หน้าเว็บ

วันพฤหัสบดีที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ห้องเรียนปชต. อ.ยิ้ม อ.หวาน 31พค55

ห้องเรียนปชต. อ.ยิ้ม อ.หวาน 31พค55 

 

 

(คลิกฟัง)

http://www.youtube.com/watch?v=QCW9PRh6oOw&feature=player_embedded#!

  

จิตร ภูมิศักดิ์-อินเตอร์เนชั่นแนล

http://www.youtube.com/watch?v=2Q45Uz6hVOE

แองเตอร์นาซิอองนาล

http://www.youtube.com/watch?v=3Z9hdmipvZk&feature=related 

 

Divas Cafe

Divas Cafe 

 

 

divas cafe รังสิมา ขอ Chair ด้วยคน !! 31 5 2012

(คลิกฟัง) 

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=ILWfrm2Srf8#!


ก้าวต่อไปของครก 112 พรบ ปรองดอง Divas Cafe 30พค55

 


(คลิกฟัง)

http://www.youtube.com/watch?v=bP3tYcaKKcI&feature=related

'กูเกิล' หวั่น พ.ร.บ.คอมฯ คุกคามเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตไทย

'กูเกิล' หวั่น พ.ร.บ.คอมฯ คุกคามเศรษฐกิจอินเทอร์เน็ตไทย

 


 

 

กูเกิล โดย รอส ลาเจอร์เนส หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ออกแถลงการณ์แสดงความกังวลถึงทิศทางการพัฒนาเศรษฐกิจไทยจากกรณีที่ได้มีการ บังคับใช้กฏหมาย พรบ.คอมฯ ต่อ ผอ.ประชาไท ว่าอาจยับยั้งการเกิดของนวัตกรรมและตัดโอกาสการลงทุนในประเทศได้
รายละเอียดมีดังนี้ ...

รอส ลาเจอร์เนส
หัวหน้าฝ่ายนโยบายสาธารณะ ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก
ที่มา: http://googlethailand.blogspot.com/2012/05/threat-to-potential-of-thailands.html


ธุรกิจนับล้านไม่ว่าจะขนาดเล็ก กลางหรือขนาดใหญ่ทั่วประเทศไทยเติบโต เจริญรุ่งเรืองและมีความหวังจากการทำให้ธุรกิจออนไลน์ เรื่องราวความสำเร็จจากอินเตอร์เน็ตของประเทศไทยที่ผมได้พบเห็นเป็นการ บันดาลใจอย่างแท้จริง - จากนักตกแต่งบ้านที่ใช้เว็บไซต์ฟื้นฟูธุรกิจที่เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วม ไปจนถึงผู้ผลิตชุดกีฬาและอุปกรณ์กีฬามวยไทยที่สร้างปรากฎการณ์เผยแพร่วัฒนธรรมที่โดดเด่นของไทยไปสู่ตลาดโลกได้อย่างงดงาม

มีเรื่องราวดีๆ อีกมากมายของคนไทยและธุรกิจไทยที่ประสบความสำเร็จจาก โลกออนไลน์ในลักษณะนี้ ซึ่งนี่เป็นแค่ตัวอย่างเพียงหยิบมือของศักยภาพที่มีอยู่ในประเทศไทย แต่น่าเสียดายที่อนาคตของอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยกำลังมีการคุกคามอย่างร้ายแรงอันหนึ่งเกิดขึ้น

วันนี้มีการประกาศคำพิพากษาของคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นในศาลไทยที่กำลังวิ่งสวนทางกับความน่าตื่นเต้นของประเทศและบทบาทที่สำคัญที่ จะนำมาซึ่งเสรีภาพ การเปิดกว้างและความรุ่มรวยของอินเตอร์เน็ตมาสู่ชีวิต เรื่องย่อๆ ของกรณีนี้คือการที่ผู้หญิงไทยคนหนึ่งที่เปิดเว็บไซต์ถูกตัดสินจำคุกเป็นเวลา 8 เดือน โดยให้รอลงอาญาเป็นเวลา 1 ปี ด้วย ข้อหา มีเจตนาจงใจสนับสนุนหรือยินยอมให้มีข้อความที่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญาที่มีผู้โพสต์ไว้ ปรากฏอยู่ในเว็บไซต์ ซึ่งเธอได้ลบข้อความนั้นออกหลังจากที่เธอรับรู้ การตัดสินจำคุกเธอจากสิ่งที่เธอไม่เคยเขียนส่งสาส์นถึงผู้ประกอบการและนัก ธุรกิจชั้นนำที่ทำธุรกิจบริการอินเตอร์เน็ตแพลต์ฟอร์มในประเทศไทยว่าพวกเขา อาจหรือถูกลงโทษอย่างรุนแรงจากการกระทำของผู้ใช้

การตัดสินครั้งนี้เป็นแบบอย่างที่น่ากังวลอย่างมากเพราะว่าอินเตอร์เน็ตแพ ลตฟอร์มหรือที่อ้างถึงบ่อยๆ ว่า “ตัวกลาง” เป็นเครื่องมือและเว็บไซต์ที่พวกเราหลายๆ คนใช้อยู่ทุกวันเพื่อเชื่อมโยงกับเพื่อนฝูง ครอบครัว และลูกค้าทั่วโลก เช่น เครือข่ายสังคม ตลาดออนไลน์และเว็บสนทนาต่างๆ เหล่านี้เป็นฐานรากของเว็บทั้งสิ้น

ลองจินตนาการดูว่าหากพรุ่งนี้บริการออนไลน์ทั้งหลายที่คุณใช้อยู่ปิดลง เพราะว่าเจ้าของบริการเหล่านั้นเกรงการถูกจำคุกเพราะเห็นความเสี่ยงที่มี มากกว่าสิ่งที่จะได้กลับมา เราไม่เพียงแต่จะเสียบริการที่เราชอบหรือต้องใช้งาน เราอาจต้องเสียความสามารถที่จะมีส่วนร่วมกับบทสนทนากับคนทั่วโลก และนั่นเป็นหัวใจและวิญญาณของอินเตอร์เน็ต เชื่อมโยงกับคนทั้งโลก สร้างสรรค์นวัตกรมและรับประสบการณ์จากโอกาสที่มีอยู่ในหลายๆ ประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจดิจิตอลประกอบอยู่อย่างแนบแน่น


(อ่านต่อ) http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40767

สาส์นจาก “ซูจี”-“เต็งเส่ง”ถึงแรงงานพม่า จุดเปลี่ยนวงการแรงงานไทย

สาส์นจาก “ซูจี”-“เต็งเส่ง”ถึงแรงงานพม่า จุดเปลี่ยนวงการแรงงานไทย

 



 

"เมซู่ เมซู่ !! จานมาปาเซ!!"


