่ใช้สร้างความแตกแยกในหมู่ผู้ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาแล้วหลายยุคหลาย สมัย พวกเราทุกคนที่ถือตนเองเป็นมวลชนประชาธิปไตยไม่ควรปล่อยอารมณ์ใดๆ ที่ขาดการคิดอย่างแยบคาย จนตกเป็นเหยื่อการเมืองเอาง่ายๆ

เนื้อความที่ คุณวุฒิพงศ์ฯ หรือ โกตี๋ ใช้ในการให้สัมภาษณ์นั้น ผิดหรือถูกไม่ใช่ประเด็นของเรื่อง เพราะพูดชัดหรือไม่ชัดเขาก็เอาผิดได้ทั้งนั้นถ้าเขาจะเอา ระบบการบังคับใช้กฎหมายไทยมีความอ่อนแอเป็นพิเศษกับเรื่องของพระบรมเดชานุ ภาพ เหมือนเรื่องคอมมิวนิสต์สมัยก่อน หรือประเด็นศาสนา และสีผิวในบางสังคมในปัจจุบัน

ผู้บังคับใช้กฎหมายจะถูกกดดันอย่าง รุนแรงในการทำงาน หากไม่ถึงใจของผู้ที่อยู่เบื้องหลังและสั่งให้เอาโทษ ตัวเจ้าหน้าที่เองก็อาจถูกกล่าวหาได้ว่าเห็นอกเห็นใจต่อผู้ถูกกล่าวหา ก็อาจถูกลงโทษลงทัณฑ์ตามมาเป็นพรวน รวมทั้งการถูกโยกย้ายจากตำแหน่งแห่งหน ผมจึงเสนอว่าผู้ที่ถือตนเองว่ากำลังต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย กรุณาอย่าไขว้เขว ประเด็นปัญหาไม่ได้อยู่ที่คนพูด แต่อยู่ตัวกฎหมายที่ขาดความเป็นธรรมและขัดต่อหลักนิติธรรมสากลต่างหาก

ผม เองไม่เคยรู้จัก “โกตี๋” ไม่รู้ทั้งความคิดและพฤติกรรมที่ผ่านมาเว้นแต่เรื่องเล่าต่างๆ จากปากคำของญาติมิตรมวลชน แต่ผมมองคนไทยทุกคนตามสิทธิ เสรีภาพ และศักดิ์ศรีความเป็นคน ปัญหาของกฎหมายทั้งหมดในฐานนี้ ตั้งอยู่บนหลักการว่าพระมหากษัตริย์ สมเด็จพระราชินี และรัชทายาทอยู่ในฐานะที่ “ล่วงละเมิดมิได้” แถมผู้ที่ได้รับประโยชน์ทางอำนาจจากกฎหมายกลุ่มนี้ยังสร้างแรงกดดันต่อเจ้า หน้าที่ในกระบวนการยุติธรรมในระดับเข้มข้น ทำให้การบังคับใช้เป็นไปด้วยความกลัว การโยนภาระให้พ้นไปจากตัวเอง และเล่นรังแกเพื่อนมนุษย์คนอื่นๆ เพียงเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวในความดีความชอบและเพื่อให้พ้นมลทิน ผมไม่เคยเชื่อว่าใครจะให้ความยุติธรรมกับใครได้ใน “ฐานความผิด” นี้ และผมก็ไม่เคยเชื่อว่ากฎหมายชนิดนี้จะปกป้องสถาบันกษัตริย์ ให้พ้นจากเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหัวใจอันแท้จริงของประชาชนได้เลย


สำหรับคนที่คิดว่าฝ่ายเราฉลาดเหลือเกิน แกล้งเล่นเกมของอำมาตย์ศักดินาเพื่อเอาใจฝ่ายเราเองและเพื่อเอาใจมวลชนกระ แสกลางนั้น ผมขอให้พิจารณาท่าทีนี้ดูให้ดี ความฉลาดปัจจุบันเพื่อเอาผลเฉพาะหน้า อาจกลายเป็นภาวะน้ำท่วมปากเข้าสักวันหนึ่งได้ พระญาติพระวงศ์พระองค์ใดที่จะขึ้นครองราชย์ในอนาคต ยังต้องคำนึงถึงบริบทของสังคมที่กำลังเปลี่ยนไปเช่นกัน ในยุคที่พลเมืองรู้เท่าทัน ตาสว่าง และตระหนักในความเป็นคนที่เท่าเทียมกันกับคนอื่น ความคาดหวังที่มีต่อทุกสถาบันทางสังคม ก็ต้องเปลี่ยนแปรตาม ไม่เว้นแม้แต่สถาบันกษัตริย์ หรือพูดอย่างง่ายก็ได้ว่า แม้แต่พระมหากษัตริย์ก็ยังต้องทรงปรับพระองค์เอง แล้วกฎหมายเก่าที่ตั้งอยู่บนฐานว่าจะไม่ปรับ จะไม่เปลี่ยน และจะดำรงสภาพเป็นอาวุธกลาง ซึ่งไม่ว่าสีไหนก็หยิบมาฟาดฟันคู่แข่งทางการเมืองของตนได้ จะอยู่ต่อไปอย่างไรในหมู่คนฉลาด ปัญญาชนในสังคมไทยหลายคน จึงเสนอมาตลอดว่า การยกเลิกกฎหมายในฐานนี้จะช่วยปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อย่างได้ผล และทันการณ์ แต่กลับไม่มีคนฉลาดพอที่จะรับฟัง และเคลื่อนไหวตามอย่างจริงจังในหมู่อำมาตย์ศักดินา

การดำเนินคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกับใครก็ตาม เท่ากับตอกตะปูฝาโลงให้แน่นขึ้นทีละตัว แต่คนที่นึกว่าฉลาด แสร้งเล่นละครเพื่อช่วยเขาตอกฝาโลงอย่างครึกครื้นอยู่นั้น ก็ต้องรู้ด้วยว่าการนำความคิดและชูความถูกต้องดีงาม ย่อมมีความสำคัญกว่าเล่ห์เหลี่ยม ในฉากสุดท้าย พลเมืองเขาจะมอบความไว้วางใจกับคนโง่ที่ยึดมั่นในหลักการ มากกว่าคนฉลาดที่คว้าชัยชนะได้ แต่เขาไม่เชื่อถือในจิตใจ สังคมนี้กำลังเดินหน้าไปในทิศทางนั้น ผมจึงขอบังอาจเงยหน้าและแนะนำพระมหาเจดีย์อันสูงตระหง่านว่า ลองลดเหลี่ยมคูแบบนักการเมืองอาชีพ และเพิ่มหัวใจและความรู้สึกร่วมกันกับมวลชนอีกสักหน่อยเถิด การสู้รบที่อาจจะเกิดขึ้นในเวลาไม่นานนี้ มันก็แค่การสู้รบ อย่าไปให้ราคามากนัก สงครามที่แท้จริงคือ ใครจะปักธงทางอุดมการณ์ปฏิวัติประชาธิปไตยสังคมไทยได้มั่นคงกว่ากันต่างหาก

รู้ครับว่าคิดฉลาด และพอรู้ครับว่าทำเช่นนี้เพื่อเอาใจใคร แต่อย่าให้กระพี้มาสำคัญกว่าแก่นคือมวลชนเป็นอันขาดครับ. 

(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2014/04/52706 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น