หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่

ขบวนการประชาธิปไตยใหม่ 



 
โดย วัฒนะ วรรณ
 
ไม่มีอะไรเกินคาดการณ์ กกต ไม่จัดการเลือกตั้ง องค์กรอิสระ จ้องรอฟันรัฐบาลเพื่อไทย ให้พ้นไปจากเส้นทางการเมือง หาช่อง หาทาง ให้เกิดสุญญากาศทางอำนาจบริหาร เพื่อที่จะแต่งตั้งคนของตนเข้ากุมอำนาจรัฐ สิ่งที่รออยู่ตอนนี้ก็มีแค่เวลาเท่านั้น ไม่มีอะไรลึกลับซับซ้อนมากกว่านี้

ในเมื่อเรารู้ เพื่อไทยรู้ นปช รู้ เหตุฉะไหน ฝ่ายประชาธิปไตย ช่างดูเงียบงัน รอวันให้เขารัฐประหารสำเร็จสมบูรณ์

หรือเป็นเพราะเพื่อไทย กำลังพยายามเจรจา หวังพึ่งอำนาจนำให้ช่วยเหลือ ยอมความกันได้ ตามข่าวคราวที่ออกมาเป็นระยะๆ หากเป็นเช่นนั้นจริงๆ ก็เท่ากับยอมจำนนต่อโครงสร้างอำนาจ ที่ไม่อิงอยู่กับประชาธิปไตย หากเป็นเช่นนั้นจริง รัฐบาลเพื่อไทย อาจจะอยู่ได้ องค์กรโครงสร้างอำมาตย์ก็จะอยู่ได้ สังคมไทย ก็แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลย  

กลไกอำนาจทางการเมืองก็ยังจะถูกควบคุมขัดขวาง จากโครงการสร้างอำนาจเผด็จการอยู่ร่ำไป แล้วการต่อสู้ที่ผ่านๆมา ก็ดูเหมือนจะไร้ค่า สูญเปล่า

ข้อสันนิฐานนี้มีความน่าจะเป็นอยู่มาก เมื่อคิดย้อนกลับไป ตลอดสองปีของรัฐบาลเพื่อไทย ที่ไม่มีท่าทีจะต่อกรกับโครงสร้างอำนาจเผด็จการเลยแม้แต่น้อย ไม่มีการลดงบประมาณทหาร ไม่ยอมลงนามศาลอาญาระหว่างประเทศ ให้มาดำเนินการสอบสวนอาชญากรรมรัฐที่กระทำต่อประชาชน ไม่มีความพยายามจะต่อกรกับอำนาจกองทัพ ที่มีส่วนในการรัฐประหาร โดยการปลดผู้นำกองทัพที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการปราบสังหารประชาชน ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ไม่มีความพยายามจะต่อสู้กับศาลรัฐธรรมนูญที่ก้าวล้ำอำนาจของฝ่ายบริหาร ที่ได้รับเลือกตั้งมาจากประชาชน และฉากสุดท้ายคือการผ่านกฎหมายนิรโทษกรรมเหมาเข่ง อภัยให้กับคนผิดโดยที่ยังไม่มีการไต่สวน รับผิด ลงโทษใดๆ ทั้งสิ้น

นี่คือสิ่งที่รัฐบาลเพื่อไทยเคยทำ และ นปช ก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลเพื่อไทย แยกไม่ขาดออกจากกัน มันจึงเป็นภาพที่ช่วยให้เราคาดการณ์ ขณะนี้รัฐบาลเพื่อไทยกำลังจะกระทำเพียงเจรจาต่อรองกับฝ่ายอำมาตย์ เพื่อแบ่งแชร์อำนาจ และผลประโยชน์ทางการเมืองกันเท่านั้น

การชุมนุมของ นปช ที่ถนนอักษะ ไร้ยุทธศาสตร์ที่จะไปข้างหน้า เท่ากับเป็นเพียงการระดมมวลชนเพื่อสร้างอำนาจต่อรอง ให้กับพรรคเพื่อไทยเพียงเท่านั้น 

แต่ไม่ได้หมายความว่า มวลชน คนเสื้อแดง คนรักประชาธิปไตย ที่ออกมาชุมนุม ในสถานที่ต่างๆ จะไร้เดียงสา ไม่ตระหนักรู้ในเรื่องเหล่านี้ ตรงข้าม มวลชน คนเสื้อแดง คนรักประชาธิปไตย ที่ออกมาชุมนุม ต่างก็ทราบเงื่อนไขเหล่านี้ดีพอสมควร บางท่าน ก็คิดว่าต้องสามัคคีกับเพื่อไทย นปช เพื่อต่อสู้กับอำมาตย์ บางท่านก็หมดหวัง คาดหวังให้เกิดการประนีประนอมยอมความกันไป เพราะต่อสู้มานาน เหนื่อยอ่อน ไม่เห็นอนาคต ที่จะเอาชนะได้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด 