 เสียงตะโกนโห่ร้องอวยพรอย่างต่อเนื่องของกลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวพม่าหลายพันคน ซึ่งสามารถแปลเป็นภาษาไทยได้ว่า "ขอให้แม่อองซาน ซูจีของเรามีสุขภาพแข็งแรง" ดังกึกก้องไปทั่วตลาดกุ้งกลางจังหวัดสมุทรสาครเมื่อวันก่อน หลังจากที่นางซูจีเดินทางมาเยี่ยมแรงงานพม่าที่ อ.มหาชัย ท่ามกลางฝูงชนชาวพม่าหลายพันคนที่ทนยืนฝ่าแดดร้อนเพื่อรอคอยการมาถึงของซูจีอย่างใจจดใจจ่อ บางคนถือป้ายเขียนเป็นภาษาพม่าว่ายินดีต้อนรับ บางคนถือดอกไม้  ถือธงชาติพม่า หรือถือรูปของซูจี และนายพลอองซาน บิดาผู้ล่วงลับของซูจี ภาพเหล่านี้สะท้อนถึงความศรัทธาที่ผู้ใช้แรงงานชาวพม่าในไทยมีต่อตัวอองซาน ซูจี ผู้นำพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย (เอ็นแอลดี)ของพม่า 
 

การมาเยือนไทยในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวย่างแรกของซูจีที่เดินทางออกนอกประเทศพม่า หลังจากที่ถูกรัฐบาลทหารพม่ากักบริเวณอยู่ภายในบ้านเป็นเวลานาน เป็นการออกนอกประเทศครั้งแรกในรอบ 24 ปี การเดินทางเยือนมหาชัยของเธอ มีจุดมุ่งหมายคือการมาดูวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของแรงงานพม่าในไทย  โดยแรงงานพม่าหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พวกเขามีความปลาบปลื้มและดีใจที่อองซาน ซูจีมาเยี่ยม เพราะซูจีเปรียบเสมือน "วีรสตรีของชาวพม่า" เป็น "มารดาแห่งประชาธิปไตยในลุ่มน้ำอิระวดี"

สิ่งที่น่าจับตาคือ คำพูดของซูจีในการกล่าวทักทายกลุ่มผู้ใช้แรงงานชาวพม่าที่ศูนย์การเรียนรู้แรงงานข้ามชาติ ในจ.สมุทรสาคร ซูจี กล่าวว่า “หากวันใดที่ประเทศพม่าเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ก็อยากให้ชาวพม่าทุกคนกลับไปทำงานเพื่อช่วยกันพัฒนาประเทศ เพราะไม่มีที่ไหนสุขใจเท่ากับที่บ้านของเรา”



(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338452739&grpid=&catid=02&subcatid=0207

มาตรฐานสากล และปัญหา กม.หมิ่นฯ ม.112

มาตรฐานสากล และปัญหา กม.หมิ่นฯ ม.112

 



หมายเหตุ

บทความของ"ชาญวิทย์ เกษตรศิริ" อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ข้าราชการบำนาญ  แสดงทัศนะเรื่องปัญหา กม.หมิ่นฯ ม.112 "มติชน"ฉบับวันที่ 1มิถุนายนนำมาเรียบเรียงในประเด็นน่าสนใจดังนี้

------------------------------
จากการศึกษาและจากการสอน "วิชาประวัติศาสตร์การเมืองสยาม/ไทย" มาเป็นเวลานานปีผมได้พบว่าขณะนี้สังคมและประชาชนไทยของเราเผชิญต่อปัญหาที่ท้าทายอย่างยิ่ง คล้ายๆ กับที่ได้เผชิญมาแล้วเมื่อ พ.ศ.2475 (1932) คือเมื่อ 80 ปีที่แล้วในเรื่องของ "รัฐธรรมนูญ" ที่ถ้ามองจากเหรียญด้านหัวของ "คณะเจ้า" ก็กล่าวกันว่า "คณะราษฎร" ใจร้อน ชิงสุกก่อนห้าม แต่ถ้ามองจากเหรียญด้านก้อยของ "คณะราษฎร" ก็เชื่อกันว่าความล่าช้า อืดอาด ทำให้เกิด"ความจำเป็นทางประวัติศาสตร์" ที่จะต้องมี "การปฏิวัติประชาธิปไตย 24 มิถุนายน 2475" เพื่อเปลี่ยน "ระบอบราชาธิปไตย" ให้เป็น "ระบอบประชาธิปไตย"


ปัญหาที่สังคมและประชาชนไทย เผชิญอยู่ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน ก็คือ เราจะสามารถปฏิรูป และแก้ไข "กฎหมายหมิ่นฯ มาตรา 112" ได้ช้า หรือได้เร็ว และจะทันท่วงทีกับสถานการณ์ของการเมืองภายในของเราเอง กับสถานการณ์ของการเมืองระหว่างประเทศหรือไม่ นี่คือปัญหาของ "เหรียญสองด้าน" ที่เราต้องชั่งน้ำหนัก ระหว่างด้านหัว กับด้านก้อย ระหว่าง "กลุ่มอำนาจเดิม-พลังเดิม" กับ "กลุ่มอำนาจใหม่-พลังใหม่"


2.จากการศึกษาของผม พบว่ามีข้อมูลใหม่ๆ เกี่ยวกับปัญหา กม.หมิ่นฯ ม.112 ปรากฏอยู่ในหนังสือเล่มใหม่ที่ ฯพณฯ อานันท์ ปันยารชุน เป็นประธานรวบรวมและจัดพิมพ์ ในโอกาส 84 พรรษา ชื่อเรื่อง King BhumibolAdulyadej: A Life′s Work หนา 383 หน้าราคา 1,235 บาท หรือ 40US$ มีนักเขียนที่มีชื่อเสียงด้านวิชาการ เช่น คริสเบเกอร์-พอพันธ์ อุยยานนท์-เดวิด สเตร็กฟุส ร่วมด้วยในหนังสือสือเล่มนี้บทที่ว่าด้วย "กฎหมายหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้าย..." หน้า 303-313 (The Law of Lese Majeste) มีข้อความถอดเป็นภาษาไทยได้ดังนี้


"จากปี พ.ศ.2536 (1993) ถึงปี พ.ศ.2547 (2004) เป็นเวลาถึง 11 ปี โดยเฉลี่ยแล้วจำนวนคดีหมิ่นใหม่ๆ ลดลงครึ่งหนึ่ง และก็ไม่มีคดีหมิ่นเลย ในปี 2545 (2002).
..
 

(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338443628&grpid=03&catid=02&subcatid=0207

The Daily Dose

The Daily Dose

 

 

The Daily Dose 31พค55


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=PBdGql4QqE0

The Daily Dose 30พค55


(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?v=cqBuTLjkfOg&feature=player_embedded

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 

 

Wake Up Thailand 31พค55

(คลิกฟัง)












ทำไม "สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล" ถึงเศร้ากับการ "ชนช้าง" ของพลัง2ฝ่าย ในศึกพ.ร.บ.ปรองดอง?

 

 

นายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ได้แสดงความเห็นล่าสุด เกี่ยวกับสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เกิดขึ้นจากการพยายามเสนอร่างพ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า

ขอย้ำว่า ประเด็นใหญ่จริงๆ ตอนนี้ อยู่ตรงนี้แหละ ระหว่าง การเอาทักษิณกลับบ้าน (ผ่าน พ.ร.บ.ปรองดอง) vs การบล็อกทักษิณกลับบ้าน ของ พธม.-ปชป.

