หน้าเว็บ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2557

อย่ามาพูดว่า นปช. สู้ไม่ได้ ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น

อย่ามาพูดว่า นปช. สู้ไม่ได้ ข้ออ้างนี้ฟังไม่ขึ้น


2013_01_02_clenched_fist_1 
โดย ใจ อึ๊งภากรณ์
 
มีหลายคนพูดว่า แกนนำ นปช. ไม่สามารถนำการต่อสู้กับเผด็จการในช่วงนี้ได้ ดังนั้นเราจึงต้องไปฝากความหวังกับ “เสรีไทย” ภายนอกประเทศ เพื่อให้ไปล็อบบี้องค์กรหรือรัฐบาลต่างประเทศ

แต่ถ้าเราจะล้มเผด็จการ การเคลื่อนไหวภายในประเทศเป็นเรื่องชี้ขาด

นี่คือบทเรียนจากประเทศไทย และนานาประเทศในเอเชีย และลาตินอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย เกาหลีใต้ หรือ อาเจนทีนา และการล้มเผด็จการในไทยยุค ๑๔ ตุลา หรือพฤษภา๓๕ ล้วนแต่มาจากการเคลื่อนไหวต่อสู้ภายในประเทศ การกดดันอำมาตย์ไทยให้เริ่มเปิดเสรีหลัง ๖ ตุลา ก็มาจากการต่อสู้ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ทั้งๆ ที่การต่อสู้นี้จบลงด้วยการล่มสลายของพรรค

สหรัฐอเมริกา หรือ อียู อาจแสดงจุดยืนต้านเผด็จการไทย แต่ในรูปธรรมเขาจะไม่ทำอะไรมาก และเรื่องที่สำคัญสำหรับรัฐบาลเหล่านั้นคือผลประโยชน์ระหว่างประเทศ เวลาเขาคิดถึงไทย การคานอำนาจจีนเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นรัฐบาลตะวันตกคงจะไม่ไล่รัฐบาลไทยไปกอดคอกับจีนฝ่ายเดียว คงพยายามรักษาความสัมพันธ์กับไทยทั้งๆ ที่เป็นเผด็จการ ยิ่งกว่านั้นรัฐบาลเหล่านี้ก็มีประวัติในการผูกมิตรกับเผด็จการทั่วโลกอยู่ แล้ว เช่นเผด็จการซุฮาร์โต้ในอินโดนีเซีย หรือซาอุ ส่วนสหประชาชาตินั้น ก็เป็นแค่เครื่องมือของมหาอำนาจ แถมเป็นเครื่องมือที่ไร้ประสิทธิภาพอีกด้วย

การล็อบบี้ต้านเผด็จการภายนอกประเทศไทยมีประโยชน์ในการชูประเด็น แต่เรื่องหลักคือเราจะสู้ภายในประเทศไทยอย่างไร

ในอดีตนักประชาธิปไตยไทยก็สู้กับเผด็จการโหดร้ายป่าเถื่อนกว่าเผด็จการ ยุคนี้ เขาใช้วิธีใต้ดิน มีการจัดตั้งลับ มีการเคลื่อนไหวในรูปแบบต่างๆ เมื่อมีโอกาส และมีการจับอาวุธ แต่การจับอาวุธไม่มีประโยชน์กับเราในวันนี้ เพราะฝ่ายตรงข้ามมีอาวุธเหนือเรา และจะทำให้เราเสียการเมือง เสียความชอบธรรม มันเป็นอุปสรรค์ต่อการหามวลชนคนธรรมดามาร่วมกับเรา ดังนั้นเราต้องเน้นการเมืองมวลชน

ในอดีตนักศึกษาและกรรมกรก็มีการประท้วง มีการติดโปสเตอร์ มีการประชุมทางการเมืองใต้ดิน มีการแจกจ่ายสื่อ ถ้าฝ่ายเผด็จการคุมหนัก อาจเคลื่อนไหวในประเด็นที่ไม่พุ่งตรงไปที่เผด็จการ เช่นเรื่องค่าจ้างแรงงาน สิทธิสตรี การต่อต้านระบบรับน้อง หรือแม้แต่เรื่องสิ่งแวดล้อม

และในปัจจุบันเราก็เห็นนักศึกษาที่เคลื่อนไหวแบบนี้ เพื่อต่อต้านเผด็จการ คสช. และสมุนรับใช้ทหารที่คุมมหาวิทยาลัยอยู่


ถ้านักศึกษาแอบทำการเคลื่อนไหวติดโปสเตอร์และเรื่องอื่นๆ ได้ ลองคิดดูสิว่าถ้าเสื้อแดงทั่วประเทศแอบทำสิ่งเล็กๆ น้อยๆ เป็นประจำ อย่างต่อเนื่อง มันจะมีผลอย่างไร

