"โฉมหน้าศักดินาไทย" ของจิตรภูมิศักดิ์
โดย ใจ
อึ๊งภากรณ์
หนังสือ
"โฉมหน้าศักดินาไทย" ของจิตรภูมิศักดิ์
เป็นหนังสือเล่มหนึ่งที่ปลุกใจการต่อสู้ของคนหนุ่มสาวในยุคหลัง ๑๔ ตุลา
เพราะเป็นหนังสือที่กล้าประณามความป่าเถื่อน การกดขี่ และความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย
โดยที่ไม่ติดกรอบนิยายรักผู้นำชั้นสูงของชนชั้นปกครอง
นอกจากนี้หนังสือเล่มนี้เป็นความพยายามของจิตรที่จะวิเคราะห์ประวัติศาสตร์สังคมไทยอย่างเป็นระบบจากมุมมองของผู้ถูกกดขี่ขูดรีด
ก่อนหน้านั้นหนังสือประวัติศาสตร์ไทยส่วนใหญ่เป็นแนวของชนชั้นปกครอง
ในขณะที่ฝ่ายซ้ายไทย ไม่ว่าจะเป็นผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย
หรือปัญญาชนไม่สังกัดพรรค อย่างเช่น สุภา ศิริมานนท์ สมัคร บุราวาศ
หรือกุหลาบ สายประดิษฐ์
ยังไม่ได้มีการวิเคราะห์ประวัติศาสตร์ไทยจากมุมมองมาร์คซิสต์แต่อย่างใด
ดังนั้นงานของจิตรชิ้นนี้และชิ้นอื่นๆ ที่เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ภูมิภาคนี้เป็นงานบุกเบิกที่สำคัญอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม เราต้องกล้าฟันธงไปว่า
ด้วยเหตุที่จิตรมีข้อจำกัดหลายประการ หนังสือ "โฉมหน้าศักดินาไทย"
เป็นหนังสือที่วิเคราะห์ระบบศักดินาไทยอย่างผิดพลาด
และไม่สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาความเข้าใจของเราในยุคนี้ได
จิตร ภูมิศักดิ์ วิเคราะห์ระบบศักดินาไทย หรือระบบก่อนทุนนิยมในไทย ว่าเป็นระบบ "อำนาจในการครอบครองที่ดินอันเป็นปัจจัยการผลิต" จิตรมองว่าระบบศักดินาเริ่มจากระบบกระจายอำนาจทางการเมืองและลงเอยด้วยการรวบอำนาจ โดยที่พระเจ้าแผ่นดินกลายเป็นเจ้าของที่ดินทั้งปวงและปกครองในลักษณะ "สมบูรณาญาสิทธิราชย์"
ในความเป็นจริง ระบบศักดินาไทยเป็นระบบที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินเลย เพราะการครอบครองที่ดินไม่มีความหมายสำหรับการควบคุมปัจจัยการผลิต ในเมื่อเมืองสยามมีที่ดินล้นฟ้า ถ้าดูตัวเลขความหนาแน่นของประชากรแล้วจะเข้าใจ เพราะในค.ศ. 1904 คาดว่ามีประชาชนแค่ 11 คนต่อ 1 ตารางกิโลเมตรในไทย ซึ่งเทียบกับ 73 คนในอินเดีย และ 21 คนในอินโดนีเซีย การเกณฑ์แรงงานบังคับในลักษณะทาสและไพร่และการทำสงครามเพื่อกวาดต้อนเชลยศึก จึงเป็นวิธีการหลักในการควบคุมปัจจัยการผลิตแทนการถือครองที่ดิน นอกจากนี้กฏหมายเกี่ยวกับการครอบครองกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่เคยมีในสมัยศักดินา และรัชกาลที่ ๕ ต้องร่างกฏหมายนี้ขึ้นมาเป็นครั้งแรกเมื่อยกเลิกระบบไพร่และระบบทาส ดังนั้นการที่พระเจ้าแผ่นดินประกาศว่าตนเป็นเจ้าของที่ดินทั้งหมดในยุคศักดินาไม่มีความหมายมากนัก เพราะไม่สามารถใช้การครอบครองที่ดินเพื่อสร้างผลประโยชน์ได้ เช่นขายให้คนอื่น หรือกู้เงินโดยเอาที่ดินเป็นหลักประกัน และยศศักดิ์ในระบบศักดินา ที่กำหนดขั้นของบุคคลในสังคมตามการถือครองที่ดิน น่าจะไม่มีความหมายที่เกี่ยวกับที่ดินโดยตรง เพราะแม้แต่ขอทานและทาสก็มียศที่ดิน ๕ ไร่ตามยศศักดิ์ และคนที่มีที่ดิน ๕ ไร่ ไม่น่าจะเป็นขอทานหรือทาส