สำหรับผมเองนะ สิ่งที่น่าเศร้าคือ ในการ "ชนช้าง" (gigantic clash) ระหว่างพลัง 2 ฝ่าย ที่รวมศูนย์ที่เรืองนี้ ชะตากรรม-อิสรภาพของคนตัวเล็กตัวน้อย กลายเป็นอะไรที่ถูก "พ่วง" เป็นเพียง "ผลพลอยได้" (byproducts) หรือ "ผลพลอยเสีย" (collateral damages) ไป

ต่อมา นายสมศักดิ์ได้แสดงทัศนะเพิ่มเติมอีกว่า
 
อันนี้ ใครอ่านผมประจำก็คงพอรู้ๆกันนะ แต่ผมอยากบอกตรงๆว่า

ผมไม่ค่อย กระตือรือล้น (enthusiastic) นักหรอก ไอเดียเรื่อง เอาทักษิณกลับบ้านให้ได้ภายในปีนี้ น่ะ

ผมว่า "ราคา" ที่ต้อง จ่าย ในสถานการณ์ที่เป็นอยู่ มันมากเกินไป

ตั้งแต่ว่า ต้อง "รีบหันกลับ 180 องศา" เรื่อง เปรม และเรื่องอะไรต่ออะไร ทำนองเดียวกัน


ไปจนถึงการทำให้เรื่องช่วยคนตัวเล็กตัวน้อยที่ติดคุก เรื่องกรณีการฆ่าคนกลางเมือง ฯลฯ ต้องกลายเป็น "ตัวประกัน" ที่พร้อมจะเสี่ยงหรือสละได้หมด

ความจริง ถ้าดีเลย์เรื่องเอาทักษิณกลับบ้านนี้ไป แล้วค่อยๆ ทำเรื่องอื่นๆ ก่อน โดยเฉพาะเรื่องช่วยคนธรรมดาๆ ให้ออกมา ให้เสร็จๆ ไป น่าจะดีกว่าเยอะ

"ราคา" ทั้งหลายที่รู้สึกว่าต้องจ่ายๆ ไป (แม้แต่เรื่องเปรม) ก็ไม่แน่ว่า จำเป็น
 
(ที่มา)

บก.ลายจุดชี้ขโมยเก้าอี้ประธานฯ-ปาแฟ้มเอกสาร เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ว่า...

บก.ลายจุดชี้ขโมยเก้าอี้ประธานฯ-ปาแฟ้มเอกสาร เป็นการแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่ว่า...

 




นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด "แกนนอน" ผู้ริเริ่มกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์หลายอย่างให้แก่กลุ่มคนเสื้อแดง ได้แสดงความเห็นต่อพฤติกรรมของ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ที่พยายามขัดขวางไม่ให้มีการนำร่าง พ.ร.บ.ปรองดอง เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร ในระหว่างวันที่ 30-31 พฤษภาคม ผ่านทางเพจเฟซบุ๊ก "บก.ลายจุด" มีเนื้อหาบางส่วน ดังนี้


"ลากเก้าอี้ประธานไปเก็บ บอกว่าเป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ โถ...รังสิมา"

"เป็นความเข้าใจถูกแล้วที่การขโมยเก้าอี้ประธานรัฐสภาและปาแฟ้มเอกสารใส่เป็นการแสดงออกทางสัญลักษณ์ เพียงแต่ว่ามันเป็นสัญลักษณ์_อย"

"ประชาธิปัตย์ใช้เวลา 2 วันทำลายพรรคตัวเองในสภาท่ามกลางสายตาของชาวโลก"

"ถ้าให้เทียบระหว่าง พธม. กับ ประชาธิปัตย์ในรอบ 2 วันนี้ ผมคิดว่า พธม. ดูดีกว่าประชาธิปัตย์มาก"

"ต้องแยกให้ออกระหว่าง สัญลักษณ์ กับ อัปลักษณ์"

 

(ที่มา)http://www.matichon.co.t/news_detail.php?newsid=1338480904&grpid=03&catid=01&subcatid=0100

บรรยากาศ พธม.ชุมนุม ยื่นสภาถอน 4 ร่างกฎหมายปรองดอง

บรรยากาศ พธม.ชุมนุม ยื่นสภาถอน 4 ร่างกฎหมายปรองดอง

 

 
 
 
"สนธิ" ประกาศลั่นจะสู้จนกว่าได้ชัยชนะ
 
30 พ.ค.55 เว็บไซต์คมชัดลึกรายงาน ว่า เมื่อเวลา 13.53 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) ได้ขึ้นเวทีปราศรัยระบุว่าจุดเริ่มต้นของพันธมิตรฯ เริ่มเมื่อ ก.พ.2549 มีการเคลื่อนขบวนจากสวนลุมพินีมายังลานพระบรมรูปทรงม้าแต่ระหว่างนั้นเจอพวก กุ๊ยรังแก จากประชาชนที่มาฟังความรู้ จึงแปรรูปมาเป็นมวลชนสู้แบบพันธมิตรครั้งแรก จากนั้น 6 ปีที่ผ่านมา พธม. ย้อนมาที่นี่อีกครั้ง ซึ่งรูปแบบจะไม่ยืดเยื้อเหมือนปี 2549 แต่บอกว่าไม่มีพลังใดจะชนะพลังศีลธรรมได้ นอกจากนี้ ตอนพ่อของตนได้ตั้งชื่อ สนธิ ก็ไม่เชื่อว่ามีอีกคนตั้งชื่อสนธิ เหมือนกัน "สนธิ" คนหนึ่งเป็นลูกเจ๊ก แต่อีกคนเป็นลูกแขก ซึ่งคนหนึ่งขายสมบัติเพื่อชาติ อีกคนกลับขายชาติเพื่อสมบัติ คนหนึ่งเติบโตมาเพื่อทำงานประจำ อีกคนเรียนโรงเรียนที่สาบานต่อธงชัยเฉลิมพล แต่สุดท้ายก็มาขายชาติ ใช่หรือไม่
 
นายสนธิ กล่าวว่า วันนี้มีข่าวลือว่า สนธิ รับเงิน จึงอยากรู้ว่า สนธิ ไหนกันแน่ การชุมนุมครั้งนี้จะทิ้งข้อบาดหมาง 1 ปี ที่ผ่านมาเพื่อจับมือเดินหน้าต่อไปสำหรับเวทีพันธมิตรฯ เท่านั้น ให้ทุกคนให้สัจจะว่าใครมาทำลายสถาบันได้เจอกันแน่ และเมื่อใดมีการออกกฎหมายให้พ้นผิดจะได้เจอกัน ซึ่งพันธมิตรจะไม่เคยถอยจากสองเรื่องนี้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกันภายหลังการตั้งรัฐบาล เมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้วจนถึงเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา พธม. ถูกถามว่าทำไมไม่ยอมออก แต่ตอนนี้ยืนยันได้ว่า พธม. คือทัพหลวง จะออกมาเมื่อมีการผิดสัจจะ จะสู้จนกว่าจะได้ชัยชนะ การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ได้เพื่อส่วนตัวแต่เพื่อความศักดิ์สิทธิ์ของแผ่นดิน

 

(อ่านต่อ)http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40769

พ.ร.บ.ปรองดอง ทำสภาลุกเป็นไฟ ประท้วงวุ่น "ปชป."ชี้บรรจุวาระไม่ชอบ ตะโกนไล่"สมศักดิ์"ออกไป!!

พ.ร.บ.ปรองดอง ทำสภาลุกเป็นไฟ ประท้วงวุ่น "ปชป."ชี้บรรจุวาระไม่ชอบ ตะโกนไล่"สมศักดิ์"ออกไป!!




Posted Image

(คลิกอ่าน)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338369016&grpid=&catid=01&subcatid=0100

สส.ปชป ลุกฮือเข้าล้อมกรอบ ประธานสภา !!



