หน้าเว็บ

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

วิกฤต 2 กฎหมาย ขัดแย้งทางความคิด ยุติด้วย′เสียงข้างมาก′

วิกฤต 2 กฎหมาย ขัดแย้งทางความคิด ยุติด้วย′เสียงข้างมาก′




การเมืองดูเหมือนจะ "เครียด-เคียด"

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้นำฝ่ายค้าน ใส่เสื้อแดงขึ้นเวทีที่สนามไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง

ประกาศเด็ดเดี่ยว ต่อต้านร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ และการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

ส่วนพรรคเพื่อไทย แม้มีท่าทียืนยัน ไม่ถอย ไม่ถอน

จะเดินหน้าดันต่อ ทั้ง พ.ร.บ.ปรองดองฯ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ

แต่ก็มีท่าทีพร้อมพิจารณาปัญหาในเชิงวิธีการมากขึ้น

เป็นอาการชิล-ชิล ที่แตกต่างออกไป

ร่าง พ.ร.บ.ปรองดองฯ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ขณะนี้ค้างอยู่ในสภา

เปิดสมัยประชุมเมื่อไหร่ ต้องนำขึ้นมาพิจารณา เว้นแต่จะเลื่อนระเบียบวาระ นำเรื่องอื่นมาพิจารณาก่อน

หรือขอถอนออกจากวาระการประชุม

ถือว่าเป็นเรื่องของรัฐสภาจะดำเนินการไปตามความเห็นส่วนใหญ่

ปัญหาคือพรรคฝ่ายค้านยังไม่สุกงอมพอจะยอมรับ "เสียงส่วนใหญ่"

ยังเชื่อและเห็นว่าเสียงส่วนใหญ่ คือ เผด็จการรัฐสภา

เมื่อความเห็นยังขบเหลี่ยมกัน จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับ "วิธีการ"

ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ยังชะงัก เนื่องจากทางรัฐบาลไม่แน่ใจการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ

จนเกิดการถกเถียงในที่ประชุม ครม.สัญจร ที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสุรินทร์ จ.สุรินทร์

นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา รายงานว่า โดยหลักแล้ว คำวินิจฉัยส่วนตัวต้องออกก่อนคำวินิจฉัยกลาง

แต่ศาลรัฐธรรมนูญเปิดคำวินิจฉัยกลางก่อน แล้วมาเปิดคำวินิจฉัยส่วนตนภายหลัง และยังเกิดปัญหาคำวินิจฉัยส่วนตนไม่ชัดเจนอีก

ที่ประชุม ครม.ให้เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา ทำหนังสือไปถามศาลรัฐธรรมนูญ จนสิ้นสงสัย

เป็นการส่งหนังสือไปทวงถามให้ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยคำวินิจฉัยอีกที

จะสิ้นสงสัยหรือยิ่งสงสัย เป็นเรื่องต้องรอคอย--และลุ้น

ระหว่าง รอผลจากศาลรัฐธรรมนูญ น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกฯได้มอบหมายนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ศึกษาหากลไก เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและแสดงความคิดเห็น


เพื่อสร้างเสริมความสมดุลของทั้งสามอำนาจในรัฐธรรมนูญ

ส่วน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี จะออกเดินสายชี้แจง พร้อมกับนายสุธรรม แสงประทุม และนายอดิศร เพียงเกษ

เย็นวันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ ช่วงไหนว่างจะตระเวนต่างจังหวัด

โดยยึดภาคอีสานและภาคเหนือเป็นหลัก ส่วน กทม.จะใช้พื้นที่ลานคนเมือง ชี้แจงต่อประชาชน

ย้อนกลับไปหาประชาธิปไตยทางตรง คือ ฟังจากประชาชนเจ้าของอำนาจอธิปไตยโดยตรง

น่าจะเป็นเรื่องดี หากฝ่ายการเมืองทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จะยอมเริ่มต้นจากจุดเดียวกัน

โดยยอมรับว่า พ.ร.บ.ปรองดองฯ และร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ เป็นความขัดแย้งทางความคิดระหว่างคนในชาติเดียวกัน

ไม่จำเป็นจะต้องทำให้เป็น "วิกฤต"

ไม่จำเป็นต้องยุติด้วยศึกสงคราม ด้วยเลือดเนื้อของประชาชนอีก

แต่ยุติได้ด้วยข้อมูลและความรู้ ด้วยการถกเถียงในกรอบของสันติวิธี

เหตุผลจากฐานข้อมูลหรือความเชื่อหนึ่ง หักล้างด้วยเหตุผลจากอีกฐานความรู้หนึ่ง

จะสวมเสื้อแดง นุ่งผ้าขะม้าแดง หรือสีอะไรก็ตาม ย่อมเป็นสิทธิในการแสดงออก

แต่ทุกวิธีการ ทุกเส้นทาง มุ่งไปสู่การตัดสินด้วยเสียงข้างมาก

 
(ที่มา)
http://www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1343800227&grpid=01&catid=&subcatid=

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น