ระบบศักดินาไม่ใช่ระบบเดียวกับระบบฟิวเดอล และไม่ใช่ระบบเดียวกับระบบทาสของยุโรปด้วย แต่เป็นระบบก่อนทุนนิยมในสังคมส่วนหนึ่งของเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ สาระสำคัญคือมีการปกครองแบบกระจายอำนาจ มีการควบคุมแรงงานบังคับ และมีการใช้ทาส นอกจากนี้ศักดินาไม่ใช่ระบบเดียวกับสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เพราะระบบสมบูรณาญาสิทธิราชย์เกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่๕ และเป็นระบบการปกครองรวมศูนย์ภายในกรอบรัฐชาติ ที่ใช้แรงงานรับจ้าง เพื่อตอบสนองการสะสมทุน พูดง่ายๆ สมบูรณาญาสิทธิราชย์เป็นรูปแบบรัฐทุนนิยมรูปแบบแรกของไทย
รากฐานของปัญหาในการวิเคราะห์ระบบศักดินาของจิตรคือ เขานำขั้นตอนทางประวัติศาสตร์ก่อนทุนนิยมที่ มาร์คซ์ เคยเสนอสำหรับยุโรปตะวันตก มาสวมกระบวนการประวัติศาสตร์ของไทยในลักษณะกฏเหล็กอย่างกลไก ดังนั้นสำหรับจิตร ระบบศักดินาคือระบบเดียวกันกับระบบฟิวเดอลในยุโรป และเป็นระบบที่วิวัฒนาการมาจาก "ยุคทาส" แต่ มาร์คซ์ ไม่เคยเสนอเลยว่าขั้นตอนของประวัติศาสตร์ก่อนทุนนิยมจะเหมือนกันทั่วโลก เพราะระบบทุนนิยมเป็นระบบแรกที่มีการสร้างมาตรฐานร่วมแบบโลกาภิวัฒน์ คือเป็นระบบแรกในประวัติศาสตร์มนุษย์ที่ทำให้ทุกส่วนของโลกคล้ายคลึงกันไปหมดในด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม
การต่อสู้กับปัญหาความกลไกในแนวคิดของฝ่ายซ้ายไทย ผูกพันอย่างใกล้ชิดกับอิทธิพลของแนวความคิดสตาลิน-เหมา ถ้าเราไม่วิเคราะห์แนวสตาลิน-เหมาและอิทธิพลของมันผ่าน พ.ค.ท. เราจะไม่สามารถเข้าใจได้ว่าทำไมนักสู้ผู้กล้าหาญอย่างจิตร ภูมิศักดิ์ ที่พยายามวิเคราะห์สังคมไทยเพื่อเปลี่ยนแปลงให้ดีขึ้น สามารถตกหลุมของความกลไกได้
จิตร ภูมิศักดิ์ เป็นปัญญาชนไทยที่เรียกได้ว่า “ล้ำหน้า” ในยุคสมัยของเขา เพราะเขาเสนอสิ่งที่แตกต่างห่างไกลจากความคิดของคนส่วนใหญ่ในขณะนั้น เขากลายเป็นแกะดำของชาวจุฬาฯ เขาต้านระบบ SOTUS ตั้ง คำถามกับศาสนาพุทธและความชอบธรรมของชนชั้นสูง จนถูกจับโยนบก แต่เขาก็มิได้สะทกสะท้าน จิตใจของจิตรภูมิศักดิ์จึงน่าเอาเป็นเยี่ยงอย่างในความกล้าหาญในความเสียสละ และความแน่วแน่ จิตรหล่อหลอมตัวเองในสงครามประชาชน ผลงานของจิตรมีอยู่หลายหลากในต่างแขนงทั้งการเมือง ศาสนา วรรณคดีและศิลปะ ไม่น่าเชื่อว่าในชั่วชีวิตคนคนหนึ่งที่เสียชีวิตก่อนวัยจะมีงานเขียนที่ผลิต ขึ้นมาได้มากมายและมากด้วยคุณค่าเช่นนี้ เมื่อเราให้ความเคารพต่อ จิตร ภูมิศักดิ์ นักปฎิวัติที่ศรัทธาต่อพรรคที่เขาเชื่อว่าเป็นลัทธิมาร์คซ์ในขณะนั้น เราก็ควรจะใช้มุมมองลัทธิมาร์คซ์มาวิเคราะห์งานของเขา
(ที่มา)
http://turnleftthai.blogspot.dk/2014/05/blog-post.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น