Posted Image


เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand เจาะลึกประเด็นวุ่นวายในสภา "เหตุแย่งเก้าอี้ประธานสภา : เกมหรืออารมณ์พาไป" กับคุณรังสิมา ส.ส.สมุทรสงคราม พรรคประชาธิปัตย์

(คลิกอ่าน)
https://www.youtube.com/watch?v=RRFd-R-kHCc&feature=related

ความวุ่นวายในสภา 30 05 2555

(คลิกฟัง)http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=RNrMkHZ9RVo 


ดึง'สมศักดิ์'ลงจากบัลลังก์

ในช่วงเวลา 18.09 น. ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้เกิดเหตุการณ์ปั่นป่วนขึ้น เมื่อส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ไม่พอใจการทำหน้าที่ของนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรที่เร่งรัดการลงมติ โดยนายอภิชาติ สุภาแพ่ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นไปดึงเก้าอี้ประธานสภาฯ เพื่อให้ลงจากเก้าอี้ ทำให้ส.ส. ที่กำลังประชุมอยู่ต่างพากันกรูเข้าล้อมประธานสภาฯ พร้อมตะโกนด่าทอ ทำให้บรรยากาศในการประชุมตึงเครียด และต้องพักการประชุมไปชั่วครู่ และเรียกร้องให้มีการพักการประชุม

(คลิกฟัง)http://www.youtube.com/watch?v=bIbQ9v7q6jY&feature=player_embedded

 

ส.ส.หญิง แย่งเก้าอี้ประธานสภาฯ

(คลิกดู)https://www.youtube.com/watch?v=hBIbWWdjd-g&feature=related

วันพุธที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ศาลตัดสิน “ผอ.ประชาไท” ผิดคดีตัวกลาง สั่งจำคุกแต่ให้รอลงอาญา

ศาลตัดสิน “ผอ.ประชาไท” ผิดคดีตัวกลาง สั่งจำคุกแต่ให้รอลงอาญา

 

 

 

วันนี้ (30 พ.ค.55) เมื่อเวลา 10.50 น.ที่ศาลอาญารัชดา ห้องพิจารณาคดีที่ 704 ศาลพิพากษาคดี จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ออนไลน์ประชาไท (prachatai.com) ในความผิดตามมาตรา 14 และ 15 พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ฯ จำคุก 1 ปี ปรับ 30,000 บาท จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท และจำเลยไม่เคยกระทำความผิดให้รอลงอาญา 1 ปี  ก่อนหน้านี้ ศาลได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้ในวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา แต่ในวันดังกล่าว ผู้พิพากษาขึ้นบัลลังก์แจ้งขอเลื่อนการอ่านคำพิพากษาไปเป็นวันที่ 30 พ.ค.55 โดยให้เหตุผลว่า เอกสารคดีนี้มีจำนวนเยอะมาก
 
สำหรับบรรยากาศในการเข้าฟังคำ พิพากษาวันนี้ มีผู้เข้าร่วมฟังกว่า 100 คน โดยมีตัวแทนจากสถานทูตประจำประเทศไทยจากประเทศต่างๆ กว่า 11 ประเทศ อาทิ อเมริกา อังกฤษ แคนาดา สวีเดน ฟินแลนด์ สวิสเซอร์แลนด์ เยอรมนี ตัวแทนจากสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย
 
//////////////////////////////////
 
ศาลได้อ่านคำพิพากษา น.ส.จีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการประชาไท จากข้อกล่าวหาว่าจำเลยได้มีการปล่อยให้มีการนำเข้าข้อมูลที่มีความผิดเกี่ยว กับความมั่นคงของประเทศอยู่ในเว็บบอร์ดโดยที่ข้อความส่วนใหญ่ปรากฏอยู่นาน 1-3,10วัน และมีข้อความหนึ่งปรากฏอยู่ในเว็บบอร์ดนานถึง20วันนั้น
ศาลถือว่าเป็นเวลาที่ควรจะรู้และควรที่จะทำการลบข้อความที่เป็นปัญหาแล้ว จึงถือเป็นการการงดเว้นไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามเวลาอันสมควร จึงถือเป็นการยินยอมโดยปริยายให้มีการนำเข้าข้อมูลที่มีความผิดเข้าสู่ระบบ คอมพิวเตอร์จริง

ส่วนที่จำเลยนำสืบว่าเหตุเกิดจากมีการแสดงความคิดเห็นตามเว็บบอร์ดมาก ขึ้นหลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน พ.ศ.2549 และทางเว็บได้เพิ่มมาตรการในการตรวจสอบมากขึ้นตามลำดับนั้น ถือว่าเป็นการกระทำตามหน้าที่แต่ยังไม่ถือว่าเพียงพอ

ในส่วนที่จำเลยยกเรื่องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นนั้น ศาลยอมรับว่ามีความสำคัญและถูกระบุอยู่ในรัฐธรรมนูญทุกฉบับ การมีเสรีภาพในการวิพากษ์วิจารณ์ได้สะท้อนถึงหลักธรรมาภิบาลและประชาธิปไตย ขององค์กรและของประเทศนั้นๆ

แต่เมื่อจำเลยเปิดช่องทางให้มีการแสดงความคิดเห็นก็ต้องดูแลตรวจสอบข้อ ความที่จะเป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศและสิทธิเสรีภาพของผู้อื่นซึ่งเป็น สิ่งที่ต้องเคารพเช่นกัน
  
(อ่านต่อ)
http://www.prachatai.com/node/40757

วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

ที่นี่ความจริง อ.หวาน อ.ตุ้ม 29พค55

ที่นี่ความจริง อ.หวาน อ.ตุ้ม 29พค55

 

(คลิกฟัง)
http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=FEthOXDsI3w

Wake Up Thailand

Wake Up Thailand

 

Posted Image

 

Wake Up Thailand 29พค55

http://www.youtube.com/watch?v=RyR7YwmqXaY

Wake Up Thailand 28พค55

http://www.youtube.com/watch?v=4DvrSnmpiNc

the Daily Dose

the Daily Dose

 

รายการ The Daily Dose ประจำวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2555

The Daily Dose 29พค55

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=dPRptbtiV20

the Daily Dose 28พค55

http://www.youtube.com/watch?v=RFSocg9k_R4

เมื่อ “ทุน” ปฏิเสธเสรีภาพในการจัดตั้ง/เจรจาต่อรองร่วมของแรงงาน อีกครั้ง


เมื่อ “ทุน” ปฏิเสธเสรีภาพในการจัดตั้ง/เจรจาต่อรองร่วมของแรงงาน อีกครั้ง



สมาชิกสหภาพแรงงานชินเอไฮเทค จังหวัดนครราชสีมาพร้อมกันนัดหยุดงาน


พัชณีย์ คำหนัก
โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย

เสียงตะโกน “เรารักกัน เราทำได้ ....เราต้องชนะ" ของสมาชิกสหภาพแรงงานชินเอไฮเทคประมาณ 1,500 คนดังกึกก้องที่กระทรวงแรงงาน เพื่อปกป้ององค์กรอย่างพร้อมเพรียงกันและเมื่อสหภาพแรงงานกลายเป็นองค์กรที่น่ารังเกียจของฝ่ายนายจ้างเมื่อนั้นก็ปรองดองกันไม่ได้อีกต่อไป