คำถามคือ ถ้าเราประนีประนอมแล้ว จะเกิดผลเช่นไรต่อสังคมไทย ต่อระบอบประชาธิปไตย ต่อการเคารพสิทธิเสรีภาพของประชาชน ต่อความเท่าเทียมกันทางการเมือง ต่อความเท่าเทียมกันทางเศรษฐกิจ  

คำตอบ จะไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ จากการประนีประนอม คุกจะมีไว้ขังคนจน คนไร้อำนาจ อยู่เช่นเดิม การกดขี่ ดูถูก ดูแคลน คนยากจน คนชนบท จากผู้รากมากดี คนร่ำคนรวยในเมืองจะมีต่อไป การกระจายงบประมาณรัฐให้ถ้วนทั่ว ไปยังพื้นที่นอกเมืองหลวง ก็จะหยุดชะงักไม่เกิดขึ้น คุณภาพทางการศึกษา คุณภาพทางสาธารณสุข จะไม่เกิดขึ้น งบประมาณจำนวนมากจะกระจุกอยู่ในกองทัพ และงานพิธีกรรมต่างๆ ที่ห่างไกลต่อการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น 

เพื่อนนักโทษการเมืองทั้งที่ถูกจองจำในคุกตาราง ทั้งที่ลี้ภัยการเมืองในต่างแดน ก็จะไม่มีวันได้รับความยุติธรรม อิสรภาพ 

ทั้งหมดทั้งมวล คือสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าหากเรายอมรับการประนีประนอม เราจะไม่เหลือสิ่งใดให้หวัง เราจะถูกกระทำย่ำยี ที่หนักหน่วงกว่าที่ผ่านมา เราจะยอมรับ สิ่งเหล่านี้ได้หรือไม่ 

ถ้ายอมรับไม่ได้ ก็ต้องหันหน้าสู้ ตั้งขบวนกันใหม่ ให้เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แน่นอนแนวทางเพื่อไทย ร่วมถึง นปช ไม่มีการแสดงออกสิ่งใดๆ ที่จะรุกขึ้นสู้ อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ถ้าเราจะพิจาณาในเหตุการณ์เฉพาะหน้า มวลชนที่ยังมีไฟ ใฝ่ฝันถึงสังคมที่ดีงาม ควรจะต้องกระทำการบางสิ่งบางอย่างเพื่อเป้าหมายสองทาง คือ หนึ่ง กดดันเพื่อไทย และ นปช ให้เดินหน้า และสอง สร้างพลังประชาธิปไตยที่ก้าวหน้า

หากจะให้บรรลุผลตามที่ว่า จะต้องมีความพยายาม หาทางร่วมมือกันในหมู่องค์กรประชาธิปไตยต่างๆ ให้จงได้ ไม่ว่าจะเป็น สหภาพแรงงานแดง องค์กรชุมชนเสื้อแดง องค์กรอิสระเสื้อแดง คณะนิติราษฎร์ สมัชชาปกป้องประชาธิปไตย รวมถึงปัญญาชนประชาธิปไตยอื่นๆ เพื่อสร้างความร่วมมือ หายุทธศาสตร์ร่วมกัน 

แน่นอน สิ่งที่พูด สิ่งที่คิด ณ เวลานี้ ดูจะเป็นเรื่องยากมาก หลายองค์กร หลายหน่วยประชาธิปไตย ล้วนมีประเด็น มียุทธศาสตร์ของตนเอง มีความเหมือน มีความต่าง ที่ยากเหลือเกินที่จะรวมกันได้เป็นปึกแผ่น ในเร็ววัน แต่ก็คาดหวังว่า แต่ละกลุ่มแต่ละองค์กร จะบรรจุแนวทางการสร้างขบวนประชาธิปไตยใหม่เอาไว้ ในนโยบายของของกลุ่มตน เพื่อเป็นแนวทางเมื่อสถานการณ์เอื้ออำนวย อย่างน้อยๆ ก็จะช่วยให้เราได้ลองผิดลองถูก ในการแสวงหาแนวร่วมได้ในอนาคต 

ถ้าขบวนการประชาธิปไตยใหม่ ก่อรูป และเติบใหญ่ได้ ก็เท่ากับเป็นการกดดันพรรคเพื่อไทย และ นปช ให้เดินหน้าสู้มากขึ้น ขยายแนวร่วมมากขึ้น เพื่อจะไม่ให้เสียคะแนนนิยมทางการเมือง  

ฉะนั้น การสร้างขบวนการประชาธิปไตยใหม่ จึงมิใช่ให้เกิดความแตกแยกในหมู่ผู้รักประชาธิปไตยด้วยกัน แต่กลับเป็นแนวทาง ผลักดันขบวนการต่างๆ ให้ช่วยกันแสวงหา แนวทางใหม่ๆ ยุทธศาสตร์ใหม่ๆ ในการต่อสู้ให้ได้มาซึ่งประชาธิปไตยที่สมบูรณ์

(ที่มา)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น