การเคลื่อนไหวเล็กๆ น้อยๆ ในพื้นที่ต่างๆ เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เราสร้างองค์กรและเครือข่ายต้านเผด็จการ มันเป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนทางการเมืองด้วย ขบวนการไหนหยุดนิ่ง ขบวนการนั้นจะตาย
การต่อสู้กับเผด็จการไทย ไม่ง่าย เสี่ยงแน่นอน และต้องใช้ปัญญาวิเคราะห์ยุทธวิธีเสมอ  แต่อย่ามาพูดเลยว่าทำไม่ได้ นั้นคือข้ออ้างของคนที่อยากยอมจำนน

แล้วแกนนำ นปช. ละ? นปช. มีหน้าที่ ที่จะนำการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย การทิ้งการต่อสู้กลางคัน และนิ่งเฉย เป็นการละทิ้งหน้าที่ที่มีต่อประชาชน มันเป็นการไม่รับผิดชอบทางการเมือง เพราะสร้างองค์กร แล้วนำการต่อสู้ที่มีการเสียเลือดเนื้อเพราะฝ่ายตรงข้ามป่าเถื่อน แล้วอยู่ดีๆ ก็ยอมแพ้เงียบไป

แน่นอนแกนนำบางคนเคลื่อนไหวไม่ได้ ทหารติดตามตลอด และเขาอาจมีภาระทางครอบครัว ไม่มีใครว่าตรงนี้ บางคนคงจะต้องถอนตัวออกจากการต่อสู้เป็นธรรมดา แต่มันต้องมีบางส่วนของแกนนำที่ควรจะอาสาออกจากประเทศไทย เพื่อนำการต่อสู้จากภายนอก และประสานการจัดตั้งเคลื่อนไหวภายในไทย โดยติดต่อกับคนภายในประเทศอย่างเป็นระบบ พคท. เคยทำในอดีต และคนอย่างหมอเหวงและอ.ธิดาคงทราบดี เพราะเคยอยู่กับ พคท. ดังนั้นไม่มีข้ออ้างในการไม่ทำอะไร ไม่มีข้ออ้างในการไม่สอนคนรุ่นใหม่

แต่แกนนำ นปช. ไม่ยอมนำ เพราะทักษิณและยิ่งลักษณ์บอกให้รอ ให้นิ่ง สาเหตุหลักคือทักษิณกลัวการปลุกระดมมวลชน ว่าจะนำไปสู่การโค่นอำมาตย์แบบถอนรากถอนโคน ซึ่งในที่สุดนักการเมืองนายทุนแบบทักษิณจะไม่มีที่ยืน ทักษิณอยากประนีประนอมกับทหารมากกว่า เพื่อปกป้องผลประโยชน์ตนเอง

มันไม่ใช่ว่าแกนนำ นปช. นิ่งเฉยเพราะไม่อยากให้คนตายเพิ่ม หรือกลัวถูกวิจารณ์ว่าจะ “พาคนไปตาย” ซึ่งเป็นคำวิจารณ์แย่ๆ อยู่แล้ว สาเหตุจริงที่ นปช. หยุดการเคลื่อนไหว ก็เพราะไปฟังทักษิณ

ในความเป็นจริงการเคลื่อนไหวต้านเผด็จการ สามารถทำแบบ “ฉลาดๆ” ได้ มันมีหลายรูปแบบที่จะใช้ในการต่อสู้ ทั้งใต้ดินและเปิดเผย และการจัดตั้งเครือข่ายพร้อมกับการพัฒนากลุ่มศึกษาทางการเมืองก็มีความสำคัญ

สำหรับองค์กร “เสรีไทย” ถ้าองค์กรนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการจัดตั้งและเคลื่อนไหวลับภายในประเทศไทย และเน้นแต่การล็อบบี้รัฐบาลต่างประเทศ เสรีไทยจะหมดความสำคัญภายในไม่นาน

ถ้าเราสรุปว่า นปช. จะไม่นำการต่อสู้ คนที่อยากต่อสู้ภายในประเทศไทยต้องจัดตั้งกันเอง นำกันเอง และขยายกิจกรรมต่างๆ แทน นปช. และเสรีไทย แต่ถ้าจะมีประสิทธิภาพต้องรวมเป็นกลุ่มเป็นก้อนอย่างที่ พคท. เคยทำ ในขณะเดียวกันต้องมีประชาธิปไตยภายในองค์กร และเน้นมวลชนแทนการจับอาวุธ ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงข้อผิดพลาดของ พคท.

อย่าหลอกกันเองเลยว่าเผด็จการประยุทธ์จะถอนตัวเองจากการเมืองในไม่ช้า แล้วเปิดให้มีประชาธิปไตย เพราะมันกำลังออกแบบระบบเผด็จการที่จะอยู่นาน

ตกลงเราจะอยู่อย่างเป็นทาส หรือจะยืนขึ้นต่อสู้?

(ที่มา)
http://turnleftthai.wordpress.com/2014/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น