ประเด็นปัญหา ที่สหภาพแรงงานชินเอไฮเทคต้องออกมาเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่กระทรวงแรงงานกด ดันนายจ้างรับพนักงานกลับเข้าทำงานทุกคน (2,100 คน) หลังจากที่เรียกร้องไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาแต่ไม่ได้รับการตอบ สนอง  คือ  การถูกนายจ้างชาวญี่ปุ่นปฏิเสธการยื่นข้อเรียกร้อง  ตัวแทนเจรจาข้อเรียกร้องถูกพักงาน คณะกรรมการลูกจ้างถูกเลิกจ้าง รวมถึงคณะกรรมการสหภาพแรงงานจำนวน 176 คน สมาชิกถูกข่มขู่ให้ลาออก และในที่สุดสหภาพแรงงานจึงใช้สิทธินัดหยุดงานวันที่ 28 เมษายน 2555 เพื่อประท้วงการกระทำของนายจ้างและทีมผู้บริหารคนไทยที่เพิ่งถูกจ้างมาร่วม กันละเมิดสิทธิในการจัดตั้ง (The Right to Organize) เลิกจ้างไม่เป็นธรรม (Unfair Dismissals) ทำลายเสรีภาพในการรวมตัวเจรจาต่อรองร่วม (Freedom of Association and Collective Bargaining)

รองประธานสหภาพแรงงาน นายองอาจ เชาระกำ กล่าวถึงข้อเรียกร้องที่สหภาพแรงงานยื่นขอปรับปรุงสภาพการจ้างงาน เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2555  แบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่

(อ่านต่อ)http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40734

หญิงบราซิลหลายพันจัดการชุมนุม"โสเภณีประท้วง"ฮือเรียกร้องรัฐต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง

หญิงบราซิลหลายพันจัดการชุมนุม"โสเภณีประท้วง"ฮือเรียกร้องรัฐต่อต้านความรุนแรงต่อผู้หญิง

 



 

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ว่า ผุ้หญิงบราซิลจำนวนหลายพันคนได้จัดการประท้วงที่เรียกว่า"โสเภณีประท้วง" ในหลายเมืองของประเทศ เพื่อเรียกร้องให้รัฐป้องกันการใช้ความรุนแรงต่อผู้หญิง จำนวนนี้ รวมทั้งผู้หญิงเกือบ 3,000 คนในเมืองบราซิลล่า และอีกเกือบ 1,000 คน ในกรุงริโอ เดอ จาไนโร โดยผู้ชุมนุมทั้งหญิงและชายต่างถือป้ายเรียกร้องให้รัฐออกกม.ทำแท้งเสรี และยุติความใช้ความเป็นเพศชายที่แข็งแรงทำร้ายผู้หญิง

ส่วนที่กรุงเซา เปาโล การประท้วงดังกล่าวมีผู้เข้าร่วมกว่า 700 คน โดยส่วนใหญ่แต่งกายด้วยชุดชั้นใน ประกอบด้วยตัวแทนจากกลุ่มพิทักษ์สิทธิสตรี เลสเบี้ยน และกลุ่มข้ามเพศอื่น ๆ

รายงานว่า "โสเภณีประท้วง"ได้ถือกำเนิดขึ้นครั้งแรกที่เมืองโตรอนโตของแคนาดา เมื่อปีที่แล้ว หลังจากเกิดกระแสโกรธแค้นต่อตำรวจ ที่เตือนให้ผู้หญิงไม่ให้แต่งกายโป๊เหมือนผู้หญิงหากิน เพื่อไม่ให้ตกเหยื่อของอาชญากรรม ทำให้กลุ่มผู้หญิงลุกฮือต่อต้านระบุว่า ผู้หญิงย่อมมีเสรีภาพในการแต่งกาย และผู้ชายไม่มีสิทธิที่จะข่มขืนผู้หญิงที่แต่งกายโป๊

 

(ที่มา)http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338186020&grpid=&catid=06&subcatid=0600 

เลดี้ กาก้า, อินโดนีเซีย และชัยชนะ(อีกครั้ง)ของกลุ่ม"มุสลิมสุดขั้ว"

เลดี้ กาก้า, อินโดนีเซีย และชัยชนะ(อีกครั้ง)ของกลุ่ม"มุสลิมสุดขั้ว"

 



การตัดสินใจของ"เลดี้ กาก้า" ในการยกเลิกคอนเสิร์ตที่อินโดนีเซีย สืบเนื่องมาจากการถูกข่มขู่อย่างหนักจากกลุ่มมุสลิมเคร่งศาสนา  ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงอิทธิพลด้านศาสนาที่ยิ่งทรงพลังเพิ่มขึ้น

อินโดนีเซีย ในฐานะประเทศมุสลิมขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับการยกย่องจากผู้นำตะวันตกให้เป็นหนึ่งในตัวอย่างของประเทศมุสลิมสมัย ใหม่ เช่นเดียวกับประธานาธิบดีบารัก โอบามา กล่าวไว้ระหว่างการเยือนอินโดนีเซียเมื่อปี 2010

แต่การพุ่งเป้าโจมตีชาวคริสต์ และชาวมุสลิมกลุ่มน้อย หรือผู้ที่ถูกมองว่าเป็น"ศัตรูของชาวมุสลิม" ประกอบกับการขาดการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจังของรัฐบาล ได้สร้างความวิตกกังวลต่อการกระทำที่เหิมเกริมของกลุ่มเคร่งศาสนา ที่นับวันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น

ในกรณีของเลดี้ กาก้า กลุ่มแนวหน้าปกป้องมุสลิม (เอฟพีไอ) ได้ขู่ที่จะ"เผาเวที" หากเธอยังคงดึงดันที่จะแสดงเครื่องหมายการค้าประจำตัว อาทิ การแต่งตัวประหลาด การแสดงที่ส่อไปในเรื่องเพศ หรือการสนับสนุนสิทธิของกลุ่มคนรักร่วมเพศ กลุ่มได้ตราหน้าเธอว่า"นางมารร้าย" และเตรียมเคลื่อนพลกว่า 30,000 คน เพื่อสร้างความวุ่นวาย หากเธอยังดึงดันที่จะเปิดการแสดงต่อ

(อ่านต่อ)

http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338279682&grpid=&catid=06&subcatid=0600

เสวนา "ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์"


เสวนา "ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์"
 
เสวนา "ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์"

ปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์ : ครก.112

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=BlJ0qf30wog#! 
 
27 พ.ค. 2555 นักวิชาการผู้ร่วมรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ชาญวิทย์ เกษตรศิริ, นิธิ เอียวศรีวงศ์, วรเจตน์ ภาคีรัตน์ และพวงทอง ภวัครพันธุ์ ร่วมเสวนาหัวข้อปรากฏการณ์ 112 ริกเตอร์ ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาธรรมศาสตร์ ในโอกาสปิดการรณรงค์แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 หลังจากดำเนินต่อเนื่องมาทั้งสิ้น 112 วัน โดยมีจำนวนประชาชนเข้าร่วมลงชื่อทั้งสิ้น 39,185 คน
 
(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40710

ชมภาพชุด "ชาญวิทย์" นำกว่า 2 หมื่นรายชื่อเสนอแก้ ม.112 ยื่นประธานรัฐสภา-คนเสื้อแดงแห่ร่วมคึกคัก

ชมภาพชุด "ชาญวิทย์" นำกว่า 2 หมื่นรายชื่อเสนอแก้ ม.112 ยื่นประธานรัฐสภา-คนเสื้อแดงแห่ร่วมคึกคัก

 


เมื่อเวลา 9.00 น. คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 (ครก. 112) นำโดย นายชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมกับนักวิชาการ ศิลปิน มวลชนคนเสื้อแดงและประชาชนที่เห็นด้วยกับการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เคลื่อนขบวนแบกกล่องดำ บรรจุเอกสารรวบรวมรายชื่อผู้ร่วมเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตราดังกล่าว จากลานพระบรมรูปทรงม้า บริเวณหมุดคณะราษฎร ไปยังรัฐสภา 


(คลิกชม)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338268410&grpid=&catid=02&subcatid=0202

เลือกตั้งอียิปต์ส่อเค้าวุ่น ผู้ประท้วงเดินขบน-บุกเผาสำนักงานผู้สมัครเลือกตั้งปธน.

เลือกตั้งอียิปต์ส่อเค้าวุ่น ผู้ประท้วงเดินขบน-บุกเผาสำนักงานผู้สมัครเลือกตั้งปธน.

 


 

 

ผู้ประท้วงจุดไฟเผาสำนักงานใหญ่รณรงค์หาเสียงของนายอาเหม็ด ชาฟิค ผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีอียิปต์ และอดีตนายกรัฐมนตรีอียิปต์ในสมัยประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค

เหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นหลังจากที่ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบแรกปรากฏว่า นายชาฟิคได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 2 ได้ลงเลือกตั้งรอบชี้ขาดในเดือนหน้า อย่างไรก็ดี ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่เปลวเพลิงได้รับการดับอย่างรวดเร็วและอาคารไม่ได้รับความเสียหายมาก นัก ด้านเจ้าหน้าที่ตำรจสามารถจับกุมตัวผู้ต้องสงสัยใกล้ที่เกิดเหตุได้ 8 ราย

นายชาฟิค อดีตผู้บัญชาการกองทัพอากาศอียิปต์ ซึ่งถูกมองว่าถอดแบบมาจากประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค จะลงเลือกตั้งรอบชี้ขาดแข่งกับนายโมฮัมเหม็ด มอร์ซี จากกลุ่มภราดรภาพมุสลิม หลังจากที่ผลการเลือกตั้งรอบแรกปรากฏว่า นายมอร์ซีได้คะแนนเป็นอันดับ 1 ได้เสียงสนับสนุนร้อยละ 24.3 ขณะที่นายชาฟิคได้เสียงสนับสนุนร้อยละ 23.3 โดยมีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียงร้อยละ 46   

ผลการเลือกตั้งทำให้กลุ่มผู้ที่ไม่พอใจนายชาฟิค บุกทำลายทรัพย์สินและจุดไฟเผาสำนักงานหาเสียงของนายชาฟิคในเขตดอคกี แต่เจ้าหน้าที่สามารถดับเพลิงและไม่มีใครเสียชีวิต นอกจากนี้มีรายงานว่าผู้ประท้วงจำนวนหลายพันคนเดินขบวนบนท้องถนนหลายสายทั่ว ประเทศ แสดงความไม่พอใจผลการเลือกตั้งรอบแรกซึ่งประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวานนี้
 


(อ่านต่อ)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1338259632&grpid=&catid=06&subcatid=0600

รายชื่อแก้ ม.112 ถึงสภาแล้ว นักวิชาการวอนรัฐบาลอย่าใช้อคติ

รายชื่อแก้ ม.112 ถึงสภาแล้ว นักวิชาการวอนรัฐบาลอย่าใช้อคติ

 

ตอนสายของวันนี้ (29 พ.ค.55) คณะรณรงค์แก้ไขมาตรา 112 หรือ ครก.112 พร้อมประชาชนนับร้อยคน เดินเท้าจากหมุดอภิวัฒน์ ลานพระรูปทรงม้าไปยังรัฐสภา เพื่อนำเอกสารและรายชื่อผู้ขอแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ส่งให้กับประธานรัฐสภา  

บรรยากาศโดยรวมเป็นไปอย่างคึกคัก มีนักวิชาการ นักกิจกรรมทางสังคม และประชาชนเข้าร่วมกว่า 300 คน มีการนำเอกสารผู้เข้าชื่อแก้ไขมาตรา 112 บรรจุลงกล่องดำจำนวน 12 กล่อง ใส่คอนหาม ขบวนเดินเท้าเคลื่อนจากพระรูปทรงม้าไปถึงหน้ารัฐสภา โดยมีด้วยรถจักรยานยนต์นำหน้า และตัวเลข 3 9 1 8 5 ซึ่งเป็นจำนวนของผู้เข้าชื่อทั้งหมดปิดท้ายขบวน ตลอดเส้นทางมีการเปล่งเสียงให้แก้ไขมาตรา 112 และมีผู้สื่อข่าวทั้งในและต่างประเทศให้ความสนใจติดตามรายงานข่าวเป็นจำนวน มาก





ตัวแทน ครก.112 นำโดยชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และตัวแทนอีก 9 คน ได้แก่ จันทจิรา เอี่ยมมยุรา, พวงทอง ภวัครพันธุ์, เวียงรัฐ เนติโพธิ์, วันรัก สุวรรณวัฒนา, สุดา รังกุพันธุ์, อนุสรณ์ อุณโณ, วาด รวี, จรัล ดิษฐาอภิชัย และจิตรา คชเดช นำเอกสารพร้อมร่าง พรบ.แก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายอาญามาตรา 112 ที่จัดทำขึ้นโดยคณะนิติราษฎร์เข้ายื่นต่อประธานรัฐสภา โดยมีวิสุทธิ์ ไชยณรุณ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 เป็นตัวแทนออกมารับ พร้อมด้วยจารุพรรณ กุลดิลก และประสิทธิ์ ไชยศรีษะ สส.พรรคเพื่อไทย โดยนายวิสุทธิ์กล่าวว่า จากนี้ไปจะมีการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมดก่อน ซึ่งขั้นตอนดังกล่าวจะต้องใช้เวลาราว 3-4 เดือน 

รายชื่อขอแก้ ม.112 ถึงสภาแล้ว

http://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=Iu9LDh7z0P0 





ทั้งนี้มีประชาชนเข้าชื่อเพื่อแก้ไขมาตรา 112 ทั้งหมด 39,185 คน และมีเอกสารถูกต้องสมบูรณ์และนำส่งให้กับรัฐสภาจำนวน 26,986 คน
  
ภายหลังการส่งรายชื่อ ชาญวิทย์ เกษตรศิริ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวว่า เนื่องจากมาตรา 112 มีบทลงโทษที่รุนแรงและถูกนำมาใช้อย่างพร่ำเพรื่อ ถ้ารัฐบาลมีความกล้าหาญและมีจริยธรรมทางการเมือง กล้าผลักดันการแก้ไขกฎหมายมาตรานี้ สถาบันกษัตริย์ของไทยก็จะมีความมั่นคงดังเช่นในประเทศตะวันตก
  
นอกจากนี้นายชาญวิทย์ยังมีความกังวลถึงความล่าช้าของกระบวนการตรวจสอบราย ชื่อของรัฐสภา และกังวลว่า สส. สว. รวมทั้งรัฐบาลจะไม่กล้าแตะต้องกฎหมายอาญามาตรา 112 และวิงวอนนักการเมืองให้ใช้หลักวิชาการ อย่าใช้อคติในการพิจารณาเรื่องนี้ และมีความเป็นห่วงว่าการแก้ไขมาตรา 112 จะทำได้ทันกับสถานการณ์หรือไม่





(ที่มา)
http://www.prachatai.com/journal/2012/05/40735

“กันต์” น้องชาย กมนเกด อัคฮาด ได้เรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาล

“กันต์” น้องชาย กมนเกด อัคฮาด ได้เรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาล

 


Posted Image 
 ณัทพัช อัคฮาด หรือ “กันต์” น้องชาย กมนเกด อัคฮาด ได้เรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาลเรียงลำดับจากนายกรัฐมนตรี ลงมาจนถึง สส.พรรคเพื่อไทย ให้เร่งค้นหาความจริงให้ปรากฏก่อน โดยให้สัมภาษณ์ตอนหนึ่งว่า

"พี่สาวผมตายไปแล้ว สิ่งแรกที่ผมเรียกร้องคือ เรียกร้องความยุติธรรมให้คนตาย และผมจะไม่ยอมให้ความอยุติธรรมปกคลุมประเทศไทย จะต้องเอาคืนมาให้ได้ไม่ว่าจะเรื่องอะไรก็ตาม ดังนั้นตราบใดที่ตระกูลฮัคฮาด หรือตัวผมยังอยู่ ไม่มีทางที่นิรโทษกรรมจะเกิดขึ้น เรื่องของคุณทักษิณก็ควรสู้คดีกันไป คุณทักษิณอย่าเอาเรื่องคนตายมาเหมารวม ผมไม่ได้สู้เพื่อทักษิณ"

วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555

"ชำแหละพรบ.ปรองดอง ใครได้-ใครเสีย"

"ชำแหละพรบ.ปรองดอง ใครได้-ใครเสีย"





งานเสวนาหัวข้อ "ชำแหละพรบ.ปรองดอง ใครได้-ใครเสีย" เพื่อนำเสนอต่อสังคมว่า พรบ.ปรองดองฉบับนี้เป็นอย่างไร มีเนื้อหาอย่างไร และพรบ.การปรองดองที่ดีควรจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรจึงจะเหมาะสมกับการปรองดองในสังคมไทย

กำหนดการณ์ เริ่มตั้งแต่เวลา 13.00-16.00 น.
วิทยากร
นายศราวุธ ประทุมราช นักสิทธิมนุษยชน
นายปณิธาน พฤกษาเกษมสุข นักศึกษาม.ธรรมศาสตร์ (ลูกของนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข ผู้ต้องขังคดี 112(หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ))
นางสาวจิตรา คชเดช นักเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อความเป็นธรรมและประชาธิปไตย
นายกรชนก แสนประเสริฐ นักวิชาการอิสระ กลุ่มสามัญชน
ดำเนินรายการโดย นายพรชัย ยวนยี เลขาธิการ สนนท.

จัดที่ อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา(ตึกหลัง)

หมายเหตุ ภายในงานอยากให้ทุกท่านที่เข้าร่วมเตรียมประเด็นเกี่ยวกับพรบ.ปรองดองร่วมแลกเปลี่ยนได้ โดยจะเน้นไปที่การแลกเปลี่ยนระหว่างวิทยากรกับผู้เข้าร่วมมากกว่า เพือสิทธิเสรีภาพ และเสมอภาคต่อทุกๆท่าน

ละครตลกร้ายเรื่องการนำอาชญากรรัฐมาขึ้นศาล

แดงสังคมนิยม

ละครตลกร้ายเรื่องการนำอาชญากรรัฐมาขึ้นศาล





โดยใจ อึ๊งภากรณ์

 

มี การ “เอดิด” ตัดลบบทบาทชั่วร้ายของทหารออกไป ไม่พูดถึงอาชญากรรมการก่อรัฐประหาร และไม่พูดถึงบทบาทประยุทธ์กับอนุพงษ์ในการเข่นฆ่าเสื้อแดง


แนว ทางของทักษิณและเพื่อไทยในการปรองดอง จริงๆ แล้วเป็นการยอมจำนนบนซากศพวีรชน และสังเวยนักโทษการเมือง เพื่อให้ทักษิณกลับมาและเพื่อให้นักการเมืองพรรคเพื่อไทยดำรงตำแหน่งและกอบ โกยผลประโยชน์ต่อไป และที่ชัดเจนคือฆาตกรสี่คนที่มือเปื้อนเลือดเสื้อแดง คือประยุทธ์ อนุพงษ์ อภิสิทธิ์ กับ สุเทพ จะไม่ถูกนำมาขึ้นศาลแต่อย่างใด ตรงนี้เราดูได้จากคำพูดของทักษิณในบทสัมภาษณ์กับ จอม เพชรประดับ ในวันที่ 17 เมษายนปีนี้ที่เขมร ดูได้จากทักษิณโฟนอินในวันที่ 19 พฤษภาคม และดูได้จากร่าง พรบ.ปรองดอง

แต่ ละครตลกร้ายที่กำลังเล่นคู่ขนานกันกับการยอมจำนนนี้ คือการสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ของวิกฤตหลังรัฐประหาร ๑๙ กันยา คือมีการ “เอดิด” ตัดลบบทบาทชั่วร้ายของทหารออกไป ไม่พูดถึงอาชญากรรมการก่อรัฐประหาร และไม่พูดถึงบทบาทประยุทธ์กับอนุพงษ์ในการเข่นฆ่าเสื้อแดง นิยายใหม่ที่เข้ามาแทนที่ประวัติศาสตร์จริง คือการเสนอว่าศัตรูหลักของเพื่อไทย เสื้อแดง หรือทักษิณ คือแค่พรรคประชาธิปัตย์เท่านั้น โดยเฉพาะอภิสิทธิ์กับสุเทพ อันนี้เราก็เห็นได้จากคำสัมภาษณ์ของทักษิณอีก และการที่เพื่อไทย และ นปช. เลิกวิจารณ์ทหาร ประกอบกับการที่ยิ่งลักษณ์ไปจับมือกับประยุทธ์และไปกราบเปรม เนื้อหาอยู่ที่สิ่งที่ไม่พูด

ในละครตลกร้ายอันนี้ อภิสิทธิ์ กลายเป็นของเล่นของ ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. เพราะประชาธิปัตย์มีอำนาจน้อย ไม่เหมือนทหาร ในอดีตอภิสิทธิ์เป็นนายกหุ่นเชิดของทหารเท่านั้น จึงนำมาแกล้ง เตะ และหยอกล้อได้ เหมือนที่เด็กๆ เล่นกัน และคงไม่เจ็บหรอก คือมีการแกล้งทำเป็นว่าจะมีการสอบสวนบางคดีที่คนตายท่ามกลางการชุมนุม โดยสร้างภาพว่าอาจเกี่ยวกับอภิสิทธ์ แต่การสอบสวนอันนี้ไม่มีวันออกผล เพราะทุกฝ่ายของชนชั้นปกครองคุยกันแล้วว่าทุกคนต้องลอยนวล.... ยกเว้นคนก้าวหน้าที่โดน 112

ถ้าพวกนั้นไม่จัดการให้ตนเองลอยนวล ใครจะไปรู้ ทักษิณอาจโดนนำมาขึ้นศาลคดีตากใบก็ได้ และทหารจะหมดอำนาจลงมากเพราะหมด “สิทธิ์” ที่จะใช้ความรุนแรงในอนาคต

อีกส่วนหนึ่งของละครตลกร้าย คือการที่ทักษิณจัดการให้ทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม มาค้นหาข้อมูลเรื่องการนองเลือดที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ เพื่อนำ อภิสิทธิ์ มาขึ้นศาลอาญาระหว่างประเทศ อันนี้เป็นไพ่ใบสุดท้ายในการสร้างภาพของทักษิณ เพื่อเบี่ยงเบนความไม่พอใจของเสื้อแดงในการปรองดอง เพราะทนาย โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม เป็นคนที่จริงใจในการรื้อข้อมูลทั้งหมด และจริงใจเดินหน้าเพื่อพยายามนำ อภิสิทธ์มือเปื้อนเลือด มาขึ้นศาล เราต้องเข้าใจว่าทนายที่เก่งๆ ต้องเชื่อในสิ่งที่ตนเองทำ ไม่ใช่รับเงินค่าจ้างมาแล้วไม่แคร์ การเป็นทนายเก่งนั้นคือลักษณะของ โรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม แต่เราต้องเข้าใจอีกว่า ทนายกับนักเคลื่อนไหวทางการเมืองหรือนักสิทธิมนุษยชนไม่เหมือนกัน ทนายต้องทำทุกอย่างในกรอบ และกรอบที่จำกัดสิ่งที่ทนาย อัมสเตอร์ดัม ทำได้ คือการที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์จะไม่ยกมือรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศในไทย ซึ่งแปลว่า ทนาย อัมสเตอร์ดัม จะต้องเล่น อภิสิทธิ์ คนเดียวนอกประเทศ ในฐานะที่ อภิสิทธิ์ มีสัญชาติอังกฤษกับสัญชาติไทย (อังกฤษยอมรับอำนาจศาลอาญาระหว่างประเทศ) อันนี้อำนวยความสะดวกในการ “ลืม” ทหารของทักษิณ กับ เพื่อไทย เป็นอย่างมาก

ทั้งๆ ที่ ทนาย อัมสเตอร์ดัม จะพยายามอย่างถึงที่สุด ผมเชื่อว่าจะไม่ประสบความสำเร็จกับศาลอาญาระหว่างประเทศ เขาเองก็เตือนเราไม่ให้หวังอะไรมากไป และเมื่อประสบความล้มเหลวในอนาคต ทักษิณ เพื่อไทย และ นปช. ก็จะอ้างว่า “เราพยายามแล้วแต่ไม่สำเร็จ” ทั้งนี้เพื่อปกปิดการหักหลังวีรชนที่เกิดขึ้นจริง

นอกจากนี้แกนนำ นปช. ก็ออกมาพูด “ภาพใหญ่” เรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ เพื่อให้เราลืมรายละเอียดว่า นปช. ไม่ยอมรณรงค์ให้แก้หรือยกเลิก 112 เลย และไม่สนับสนุนข้อเสนอของนิติราษฎร์อย่างเป็นรูปธรรมทางการ

มีอีกละครหนึ่ง เป็นละครเล็กนอกระบบข้างถนน ละครนี้เสนอว่าคนระดับเบื้องบนเป็นคนสั่งทุกอย่าง สั่งรัฐประหาร และสั่งฆ่า ซึ่งไม่จริง เราเชื่อได้ก็ต่อเมื่อเราเปิดหูเปิดตาถึงข้อมูลจริงๆ แต่คนที่เสนอแนวแบบนี้มักพาเราไปในทางเดียวกับเพื่อไทย ทักษิณ และ นปช. ทั้งๆ ที่อาจคิดต่างกัน เขาพาเราไปหลงเชื่อว่าทหารไม่ได้สั่งการเอง และหลงเชื่อว่าทหารไม่เคยมีอำนาจเอง แล้วเราก็ต้องยกโทษให้ทหาร เขาพาเราไปหลงเชื่ออีกว่า “เราทำอะไรไม่ได้” เพราะเราเผชิญหน้ากับอำนาจอันยิ่งใหญ่ ซึ่งก็เป็นการเสนอให้หยุดสู้เหมือนกัน ความเชื่อของแนวนี้เป็นความเชื่อที่ทหารใช้หลอกเราด้วย เพื่อให้อำนาจทหารดูยิ่งใหญ่เพราะมีผู้ใหญ่ถือหาง แต่อำนาจทหารมาจากการใช้อาวุธ

สรุปแล้วเสื้อแดงต้องพลีชีพ เสื้อแดงต้องติดคุก เสื้อแดงต้องโดน 112 และล้วนแต่กลับบ้านไม่ได้ แต่ทหาร พันธมิตรฯ และประชาธิปัตย์จะไม่ต้องโดนอะไรเลย และทักษิณจะได้กลับบ้าน พวกเราจะยอมรับสถานการณ์แบบนี้หรือ?

การสร้างความยุติธรรม หรือเสรีภาพประชาธิปไตย ต้องสร้างโดยพลเมืองภายในสังคม บทเรียนมีมากมายทั่วโลก สังคมที่เริ่มสร้างความยุติธรรมหลังเหตุการณ์นองเลือดของเผด็จการ อย่างเกาหลีใต้ ตุรกี อาเจนทีนา หรืออัฟริกาใต้ อาศัยการเคลื่อนไหวต่อสู้ของมวลชนเป็นหลัก ส่วนในสเปน หรือชิลี การ “รอ” “ใจเย็น” “ยอมจำนน” ไม่ได้นำไปสู่การเปิดเผยความจริงและการประนามผู้กระทำความผิด 

ในเมื่อชนชั้นปกครองไทย ไม่ว่าจะเป็นซีกทหาร ประชาธิปัตย์ เพื่อไทย หรือทักษิณ จงใจไม่กำจัดผลพวงของรัฐประหาร และจงใจให้คนที่ฆ่าประชาชนลอยนวลอีกครั้ง เป็นครั้งที่สี่ ความหวังอยู่ที่กระแสของคณะนิติราฏร์ แต่เขาทำเองสองสามคนไม่ได้ มวลชนที่รักประชาธิปไตยและความเป็นธรรมต้องเคลื่อนไหวร่วมกับเขา

แต่ สิ่งหนึ่งที่พวกเราต้องเข้าใจอย่างชัดเจนคือ ฝ่ายอำมาตย์ ฝ่ายทหาร ฝ่ายเพื่อไทย ฝ่ายนปช. มีการจัดตั้ง มีโครงสร้างองค์กรเพื่อรวมพรรคพวกในการทำอะไร หรือในการเคลื่อนไหว มีการประสานงานกันอย่างหนักแน่น มีการเดินร่วมกัน ดังนั้นถ้าแดงก้าวหน้าหรือแดงอิสระจะแข่งกับเขาได้ เราก็ต้องจัดตั้งในลักษณะที่ประสานงานกันเป็นองค์กรเดียวเช่นกัน การอยู่อย่างปัจเจกในกลุ่มเล็กๆ เป็นการเอาใจตัวเอง อาจสร้างความพึงพอใจกับตนเองได้ แต่เปลี่ยนสังคมไม่ได้ ถ้าเราไม่จัดตั้งเราก็แค่เหมือนน้ำที่สาดใส่ก้อนหินของฝ่ายตรงข้าม มันไหลลงดินโดยไม่มีผลอะไร

(ที่มา)